ในปี 1921 Albert Einstein อยู่ในจุดสูงสุดอาชีพ เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปีนั้น นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องได้ออกทัวร์ไปยังต่างประเทศ และมีส่วนร่วมในการบรรยายและแบ่งปันความรู้กับผู้คนทั่วโลก และในแผนการเดินทางของเขา ไอน์สไตน์เดินทางไปญี่ปุ่นในปีต่อไป
เรื่องราวมีอยู่ว่าขณะที่เขากำลังเช็คเอ้าท์จากโรงแรมในโตเกียว มีพนักงานยกกระเป๋ามาหาเขาเพื่อส่งของบางอย่าง ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ Einstein ไม่ได้ให้ทิปเขาตามปกติ แต่หยิบปากกาและกระดาษออกมาแล้วเขียนบางอย่างลงไป
บางทีเขาอาจคิดว่ามันจะมีค่าในอนาคต Einstein มอบกระดาษสองแผ่นให้กับพนักงานโรงแรม ในตอนแรก เขาขีดเขียนสิ่งที่เรียกว่า “ทฤษฎีความสุขของไอน์สไตน์”
“ชีวิตที่สงบและเจียมเนื้อเจียมตัวนำมาซึ่งความสุขมากกว่าการแสวงหาความสำเร็จที่มาพร้อมกับความไม่สงบอย่างไม่สิ้นสุด” - Albert Einstein
“A calm and modest life brings more happiness than the pursuit of success combined with constant restlessness.” — Albert Einstein
“I am happy because I want nothing from anyone. I do not care for money. Decorations, titles or distinctions mean nothing to me. I do not crave praise. The only thing that gives me pleasure, apart from my work, my violin and my sailboat, is the appreciation of my fellow workers.” — Albert Einstein
“ผมมีความสุขเพราะผมไม่ต้องการอะไรจากใคร ผมไม่สนเรื่องเงิน ของแต่งเติม ตำแหน่ง หรือความแตกต่างไม่มีความหมายสำหรับผม ผมไม่ต้องการคำชม สิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีความสุข นอกเหนือจากงานไวโอลินและเรือใบ คือความพึงพอใจจากเพื่อนร่วมงานของผม” - Albert Einstein
“I am sometimes sorry for men like Ford. Everybody who comes to them wants something from them. Such men do not always realize that the adoration which they receive is not a tribute to their personality but to their power or their pocketbook. Great captains of industry and great kings fall into the same error. An invisible wall impedes their vision.” — Albert Einstein
“บางครั้งผมก็สงสารผู้ชายอย่างฟอร์ด ทุกคนที่มาหาพวกเขาต้องการบางอย่างจากเขา คนเหล่านี้ไม่ได้ตระหนักเสมอว่าการเคารพบูชาที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ใช่เครื่องบรรณาการให้กับบุคลิกภาพของพวกเขาแต่เป็นการแสดงถึงพลังหรือสมุดพกของพวกเขา แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมและราชาผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็ตกอยู่ในความผิดพลาดแบบเดียวกัน คือ กำแพงที่ขัดขวางการมองเห็นของพวกเขา” - Albert Einstein
“It is undeniable that the enlightened Greeks and the old Oriental sages had achieved a higher level in this all-important field than what is alive in our schools and universities.” — Albert Einstein
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาวกรีกผู้รู้แจ้งและนักปราชญ์ชาวตะวันออกโบราณได้บรรลุระดับในสิ่งที่สูงกว่าในสาขาที่มีความสำคัญทั้งหมด มากกว่าสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยของเรา” - Albert Einstein
คำกล่าวของไอน์สไตน์นี้บ่งบอกถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้ง และไม่เหมือนคำพูดของ Einstein หลายคำพูดของเขา แสดงให้เห็นว่าแนวคิดของ Epictetus ในการจำกัดความต้องการของคุณ หรือการเทศน์ของพระพุทธเจ้าที่ให้ปล่อยวางอัตตานั้นเอื้อต่อการใช้ชีวิตที่ดีมากกว่าทางเลือกใหม่ (modern alternatives)
คำสอนเหล่านี้มักหมายถึงการแสวงหาของบุคคลเพื่อพยายามครอบงำผู้อื่น ที่อยู่เบื้องหลังความอยากที่จะได้รับชื่อเสียง อำนาจ และความร่ำรวย การใช้ข้อมูลเชิงลึกของ Einstein อาจเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เจตจำนงที่มีอำนาจยังสามารถแสดงออกในการแสวงหาการพัฒนาตนเอง ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดความลื่นไหล(flow) ซึ่งเป็นสภาวะของจิตใจที่คุณหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมที่จนไม่ได้สังเกตเวลาที่ผ่านไป นักจิตวิทยาบางคนตั้งข้อสังเกตว่านี่เป็นสภาวะที่คล้ายกับความสุขมากที่สุด Albert Einstein สะท้อนมุมมองนี้ และในจดหมายที่ส่งถึงลูกชายของเขาได้แบ่งปันสิ่งนี้ว่าเป็นความลับของเขาในการเรียนรู้เกือบทุกอย่าง
“That is the way to learn the most, that when you are doing something with such enjoyment that you don’t notice that the time passes. I am sometimes so wrapped up in my work that I forget about the noon meal.” — Albert Einstein
“นั่นคือวิธีที่จะเรียนรู้ได้มากที่สุดว่าเมื่อลูกทำบางสิ่งด้วยความเพลิดเพลิน ลูกจะไม่สังเกตว่าเวลาผ่านไป บางครั้งพ่อก็ยุ่งกับงานมากจนลืมเรื่องมื้อเที่ยง.” - Albert Einstein
แทนที่จะพยายามควบคุมคนอื่น เพื่อรวยหรือมีอำนาจ Albert Einstein ผูกความหมายในชีวิตของเขากับการค้นหาว่าโลกทำงานอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมีบ้าน รถยนต์ หรือโพสต์ภาพเซลฟี่ของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย อันที่จริง เมื่อผู้คนพยายามผลักเขาเข้าสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจ (เช่น การเป็นประธานาธิบดีของอิสราเอล) เขาก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ