Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Lebb
•
ติดตาม
12 ม.ค. 2022 เวลา 13:32 • สุขภาพ
12-01-65 - ซีมเศร้าแล้ว เอาไงต่อ?
ก็กินยาไง .. ไม่งั้นจะไปหาหมอทำไม?
หลายคนคิดว่า ยารักษาโรคซึมเศร้ามันก็เหมือนพารา หรือ ยาทั่วๆ ไป ก็กินไปตามที่หมอสั่ง เดี๋ยวก็หายหรือดีขึ้นเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ทำไมผู้ป่วยบางคนถึงไม่ยอมกิน เราก็เคยคิดแบบนั้นจนได้มาลองกินดูเองถึงได้เข้าใจว่าทำไมกินไปแล้ว บางคนถึงเลิกกิน ก็ผลข้างเคียงจากยามันคนละเรื่องกับพาราเลย
ไปหาหมอครั้งแรก (ที่บอกว่ารอคิวหมอจนหายแล้วนั่นแหละ) หมอให้ยามา 2 ตัว บอกให้ลองกิน 1 เดือน
1.
Oxetine 20mg (หมอเรียกมันว่า ยาซึมเศร้า)
2.
Tranavan 0.5mg. (อันนี้ หมอบอกว่ายานอนหลับ)
กินไปได้ซักอาทิตย์ก็เริ่มเห็นผล เราไม่ค่อยรู้สึกเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา หรืออยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ไร้เหตุผลแบบช่วงก่อนกินยาแล้ว (มันไม่ได้หายไปหมดหรอกนะ แค่น้อยลงมาก) แต่ผลข้างเคียงของมันก็สมคำร่ำลือเช่นกัน .. มันจะรู้สึกมึนๆ เบลอๆ บอกไม่ถูก แล้วก็หิวบ่อยมาก หิวตลอดเวลา บางทีหิวจนจะเป็นลมแต่ไม่อยากกินอะไรเลย ... ไปถามเพื่อนที่เคยรักษาโรคนี้ (แต่กินยาคนละตัว) เค้าก็บอกว่ามันจะประมาณนี้แหละให้ทนๆ กินไปก่อน ก็เลยทนกินมันต่อไป จำได้ว่าแค่ไม่ถึงเดือน น้ำหนักลดลงไป 2-3 โล ผอมลงจนคนทักว่าไปลดความอ้วนมา ..
พอครบเดือน กลับไปหาหมอ ก็บอกหมอเรื่องผลข้างเคียง หมอก็ยิ้มๆ บอกว่า มันเป็นผลข้างเคียงของยาซึมเศร้า (Oxetine) ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอีกซักพักน้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเก่าเอง แล้วหมอก็บอกว่า จริงๆ อาการก็ดีขึ้นแล้วแหละ แต่โลกเราตอนนี้มันโหดร้าย พอดีตอนนั้นเดือนมีนา 2019 โควิดกำลังระบาดเวฟแรก หมอไม่อยากให้อารมณ์เราตกลงไปอีกให้กินยาเดิมต่อไปก่อน แล้วหมอจะนัดไกลๆ หนีโควิดไปก่อนนะ .. ว่าแล้วหมอก็นัดยาว 4 เดือนเลย ..
หลังจากนั้นก็เป็นตามที่หมอทำนายไว้ น้ำหนักเราลงต่อไปอีกนิดหน่อย หลังจากนั้นก็เริ่มกินข้าวปลาอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมากกว่าตอนเริ่มรักษาด้วยซ้ำไป (ไหนๆ ลงแล้ว ไม่ต้องเพิ่มไม่ได้เหรอหมอ???)
อันนี้คือผลข้างเคียงเล็กๆ น้อยๆ จากยาซึมเศร้าตัวแรกที่ได้สัมผัส หลังจากหมอเริ่มปรับยา เราก็เริ่มเจอผลข้างเคียงแบบอื่นๆ อีกมากมาย จนบางครั้งก็รู้สึกไม่อยากทนกินต่อแล้ว หรือ อยากลองหยุดยาดูบ้างว่ามันจะดีขึ้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะยาที่กินมันก็มีข้อดีของมันอยู่ (ไม่อย่างนั้นจะทนกินมันไปทำไม) ที่เห็นชัดๆ เลยคือ เราไม่ค่อยปวดท้องเหมือนที่ผ่านๆ มาแล้ว ..
ต้องเล่าย้อนไปนิดนึงว่า เรามีปัญหาเรื่องทางเดินอาหารเรื้อรังมาร่วม 10 ปีได้แล้ว .. อาการก็จะคล้ายๆ เดิมทุกครั้ง คือปวดท้อง ท้องเสีย คล้ายอาหารเป็นพิษ บางครั้งปวดมากจนทนไม่ไหวก็ต้องหามไปแอดมิททุกปี .. ทุกครั้งหมอจะจับเอ็กซเรย์ ตรวจเลือด บางทีก็ส่องกล้องทั้งกระเพาะและลำไส้ (5 ปี ส่องไป3 รอบ) แล้วก็จะได้รับคำวินิจฉัยว่า เป็นลำไส้อักเสบบ้าง กระเพาะอักเสบบ้าง ลำไส้แปรปรวนบ้าง ขนาดหมอสงสัยว่าเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBS) ก็เคยมาแล้ว .. แต่ตั้งแต่เริ่มกินยาซึมเศร้า อาการปวดท้องหนักๆ แบบนี้มันหายไปเลย หายไปเฉยๆ มาเกือบ 2 ปีแล้ว ทุกวันนี้ทียังเป็นอยู่มีแค่ท้องอืด ท้องเสีย เท่านั้นเอง นี่เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้เรายังคงทนกินยาที่หมอให้ทั้งหลายต่อ ไม่ว่าผลข้างเคียงมันจะมากขนาดไหนก็ตาม
พูดง่ายๆ ว่า สิ่งที่คนอื่นเห็น มันก็เป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ระหว่างการรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคพวกนี้เค้ากำลังต่อสู้กับหลายๆ อย่าง ที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ (หรือคิดว่าเข้าใจแต่เข้าใจผิด) และตัวคนป่วยเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง จนหลายครั้งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
แต่ถ้าเทียบจากวันที่เพื่อนเรา (ที่บอกว่าเคยป่วย) เริ่มรักษา กับตอนที่เราเริ่มรักษา ทัศนคติที่สังคมมีต่อโรคทางจิตเวชพวกนี้ก็เปลี่ยนไปมากแล้ว มีคนเข้าใจว่าโรคพวกนี้มีอยู่จริงมากขึ้น มีคนพยายามทำความเข้าใจมากขึ้น มีคนที่รู้สึกว่าตัวเองอาจจะเข้าข่ายแล้วเข้ารักการรักษามากขึ้น ..เวลาห่างกันแค่ประมาณ 10 ปี อาจจะฟังดูนาน แต่สำหรับคนบางคนมันก็ไม่ได้นานเท่าไหร่ .. ก็ได้แต่หวังว่าอีก 10 ปีผ่านไป สังคมจะเข้าใจโรคนี้มากขึ้นไปกว่าปัจจุบัน
แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้
1
mm
โรคซึมเศร้า
ไบโพลาร์
ซึมเศร้า
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย