15 ม.ค. 2022 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“กลุ่มคนที่เสียภาษีมากที่สุด ไม่ใช่คนรวย” แต่เป็นกลุ่มคนทำงาน
3
การที่รัฐบาลจะบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพ ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงมีการจัดเก็บภาษีอากรจากประชาชน เพื่อนำไปเป็นรายได้ ซึ่งถ้าประเทศไหนมีระบบจัดเก็บภาษีที่ดี และเงินภาษีถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า
1
แต่ก็มีความย้อนแย้งบางอย่างเกิดขึ้น เพราะแทนที่มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย จะต้องเสียภาษีมากที่สุด กลับกลายเป็นว่า “คนชั้นกลาง” ทั้งแรงงานและมนุษย์เงินเดือน ต้องเสียภาษีมากกว่าซะอย่างนั้น เรามาดูกันว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร
31
มีรายงานอ้างอิงจากข้อมูลลับของกรมสรรพากร ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับโลกบางคน เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์, อีลอน มัสก์, เจฟฟ์ เบโซส์, ไมเคิล บลูมเบิร์ก, คาร์ล ไอคาห์น ฯลฯ จ่ายภาษีแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับรายได้อันมหาศาลของพวกเขา หรือบางปีก็ถึงขั้นที่ไม่ต้องเสียภาษีเลยแม้แต่ดอลลาร์เดียว
10
นอกจากนี้ยังพบว่า บรรดา 25 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในอเมริกานั้น มีรายได้เพิ่มขึ้นรวมกัน 401,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13 ล้านล้านบาท) แต่กลับเสียภาษีทั้งหมดรวมกันแค่ 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.4 แสนล้านบาท) ภายในช่วงปี 2014-2018 ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาเสียภาษีในอัตรา 3.4% ของรายได้เท่านั้น
6
[วอร์เรน บัฟเฟตต์ เสียภาษีแค่ 0.1%]
เมื่อลองคำนวณสัดส่วนภาษีกับรายได้ของมหาเศรษฐีแต่ละคน ก็พบตัวเลขที่น่าฉงน เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ จ่ายภาษีเพียงแค่ 0.1% ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น, อีลอน มัสก์ จ่ายภาษีเพียง 3.27%, เจฟฟ์ เบโซส์ จ่ายภาษีไม่ถึง 1% ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2007 ก็มีข้อมูลว่าเขาไม่ต้องเสียภาษีเลยแม้แต่ดอลลาร์เดียว หรืออย่างคาร์ล ไอคาห์น ก็ไม่ได้จ่ายภาษีเลยในปี 2016-2017 แม้ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ตาม
7
ตัดภาพมาที่เหล่าอเมริกันชนชั้นกลาง ผู้มีรายได้ต่อปีราว 70,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (2.2 ล้านบาท) ต้องเสียภาษีกันมากถึง 14% ยิ่งถ้าเป็นคู่สมรสที่มีรายได้รวมกันมากกว่า 628,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 20 ล้านบาท) จะต้องเสียภาษีมากถึง 37% เลยทีเดียว
3
จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า “คนรวย” เป็นกลุ่มที่หลบเลี่ยงภาษีมากที่สุด ในขณะที่ “ชนชั้นกลาง” ต้องเสียภาษีเต็มอัตรามากกว่า นั่นเพราะคนรวยมักจะได้สิทธิในการลดหย่อน หรือรู้ช่องทางการหลีกเลี่ยงภาษีมากกว่าแรงงานและชนชั้นกลาง เช่น ตั้งบริษัทหรือตัวแทนขึ้นมาเพื่อรับรายได้แทน การหลีกเลี่ยงผ่านระบบบัญชี ฯลฯ
10
หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย ProPublica สำนักข่าวออนไลน์ในสหรัฐฯ ที่เน้นนำเสนอข่าวเชิงลึก ทางโฆษกทำเนียบขาวก็ระบุว่า รัฐบาลของนายโจ ไบเดน จะปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี ให้ยุติธรรมและเสมอภาคมากขึ้น
7
[คนรวยในสหราชอาณาจักร ก็เสียภาษีน้อยกว่าคนชั้นกลาง]
2
มีข้อมูลเปิดเผยว่า คนร่ำรวยที่สุด 20% ของสหราชอาณาจักร จ่ายภาษีเพียง 34.8% ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะที่ผู้มีรายได้น้อย จ่ายภาษีมากกว่าคือ 37.8% จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า “คนจนต้องเสียภาษีมากกว่าคนรวย” ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีก็ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่า จะเพิ่มเกณฑ์การเสียภาษีให้มากกว่า 11,000 ปอนด์ (ราว 483,123 บาท) เพื่อช่วยเหลือคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 ปอนด์ (ราว 439,202 บาท)
5
[ประเทศไทย คนรวยเสียภาษีน้อย-ลดหย่อนได้มาก]
2
รายงานการจัดอันดับความมั่งคั่งทั่วโลก (Hurun Global Rich List) พบว่าประเทศไทยมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 30,000 ล้านบาท) ถึง 52 คน ซึ่งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังแซงหน้าประเทศอิตาลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
7
แต่รัฐบาลไทยมีการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลเพียง 20% และไม่มีการเก็บภาษีกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ (Capital Gain) แต่อย่างใด นอกจากนี้เมื่อต้นปี 2564 ทาง ครม.ก็มีมติเห็นชอบให้ลดภาษีที่ดินถึง 90% อีกด้วย
7
ดังนั้นเมื่อพิจารณาเกณฑ์ขั้นต่ำของ “ภาษีที่ดิน” ในที่ดินสำหรับเกษตรกรรมที่มีมูลค่า 10 ล้านบาท จากเดิมที่เสียภาษีอัตรา 0.01% คือ 1,000 บาท แต่หลังจากมติดังกล่าว ก็จะเสียภาษีที่ดินเพียง 100 บาทเท่านั้น
8
แต่เมื่อมองเกณฑ์ขั้นต่ำของ “ภาษีเงินได้” คือ 150,000-300,000 บาท นั้นต้องเสียภาษีในอัตรา 5% เท่ากับว่าหากไม่ได้รับการลดหย่อนใดๆ ก็จะต้องเสียภาษีสุทธิสูงสุด 7,500 บาทเลยทีเดียว
2
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ออกมายอมรับว่า คนรวย 20% แรกของประเทศไทย ได้รับประโยชน์สูงสุดจากค่าลดหย่อนภาษีถึง 2 ล้านบาท จึงกำลังพิจารณาปรับปรุงรายการลดหย่อนภาษี โดยจะช่วยลดภาระภาษีกับชนชั้นกลาง และทำให้คนรวยได้รับค่าลดหย่อนน้อยลง
2
สอดคล้องกับที่นายคิม เอ็ดเวิร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า การที่ประเทศไทยจัดเก็บแค่ภาษีบุคคลธรรมดา อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาในปัจจุบัน รัฐบาลจึงควรเก็บภาษีจากบุคคลที่มีความมั่งคั่งสุทธิสูงสุด เพื่อนำเงินมาช่วยบริหารวิกฤต และชำระหนี้ของประเทศ ดังนั้นการเก็บภาษีคนรวย จะเป็นอีกหนทางที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็ว
4
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าหลายประเทศทั่วโลก ต่างก็พบกับว่า “กลุ่มคนที่เสียภาษีมากที่สุด ไม่ใช่คนรวย แต่เป็นกลุ่มคนทำงาน” ซึ่งอาจเป็นการตอกย้ำปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศให้รุนแรงขึ้น ดังนั้นทางรัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็ว และต้องพัฒนาระบบจัดเก็บภาษีให้ยุติธรรมเสมอภาค รวมถึงนำเงินภาษีไปพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าคุณจะจนหรือรวยก็ตาม
5
◤ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
aomMONEY ก้าวแรกสู่ความสำเร็จทาง "การเงิน"
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ◢
.
👍 ชอบกด Like โดนใจ กด Share และอย่าลืม ✅ See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ ๆ ก่อนใคร
.
ติดตามความรู้ทางการเงินในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
📌 กลุ่มกองทุนไหนดี https://bit.ly/3aOjgMl
.
สนใจโฆษณาติดต่อ :
👉 Tel: 092-264-5499 (แน้ม)
2
โฆษณา