11 ม.ค. 2022 เวลา 03:32 • ความคิดเห็น
ทฤษฎีความสุขของ Albert Einstein’s
ถ้าคุณถามคนสามคนเกี่ยวกับ “ความสุข” คุณก็จะได้คำตอบที่แตกต่างกันไป สำหรับแนวคิดนี้ อาจจะเข้าใจยาก เปลี่ยนแปลงไปตามบุคคล สถานการณ์ หรือแม้แต่ช่วงเวลาของวัน ความสุขเป็นสิ่งที่ผู้คนพยายามหา แต่มักจะไปไม่ถึง และถ้าจะมีใครสักคนที่น่าเชื่อถือพอที่จะให้คำแนะนำได้ คงจะมีคนจำนวนมากที่ยอมจ่ายเป็นล้านเพื่อเข้าใจมัน อย่าง “ทฤษฎีความสุขของ Albert Einstein’s”
ไม่กี่ปีมานี้ มีการจัดประมูลเล็กๆ ขึ้นที่กรุงเยรูซาเลม ในตลาดประมูลมีกระดาษธรรมดาสองแผ่น หนึ่งในนั้นขายได้ในราคา 1.56 ล้านเหรียญสหรัฐ และอีกใบได้ใบนั้นไปในราคา 240,000 ล้าน ความพิเศษของกระดาษมูลค่าหลายล้านนั้น คือ ความลับสู่ความสุขจากคำแนะนำที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นผู้ให้คำตอบ
ชายผู้เป็นสัญลักษณ์ของความปราดเปรื่องกล่าวถึงความสุขไว้ดังนี้ :
ทางเลือกของอคิลลิส (The Choice of Achilles)
ในฉากที่สะเทือนใจที่สุดฉากหนึ่งของ "The Illiad" โฮเมอร์กวีโบราณเขียนเล่าถึงทางเลือกที่อคิลลิส ลูกของเทพเจ้าเธทิส (เทพธิดาแห่งความยุติธรรมในนิยายปกรณัมกรีกโบราณ) ต้องเลือกระหว่าง
“มีชีวิตที่สั้น ไม่มีความสุข แต่รุ่งโรจน์ และเป็นที่จดจำชั่วนิรันดร์ หรือมีชีวิตที่ยืนยาว มีความสุข สงบสุข แต่ไม่นานก็ถูกลืม”
อคิลลิสเลือกที่จะต่อสู้เพื่อความรุ่งโรจน์ เขาต่อสู้และดิ้นรน เขาสังหารเฮคเตอร์ แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของทรอย แต่ในทางกลับกัน เขาถูกส่งไปที่โลกหลังความตายด้วยลูกศรของเจ้าชายปารีสที่ยิงเข้าที่ส้นเท้าซึ่งเป็นจุดอ่อนเดียวของเขา ผลงานพิชิตกรุงทรอยและแผนม้าโทรจันของเขาได้เป็นตำนาน และเขาถูกกล่าวถึงในอีกหลายพันปีว่าเป็น “วีรบุรุษ”
อย่างไรก็ดี หากคุณตรวจสอบข้อความในมหากาพย์ของโฮเมอร์อย่างละเอียด คุณจะเห็นว่าอคิลลิสกำลังลังเลใจว่าจะไปทางไหน ตอนแรกเขาต้องการที่จะกลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบ และมีความสุข ลึกลงไปแล้ว ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่านี่จะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด
เส้นทางแห่งไอน์สไตน์
ในปี 1921 Albert Einstein อยู่ในจุดสูงสุดอาชีพ เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปีนั้น นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องได้ออกทัวร์ไปยังต่างประเทศ และมีส่วนร่วมในการบรรยายและแบ่งปันความรู้กับผู้คนทั่วโลก และในแผนการเดินทางของเขา ไอน์สไตน์เดินทางไปญี่ปุ่นในปีต่อไป
เรื่องราวมีอยู่ว่าขณะที่เขากำลังเช็คเอ้าท์จากโรงแรมในโตเกียว มีพนักงานยกกระเป๋ามาหาเขาเพื่อส่งของบางอย่าง ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ Einstein ไม่ได้ให้ทิปเขาตามปกติ แต่หยิบปากกาและกระดาษออกมาแล้วเขียนบางอย่างลงไป
บางทีเขาอาจคิดว่ามันจะมีค่าในอนาคต Einstein มอบกระดาษสองแผ่นให้กับพนักงานโรงแรม ในตอนแรก เขาขีดเขียนสิ่งที่เรียกว่า “ทฤษฎีความสุขของไอน์สไตน์”
“ชีวิตที่สงบและเจียมเนื้อเจียมตัวนำมาซึ่งความสุขมากกว่าการแสวงหาความสำเร็จที่มาพร้อมกับความไม่สงบอย่างไม่สิ้นสุด” - Albert Einstein
“A calm and modest life brings more happiness than the pursuit of success combined with constant restlessness.” — Albert Einstein
ผู้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพกล่าวว่าการไล่ล่าเงิน อำนาจ และอิทธิพลนั้นเหน็ดเหนื่อยและเป็นต้นเหตุของความไม่สงบ แต่ชีวิตที่สงบและเจียมเนื้อเจียมตัวกลับนำมาซึ่งความสุขมากกว่าการแสวงหาความสำเร็จอย่างไม่สิ้นสุด
ถ้ามองจากมุมนั้น สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกสมัยใหม่กำลังมองหาในชีวิตนั้นผิดไป ตรงกันข้ามกับบุรุษผู้ซึ่งมีชื่อมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของอัจฉริยะ เขาเชื่อว่าชีวิตที่สงบและเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นที่ที่เป็นจุดอ่อนของการดำรงอยู่ ถ้าเขาสามารถแนะนำอคลิสได้ เขาคงจะแนะนำให้เลือกใช้เส้นทางของชีวิตที่ยืนยาวและสงบสุข
ปรัชญาชีวิตของไอน์สไตน์
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นแฟนตัวยงของบารุค สปิโนซา นักปรัชญาชาวยิว-ดัตช์ในศตวรรษที่ 17 ซึ่งครอบครัวของเขาอพยพมาจากโปรตุเกสและสเปน นักคิดผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้ดึงเอาปรัชญาชีวิตมามากมาย
ชีวิตของสปิโนซาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความคิดของไอน์สไตน์เกี่ยวกับการดำรงอยู่อย่างสงบและเจียมเนื้อเจียมตัวในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการที่เขาปฏิเสธทุกอย่างเพื่อใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ทำเลนส์และเจียรนัย ในขณะที่หาเลี้ยงชีพแบบขาดแคลน ทางเลือกของสปิโนซาได้มอบสิ่งที่มีค่ากว่าให้กับเขา นั่นคือพื้นที่ในการไล่ตามความคิดของเขาอย่างอิสระโดยสมบูรณ์
เช่นเดียวกับ Spinoza เขาไม่สนใจความแตกต่างหรือเงินมากนัก ลำดับความสำคัญของเขาอยู่ที่อื่น การสัมภาษณ์หนึ่งของเขาในปี 1929 เขาได้อธิบายเพิ่มเติมว่าอะไรทำให้เขามีความสุข
ไอสไตล์กล่าวว่า
“I am happy because I want nothing from anyone. I do not care for money. Decorations, titles or distinctions mean nothing to me. I do not crave praise. The only thing that gives me pleasure, apart from my work, my violin and my sailboat, is the appreciation of my fellow workers.” — Albert Einstein
“ผมมีความสุขเพราะผมไม่ต้องการอะไรจากใคร ผมไม่สนเรื่องเงิน ของแต่งเติม ตำแหน่ง หรือความแตกต่างไม่มีความหมายสำหรับผม ผมไม่ต้องการคำชม สิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีความสุข นอกเหนือจากงานไวโอลินและเรือใบ คือความพึงพอใจจากเพื่อนร่วมงานของผม” - Albert Einstein
นักวิทยาศาสตร์ในตำนานผู้นี้ได้เปรียบเทียบความสุขกับชีวิตของผู้นำอุตสาหกรรมในยุคของเขา ในขณะที่พวกเขาดิ้นรนเพื่อความร่ำรวยและความสำเร็จ โดยคิดว่ามันจะทำให้พวกเขามีอิสระภาพ สิ่งที่พวกเขาได้รับคือเสื้อคลุมที่ขัดขวางความเป็นอยู่ของพวกเขา
“I am sometimes sorry for men like Ford. Everybody who comes to them wants something from them. Such men do not always realize that the adoration which they receive is not a tribute to their personality but to their power or their pocketbook. Great captains of industry and great kings fall into the same error. An invisible wall impedes their vision.” — Albert Einstein
“บางครั้งผมก็สงสารผู้ชายอย่างฟอร์ด ทุกคนที่มาหาพวกเขาต้องการบางอย่างจากเขา คนเหล่านี้ไม่ได้ตระหนักเสมอว่าการเคารพบูชาที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ใช่เครื่องบรรณาการให้กับบุคลิกภาพของพวกเขาแต่เป็นการแสดงถึงพลังหรือสมุดพกของพวกเขา แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมและราชาผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็ตกอยู่ในความผิดพลาดแบบเดียวกัน คือ กำแพงที่ขัดขวางการมองเห็นของพวกเขา” - Albert Einstein
ความคิดของไอน์สไตน์สะท้อนภูมิปัญญาของรุ่นเก่า ที่ความคิดของพวกเขาทนต่อการทดสอบของเวลา
“It is undeniable that the enlightened Greeks and the old Oriental sages had achieved a higher level in this all-important field than what is alive in our schools and universities.” — Albert Einstein
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาวกรีกผู้รู้แจ้งและนักปราชญ์ชาวตะวันออกโบราณได้บรรลุระดับในสิ่งที่สูงกว่าในสาขาที่มีความสำคัญทั้งหมด มากกว่าสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยของเรา” - Albert Einstein
คำกล่าวของไอน์สไตน์นี้บ่งบอกถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้ง และไม่เหมือนคำพูดของ Einstein หลายคำพูดของเขา แสดงให้เห็นว่าแนวคิดของ Epictetus ในการจำกัดความต้องการของคุณ หรือการเทศน์ของพระพุทธเจ้าที่ให้ปล่อยวางอัตตานั้นเอื้อต่อการใช้ชีวิตที่ดีมากกว่าทางเลือกใหม่ (modern alternatives)
ชีวิตคือการดิ้นรนอีกแบบหนึ่ง
การใช้ชีวิตอย่าง modestly ไม่ได้หมายความว่าคุณควรหยุดดิ้นรนเพื่อสิ่งต่างๆ อันที่จริง ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่าคุณควรผูกชีวิตไว้กับการบรรลุเป้าหมาย
เพื่ออธิบายประเภทของความพยายามที่เราต้องการ เราสามารถหันไปหาฟรีดริช นิทเชอ นักปรัชญาชาวเยอรมันผู้ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 19 ที่เสนอแนวคิดเรื่องเจตจำนงที่จะมีอำนาจ เพื่ออธิบายถึงพลังภายในที่ขับเคลื่อนการกระทำของบุคคลในโลก ที่สามารถแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ
คำสอนเหล่านี้มักหมายถึงการแสวงหาของบุคคลเพื่อพยายามครอบงำผู้อื่น ที่อยู่เบื้องหลังความอยากที่จะได้รับชื่อเสียง อำนาจ และความร่ำรวย การใช้ข้อมูลเชิงลึกของ Einstein อาจเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เจตจำนงที่มีอำนาจยังสามารถแสดงออกในการแสวงหาการพัฒนาตนเอง ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดความลื่นไหล(flow) ซึ่งเป็นสภาวะของจิตใจที่คุณหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมที่จนไม่ได้สังเกตเวลาที่ผ่านไป นักจิตวิทยาบางคนตั้งข้อสังเกตว่านี่เป็นสภาวะที่คล้ายกับความสุขมากที่สุด Albert Einstein สะท้อนมุมมองนี้ และในจดหมายที่ส่งถึงลูกชายของเขาได้แบ่งปันสิ่งนี้ว่าเป็นความลับของเขาในการเรียนรู้เกือบทุกอย่าง
“That is the way to learn the most, that when you are doing something with such enjoyment that you don’t notice that the time passes. I am sometimes so wrapped up in my work that I forget about the noon meal.” — Albert Einstein
“นั่นคือวิธีที่จะเรียนรู้ได้มากที่สุดว่าเมื่อลูกทำบางสิ่งด้วยความเพลิดเพลิน ลูกจะไม่สังเกตว่าเวลาผ่านไป บาง​ครั้ง​พ่อก็​ยุ่ง​กับ​งาน​มาก​จน​ลืม​เรื่อง​มื้อ​เที่ยง.” - Albert Einstein
แทนที่จะพยายามควบคุมคนอื่น เพื่อรวยหรือมีอำนาจ Albert Einstein ผูกความหมายในชีวิตของเขากับการค้นหาว่าโลกทำงานอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมีบ้าน รถยนต์ หรือโพสต์ภาพเซลฟี่ของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย อันที่จริง เมื่อผู้คนพยายามผลักเขาเข้าสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจ (เช่น การเป็นประธานาธิบดีของอิสราเอล) เขาก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ
เราจะปรับใช้กับชีวิตได้อย่างไร
ด้วยแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งที่ก่อให้เกิดชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง คุณสามารถเริ่มคิดถึงขั้นตอนในการนำคำแนะนำนี้ไปใช้กับชีวิตของคุณได้ อาจเริ่มด้วยการถามตัวเองด้วยคำถามพื้นฐาน
มันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะต่อสู้สิ่งที่ไร้จุดหมายในที่ทำงาน? คุณต้องการตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางจริงๆ หรือคุณจะไม่มีความสุขมากกว่านี้ในการทำอย่างอื่นหรือ? รถคันใหม่นั้นจำเป็นจริง ๆ หรือเปล่า
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มีคำตอบ:
“The ordinary objects of human endeavor — property, outward success, luxury — have always seemed to me contemptible.” — Albert Einstein
“วัตถุธรรมดาที่มนุษย์พยายามอย่าง – ทรัพย์สิน, ความสำเร็จภายนอก, ความหรูหรา – ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าเดียดฉันท์สำหรับผมเสมอ” - Albert Einstein
ชาวเอปิคูเรียนโบราณพูดถูกเมื่อพวกเขากล่าวว่า “ความมั่งคั่งที่ธรรมชาติต้องการนั้นมีจำกัด และหามาได้ง่าย” กล่าวโดยย่อ คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินหรืออำนาจจำนวนนับไม่ถ้วน เพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการเพื่อความอยู่รอดและรุ่งเรือง
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าไม่มีสูตรสำเร็จของความสุขที่แน่นอน คุณไม่สามารถใช้ชีวิตแบบ e=mc2 ในฐานะมนุษย์เราทุกคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน สถานการณ์ของเราแตกต่างกัน ดังนั้นหนทางสู่ชีวิตที่สงบและมีความสุขอาจไม่เหมือนเดิมเสมอไป
กระนั้น ความเข้าใจของไอน์สไตน์เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้มีความสุขในชีวิตอาจนำไปใช้ได้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร การมีชีวิตที่สงบและเจียมเนื้อเจียมตัวตามเป้าหมายของคุณจะพิสูจน์ว่ามันน่าพอใจมากกว่าการไล่ตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลใช้การทดลองทางความคิดเพื่อกำหนดว่าโลกทำงานอย่างไร คุณเองก็สามารถใช้วิธีการเดียวกันนี้ได้
นึกภาพตัวเองที่มีความสุข คิดถึงสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณจริงๆ สิ่งที่จะทำให้หัวใจของคุณอบอุ่น มันคือกองเงินก้อนใหญ่หรือไม่? หรือเป็นครอบครัวของคุณ? ตำแหน่งผู้บริหารที่ทำให้คุณต้องทำงานตลอดเวลาหรือเปล่า? หรือเป็นการทำอะไรเพื่อเติมเต็มความรู้?
ในเรื่องของความสุขที่กล่าวมา แม้แต่คำแนะนำที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป คุณอาจไม่สามารถก้าวถอยหลังและหยุดเร่งรีบได้ในทันที เมื่อเวลาผ่านไป อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ตามที่ไอน์สไตน์จดไว้ในกระดาษแผ่นที่สองที่เขาส่งให้พนักงานยกกระเป๋าว่า “เมื่อมีความต้องการ ย่อมมีวิธี”
“Where there’s a will, there’s a way.” — Albert Einstein
โฆษณา