โดยเขาได้แสดงความคิดเห็นในการประชุมกับบริษัท UBS Group AG เอาไว้ว่า
“การผลักดันของประธานาธิบดี Xi Jinping ได้ช่วยกระจายความมั่งคั่งและโอกาสที่เท่าเทียมกันมากขึ้นในหมู่ประชากร และทำให้เศรษฐกิจสามารถดึงเอากลุ่มผู้ที่มีความสามารถมาทำงานได้จากวงกว้างมากขึ้น แต่การรณรงค์ครั้งนี้มักจะถูกเข้าใจผิดจากนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งกลัวว่าจีนจะกลับไปสู่รูปแบบคอมมิวนิสต์เช่นเดียวกับในสมัยของประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตง”
(President Xi Jinping’s push helps redistribute wealth and opportunities more equally among its population, allowing the economy to draw upon a wider talent pool, The campaign is often misunderstood by international investors, who fear the country is returning to the communist model under Chairman Mao Zedong.)
(First you get rich, then you make a point of distributing those opportunities in a more equal way, The U.S., through its own system, needs more common prosperity, and a lot of other countries do.)
(You don’t know where the top talent is going to come from. It’s just as likely to come from poor people, disadvantaged people as it is from the most superbly groomed people, So you draw upon that talent, and you make a better economy more prosperous and you create a fairer system.)
Ray Dalio ถือเป็นมหาเศรษฐีอีก 1 คนนอกจาก Elon Musk ที่ออกมากล่าวว่าเขายินดีจะเสียภาษีมากขึ้นหากมั่นใจว่าเงินนั้นจะถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะการส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียมกัน และผลผลิตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น
โซรอสกล่าวชัดเจนว่า การทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปยังประเทศจีนในตอนนี้ถือเป็นความผิดพลาดที่น่าสลดใจ (pouring billions of dollars into China now is a tragic mistake.)
อย่างไรก็ตาม หากจะพยายามหาจุดยืนที่แตกต่างระหว่างมุมมองของ Ray Dalio และ George Soros นั้น ก็คงอยู่ที่ว่ามุมมองของ Dalio มองถึงการเติบโตในระยะยาว แต่มุมมองของ Soros นั้นมองถึงความเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นมากกว่า (ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะ Dalio เป็นนักลงทุน ส่วน George Soros เป็นนักเก็งกำไร)
1
กลับมาที่ความเห็นของ Ray Dalio ซึ่งเขาได้กล่าวเปรียบเทียบสถานการณ์รระหว่างสหรัฐฯ-จีน เอาไว้ว่า
(What we see by most of those is that the U.S is encountering more of those risky elements, also other things like education levels, competitive advantages and so on are on decline, While technology is still a bright spot for the U.S., the rate of change is slower than China.)