Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Sloth News
•
ติดตาม
11 ม.ค. 2022 เวลา 11:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
3 เรื่องที่ควรรู้ก่อนการเทรดคริปโตฯ
คริปโตฯระบบการเงินยุคใหม่ สำหรับคนทุกยุค อยากลองเทรดคริปโตฯแต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไร กลัวความเสี่ยงเพราะไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังลงทุนอยู่ จะต้องเทรดอย่างไรถึงจะได้กำไร ไม่รู้จะเริ่มศึกษาจากตรงไหน เพราะข้อมูลเยอะแยะไปหมด Sloth News ได้สรุปความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบการเงินยุคใหม่ ที่ผู้เริ่มต้นเทรดควรทำความเข้าใจ มีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. Blockchain คืออะไร
บล็อกเชน ก็เหมือนกล่องใบหนึ่งที่ประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลการทำบัญชีต่างๆ ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ต โดยไม่ผ่านตัวกลาง ยกตัวอย่างบิทคอยน์ การทำบัญชีโดยไม่ผ่านตัวกลางเกิดขึ้นได้ จากการมีบัญชีเพียง 1 บัญชี และทุกคนจะแชร์ข้อมูลร่วมกัน ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ แต่แก้ไขไม่ได้ ที่ไม่ได้ก็เพราะว่า ผู้ใช้งานนั้นมีทั่วโลก ซึ่งในทุกๆธุรกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ จะมีกล่องใบใหม่เกิดขึ้นมาโดยจะอ้างอิงข้อมูลของกล่องที่แล้ว และสร้าง out put ออกมาใหม่ผูกกันไปเรื่อยๆ เป็น Block (กล่อง) chian (เชื่อมต่อ) หรือ Blockchin กล่องที่มีข้อมูลเชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งการปลอมแปลง ต้องทำโดยการไล่แก้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ให้ครบทุกเครื่องบนโลก ฟังดูแล้วน่าจะเป็นวิธีที่เหนื่อย และเปลืองพลังงานไปซะเปล่าๆ มูลค่าของ 1 BTC ในวันนี้เป็นหลักฐานว่า BTC เป็นระบบที่ผู้คนเชื่อถือมากแค่ไหน
ในภาคธุรกิจก็มีการนำ Blockchain ของ Bitcoin มาใช้ ยกตัวอย่างเช่น Walmart ใช้ Blockchain บันทึกติดตามแหล่งที่มาของอาหาร ว่ามีสารปนเปื้อนหรือเปล่า ตั้งแต่การปลูก ใครเป็นผู้ผลิต ซึ่งก่อนจะส่งถึงมือ Walmart อาจมีการปนเปื้อนระหว่างขนส่ง ถ้าตรวจพบการปนเปื้อน ผู้ผลิตจะไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าอาหารของตนเองมีสารปนเปื้อน เพราะข้อมูลจะถูกบันทึกไปในระบบแทนการใช้เอกสารกระดาษ เป็นระบบการติดตามที่แม่นยำ ที่ช่วยให้อาหารสะอาด สดใหม่ ปลอดภัย ยืดอายุของอาหาร และลดจำนวนสินค้าเหลือทิ้ง ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ในการประกอบธุรกิจและดูแลผู้บริโภคของ Walmart
Fun fact: BTC มีจำนวนจำกัด ทำให้มีสภาพเป็นเงินฝืด ยิ่งเหรียญเหลือน้อยลงเท่าไหร่ มูลค่าก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
Sloth News
2. Centralized และ Decentralized คืออะไร
Centralized คือระบบรวมศูนย์ ยกตัวอย่างง่ายๆใกล้ตัวเช่นธนาคาร ที่เป็นระบบรวมศูนย์ ไม่ว่าจะทำธุรกรรมอะไร เราต้องใช้บริการของธนาคารเพื่อเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรม
Centralized
Decentralized คือระบบกระจายศูนย์ ที่ทุกๆคนในระบบจะสามารถช่วยกันดูแลระบบได้ โดยการมีบัญชีเพียงแค่ 1 บัญชี ที่ทุกคนจะใช้ร่วมกัน และทุกๆคนคือผู้ช่วยตรวจสอบ เป็นหูเป็นตาให้ระบบ
Fun fact: หนึ่งในเหตุผลที่ระบบกระจายศูนย์ได้ค่าตอบแทนมากกว่า เป็นเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน หรือแรงงานด้านต่างๆ
Decentralized
3. วิธีตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นเหรียญที่น่าลงทุน หรือเป็นเหรียญหลอกลวงหรือเปล่า
วิธีเบื้องต้นที่คนมักจะตรวจสอบคือ ดูว่าเหรียญมีจำนวนจำกัดหรือเปล่า การตรวจสอบให้ลึกลงไปอีกขั้นก็คือ การดูว่าเหรียญที่จะลงทุนนั้นเป็นเหรียญที่เติบโตได้ หรือเป็นเหรียญปั่นหรือไม่ สามารถค้นหาโดยตรงจากทางเว็บไซต์ของเหรียญ เพื่อตรวจสอบ ecosystem (ระบบนิเวศ) ว่ามีโปรเจ็คอะไรบ้าง มีการวางแผนจะเอาเหรียญไปใช้ในด้านใดบ้าง เหรือจะตรวจสอบจากเว็บไซต์ ที่น่าเชื่อถือเพื่อตรวจสอบอันดับเหรียญ และโปรเจ็คต่างๆของเหรียญ อย่างเช่น Coingecko Tradingview หรือ Wikibit ที่มี ฟีเจอร์พิเศษอย่างการอัพเดตข่าวสารที่ถูกต้อง และบอกรายชื่อกระดานเทรดที่ติดโผในบัญชีดำไว้ด้วย
●
Coingecko:
https://www.coingecko.com/th
●
Tradingview:
https://th.tradingview.com/markets/cryptocurrencies/prices-all/
●
Wikibit:
https://www.wikibit.com/th/sindex.html
เมื่อเข้าใจการทำงานของระบบ และศักยภาพของเหรียญ จะช่วยให้ผู้เทรดมีความรู้เบื้องต้นว่าเงินที่นำไปลงทุนนั้นจะสามารถสร้างกำไรให้เราได้หรือไม่โดยไม่ต้องลุ้น
Fun fact: เนื่องด้วยสกุลเงินดิจิตอลนั้นคือระบบการเงินยุคใหม่ ทำให้เหรียญมีความผันผวนสูงมาก ข้อดีคือทำให้ผู้เทรดสามารถทำกำไรได้จากการซื้อถูกขายแพง
Buy the dip sell the tip!
บิตคอยน์
คริปโต
เทรดเดอร์
3 บันทึก
9
15
3
9
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย