14 ม.ค. 2022 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
กลศึกของฝ่ายมุสลิมในการต่อกร กับกองทัพอาหรับและพันธมิตรยิวแห่งอารเบีย
อุบายในการรบของฝ่ายมุสลิม
การตรึงกำลังของมุสลิมเริ่มลำบากขึ้นหากยืดเยื้อออกไปเพราะเสบียงอาหารถูกตัด แต่การออกไปปะทะกับข้าศึกยิ่งลำบากกว่า เหลือแต่เพียงกลอุบายในการรบเท่านั้นที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในทุกโอกาสของสงคราม
ท่านนบีได้ส่งผู้นำสาส์นไปยังเผ่า ฆ็อฏฟาน พันธมิตรที่มาร่วมรบกับฝ่ายเมืองมักกะฮ์ โดยสัญญาว่าจะมอบพืชผลหนึ่งในสามของมะดีนะฮ์ให้ หากเผ่าของเขาถอนตัวออกไป เพราะท่านได้เห็นความเหนื่อยอ่อนของเผ่าฆ็อฏฟานเกิดขึ้นอย่างมากเพราะพวกเขามิได้เตรียมตัวสำหรับการรบที่ยืดเยื้อ
อีกด้านหนึ่งท่านได้ส่ง นุอัยม์ อิบนุ มัสอูด ไปยังเผ่ายิวกุร็อยเซาะฮ์ เนื่องด้วยเขาเคยเป็นสหายที่ดีต่อยิวเผ่านี้มาก่อน และยิวก็ยังไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนมารับอิสลามแล้ว โดยนำสาส์นที่ไม่ได้มีอันใดในเชิงเรียกร้องไปให้ นอกจากสิ่งที่ยิวกุร็อยเซาะฮ์คาดเดาในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยในสาส์นนั้นมีใจความว่า เผ่ากุร็อยเซาะอ์ ไม่ควรเข้าร่วมกับอาหรับเมืองมักกะฮ์จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกนั้นจะเข้มแข็งพอที่จะไม่รับประกันว่าจะไม่ปล่อยเผ่ายิวไว้ในมือของท่านนบี(ศาสนทูต)มูฮัมหมัดอย่างโดดเดี่ยวหากการรบครั้งนี้เปลี่ยนไป และเตือนว่า ชะตากรรมของเขาอาจแล้วร้ายได้หากเขาร่วมรบเป็นพันธมิตรกับเผ่ากุเรชหรือ ฆ็อฏฟาน และเผ่าฆ็อฏฟานนั้นก็ไม่ชำนาญในการเข้ารบแบบปิดล้อมนานๆ เผ่ากุร็อยเซาะฮ์ก็ไม่ได้สงสัยใดๆในข้อคิดเหล่านี้
และนุอัยม์ก็ได้เดินทางไปยังค่ายของอาหรับเผ่ากุเรชซึ่งเป็นผู้นำทัพมาโจมตีมุสลิมในครั้งนี้ และได้บอกกับผู้นำเผ่ากุเรชว่า ยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ ได้สำนึกผิดกลับใจไปเข้ากับฝ่ายมุสลิมแล้ว ตอนนี้ก็กำลังจะพยายามทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรที่ดีกับมุสลิมใหม่อีกครั้ง และหากฝ่ายกุเรชเข้าไปสมทบช่วยยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ พวกกุเรชก็จะถูกปล่อยให้ฝ่ายมุสลิมจับเป็นเชลยหรือฆ่าเสียในเมือง โดยจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ แล้วเขาก็เดินทางไปแจ้งข่าวทำนองเดียวกันให้กับเผ่าฆ็อฏฟาน แล้วแผนนี้ก็ได้ผล ทั้งยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ อาหรับเผ่าฆ็อฏฟาน และอาหรับเผ่ากุเรช ที่เป็นสามพันธมิตรใหญ่เริ่งระแวงกันเอง
อบูซุฟยานหัวหน้าเผ่ากุเรชผู้มั่นในการศึกครั้งนี้เห็นว่า หากล่าช้าออกไปอีกต้องเกมส์เปลี่ยนแน่ เพราะความหวาดระแวงจะทวีขึ้นพร้อมกับความอ่อนหล้ากับสงครามปิดล้อมนี้ เขาไม่ใช่คนไว้วางใจใครง่ายๆ เขาเลือกที่จะโจมตีในขณะที่ความคางแคลงใจยังไม่ได้พิสูจน์ความจริง ว่าพันธมิตรแตกแยกกัน ไวเท่าความคิด เขาส่งสายลับลอบเข้าไปในมะดีนะฮ์เพื่อส่งข่าวให้แก่ยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ ที่อยู่ในเมืองว่า ให้เผ่ากุร็อยเซาะฮ์เข้าโจมตีกองทัพมุสลิมในวันรุ่งขึ้นทันทีจากในเมืองแล้วทัพจากมักกะฮ์จะเคลื่อนพลขนามเข้าตีจากนอกเมือง
แล้วผู้ถือสาส์นผู้นั้นก็กลับมาอย่างรวดเร็ว ด้วยสารของฝ่ายยิวมีใจความว่า
“เนื่องจากวันรุ่งขึ้นนั้นเป็นวันเสาร์ ชาวยิวจะไม่ทำงานหรือสู้รบอะไรทั้งสิ้นเป็นวันสัปบาโต (วันพระของยิว)”
ด้วยความไม่เข้าใจความสำคัญในศาสนายิว อบู ซุฟยาน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟสั่งให้คนนำสาส์น ลอบเข้าเมืองไปอีกครั้งเพื่อส่งสาส์นมีใจความว่า สงครามวันพรุ้งนี่นั้น เป็นโอกาสที่สำคัญยิ่ง แล้วพวกท่านค่อยกลับมาทำพิธีล้างบาปในวันหลัง ก็น่าจะได้นะ อูซุฟยาน เป็นพวกบูชารูปปั้นก็คิดหาทางออกให้กับยิวที่เป็นพวกที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว แถมขู่กรายๆไปพร้อมกับความคิดเห็นนั้นว่า ถ้าไม่รบวันรุ่งขึ่นจะถือว่า สนธิสัญญาที่ยิวทำกับพวกพันธมิตรอาหรับเผ่าต่างๆเป็นโมฆะ และถึงเวลาที่เหล่าพันธมิตรอาหรับแห่งอารเบียเข้าโจมตีละก็ ยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ก็จะต้องถูกโจมตีด้วยเช่นกัน ทางเดียวที่จะรักษาสัญญาได้คือ ยิวต้องเข้าโจมตีกองทัพมุสลิมวันรุ่งขึ้น
ฝ่ายยิวเผ่ากุร็อยเซาะฮ์ ได้ฟังข้อแนะนำเรื่องศาสนาผสมคำขู่ของ อบูซุฟยาน หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรอาหรับแห่งอารเบียเข้า ก็ตอบสวนมาทันครันว่า
“ชาวยิวตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ละเมิดวันเสาร์อันเป็นพระในศาสนาของตน”
แถมสอนศาสนายิวมาในสาส์นถึงลักษณะ “ความโกรธกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อคนชั่วที่ละเมิดกฏของพระองค์”
และยังคงขอข้อยืนยันให้กองทัพพันธมิตรแห่งอารเบีย รับประกันความปลอดภัยแก่พวกเขาตามสนธิสัญญาเดิม
ถึงตรงนี้ แม่ทัพเมืองมักกะฮ์ ผู้นำใหญ่แห่งกองทัพพันธมิตรก็ตีความเอาว่า ยิวทรยศแน่แล้วด้วยความที่ไม่เข้าใจในความเคร่งครัดในศาสนาของยิว เพราะดันเอาวิธีศรัทธาแบบพวกนับถือรูปปั้นของตนไปเปรียบเทียบ แถมข่าวเรื่องเผ่าฆ็อฏฟาน พันธมิตรอาหรับอีกกลุ่มนั้น ก็มีข่าวว่าพวกเขาอาจจะยอมทรยศกองทัพเมืองมักกะฮ์ เพราะท่านนบีมูฮัมหมัดนั้นสัญญาว่าจะให้พืชผลหนึ่งในสามของมะดีนะฮ์ทั้งเมือง เป็นอันว่าแผนยุยงให้แตกแยกนี้ได้ผลแม้จะถูกผู้อาวุโสของฝ่ายมุสลิมคัดค้านในตอนแรก โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้เสียเลือดเนื้อ
โฆษณา