14 ม.ค. 2022 เวลา 08:07 • ประวัติศาสตร์
☢☢ A R M Y B I K E ☢☢
2 ล้อ “พันธ์พิเศษ” กับภาระกิจอารักขา “อธิปไตย”
เมื่อ...โครงการผลิตรถจักรยานยนต์เพื่อให้ได้ “ความเร็ว” (Speed) กลับต้องมาสะดุด และถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานของกองทัพจากสภาวะการที่ไม่ปรกติ...นี่คือ...“ม้าเหล็ก” (Iron Horse) ที่มาพร้อมภาระกิจที่มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 รถจักรยานยนต์จากหลากค่าย หลากแบรนด์ และหลายออปชั่นเพื่อการศึก ทั้งลายพราง หลายรูปแบบการสู้รบ อุปกรณ์ชิ้นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะ ต่างได้รับการพัฒนา ปรับใช้ ยานลำลียงพล ขนยุทโธปกรณ์ ชุดตั้งตั้งปืนกล กับงานข่าวสาร ในฐานะของ “ม้าเร็ว” ทั้งแบบขับคนเดียว และไซด์คาร์ พลัง อำนาจ และความน่าเชื่อถือ ทั้งหมดคือแนวทางในการสร้าง “รถพิเศษ” คันที่เสมือนเป็นการข่มขวัญคู่ต่อกร...ให้...ต้องเกรงขามในศักยภาพของอริราชศัตรู...เมื่อชายตาชำเลือง!!!
พระเอกของค่ายนาซี BMW R12 เครื่องยนต์ SV ไซด์คาร์ ก่อนประเดิมศึก
BSA M20 พระเอกของ “พันธมิตร” ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 1939 (สงสารคันหลัง สงสัยจะกินฝุ่น)
☢☢ อังกฤษ...เป็นชาติมหาอำนาจตั้งแต่ยุคของสงครามโลกครั้งที่ 1 (WWI) เลือกสรรค์ยุทโธปกรณ์จากหลายแบรนด์การค้า ภาระกิจหลักด้านการลาดตะเวน หาข่าว รวมถึงการป้องกันขบวนไพร่พล Triumph Model H เครื่องยนต์แบบ 3 เกียร์กว่า 30,000 คัน คือกำลังหลัก ขนาบข้างด้วย Douglas เครื่องยนต์แบบ 2 สูบนอน กับ P&M รถที่สร้างขึ้นเฉพาะกิจจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนของ Royal Flying Corp. ขุมพลัง 3.5 แรงม้า แบบซิงเกิล 2 เกียร์ คือกำลังสนุบสนุน...ในฝั่งตรงกันข้าม เยอรมนีมีไม้เด็ดที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 362 ซี.ซี. ของ FN
“กองทัพพันธมิตร” กับม้าศึกเครื่องยนต์ SV 500 ซี.ซี. BSA M20 ในหลายภาระกิจ
☢☢ เยอรมนี...นอกจากจะมีชื่อเสียงด้านงานสร้างเครื่องบินจนเป็นที่เลื่องลือแล้ว ความโดดเด่นในงานสร้างรถจักรยานยนต์ของค่ายนาซีนี้กลับรู้จักกันจริงๆ ในสมัยของสงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII) เมื่อ BMW R12 รถถนนเครื่องยนต์แบบ SV ต้องเปลี่ยนสถานะ เข้าประจำการร่วมกับ R75 เครื่องยนต์ OHV ขนาด 745 ซี.ซี. ที่ติดตั้งไซด์คาร์คือภาพชินตาในเกือบจะทุกสมรภูมิ ในขณะที่ Moto Guzzi ของอิตาลี เพื่อนร่วมรบก็สนับสนุนพละกำลังแบบที่หลากหลายการใช้งาน โมเดลที่รู้จักในนามของ Alce และ Airone ชนิดเครื่องยนต์แบบซิงเกิล สูบนอน ทั้ง 250/ 500 ซี.ซี. ทั้งเวอร์ชั่น รถลุย ไซด์คาร์ รวมถึงรถอเนกประสงค์แบบ 3 ล้อ เครื่องยนต์ V-Twin ในโครงสร้างที่มีกระดองแบบรถยนต์ก็รู้จักกันในนามของ Trialce
เมื่อเครื่องยนต์แบบ V-Twin ของ Moto Guzzi ได้รับการปรับแต่งด้วยตีนตะขาบ เพื่อให้ใช้งานได้อเนกประสงค์ขึ้น
1940 Trialce 3 ล้อ หน้าสปริงที่ปรับบอดี้ท้ายแบบรถยนต์ เพื่อภาระกิจทางการทหาร อาวุธครบมือ ทั้งแท่นปืนกล ปืนไรเฟิล
เครื่องยนต์สูบเดียวที่มีชื่อเสียงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII) ฝั่งของอังกฤษไม่มีใครกังขาในสมรรถนะเครื่องยนต์ OHV ที่แข็งแกร่งขนาด 350 ซี.ซี. ของ 3 แบรนด์ดังที่เป็นเจ้าของตลาดรถพาณิชย์อยู่ก่อนหน้า ทั้ง Matchless/ Norton รวมถึง Triumph ในขณะที่เครื่องยนต์แบบ SV ของ BSA กลับเป็นกำลังหลักในทุกสถานะการณ์
Indain Model 741 Military Scout ยุทโธปกรณ์จากฝั่งอเมริกา
หน่วยเคลื่อนที่เร็ว อาวุธร้ายของค่ายอเมริกา (WLA45)
☢☢....ฝั่งอเมริกาเลือกใช้เครื่องยนต์แบบ V-Twin 500 ซี.ซี. Indain Model 741 Military Scout คือกำลังสนุบสนุนเคียงข้าง Harley-Davidson WLA45 ที่เวลานั้นถึงกับต้องเกณฑ์สรรพกำลังเกือบจะทั้งหมดของโรงงานใน Milwaukee ผลิตรถพิเศษจนมือระวิง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่มีมากถึงสัปดาห์ละกว่า 750 คัน เพื่อส่งต่อให้กับกองกำลังพันธมิตรทั้ง รัสเซีย จีน และ แคนนาดา...และด้วยเหตุนี้เอง หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 Harley-Davidson ก็ได้รับการสานต่อจากหลายกองทัพที่เป็นฝ่ายชนะสงคราม WLA45 เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง มันแข็งแกร่ง ทนทาน และดูแลรักษาง่าย...นี่คือ...ผลผลิตหลังสงครามที่เรียกว่า “ป๊อปปูล่า” ที่สุดที่มีการต่อยอดทางการค้าในเวลาต่อมา
MW R75 เครื่องยนต์ OHV 745 ซี.ซี. ที่เงียบอยู่แล้ว กับเงียบลงอีกด้วยท่อพักไอเสียขนาดใหญ่
1942 Moto Guzzi Alce ที่ติดตั้งชุดปืนกลเร็ว ให้ผู้ขับขี่สามารถขับไปยิงไปได้เลย
เพราะระหว่างสงครามกองทัพได้ใช้ “เงิน” ไปกับโครงการสร้างยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมหาศาล ทำให้งบประมาณในกองทัพก็เริ่มจะร่อยหรอ แนวทางปรับลดค่าใช้จ่ายจึงถูกสั่งการลงมา Harley-Davidson เสนอโครงการใหม่ด้วยรถจักรยานยนต์ที่ราคาย่อมเยากว่าด้วย เครื่องยนต์แบบซิงเกิล 2 จังหวะขนาด 350 ซี.ซี. ของ Rotax ซึ่งนอกจากจะใช้ภายในกองทัพแล้ว ยังส่งออกเพื่อใช้ในกองทัพของเครื่องจักรภพด้วย
เศษซากของ BSA M20 ใต้ก้นทะเลลึก...หลัง...เรือพันธมิตรถูกโจมตีจนอัปปาง
☢☢ โดยรถจักรยานยนต์ในแบบออฟโรดนี้ติดตั้งอุปกรณ์พร้อมรบไว้ที่ด้านหน้าข้างๆ ถังน้ำมัน ด้านหลังติดตั้งซองปืนไรเฟิล ซึ่งภาระกิจหลักของรถรุ่นนี้อยู่ที่การลาดตะเวนหาข่าว และคุ้มกันขบวนรถขนกำลังสับเปลี่ยนกำลัง ในขณะที่รถลุยอีกรุ่นขนาด 500 ซี.ซี. เป็นของ Armstrong ที่โดดเด่นจากสมรภูมิสงครามอ่าว (Galf War) ส่วนในอีกซีกโลก กองทัพอิตาลีก็มีรถออฟโรดแบบนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลพวงของการติดต่อสานสัมพันธุ์ระหว่างกองทัพกับโรงงานของ Cagiva และ Husqvarna
เคลื่อนขบวนในกองทัพ ก็ได้เจ้า 2 ล้อคันนี้ (ภาพนี้ถ่ายในปี 1939)
Military Police (สารวัตรทหาร/ สห.) กับอิริยาบทสบายๆ ในวันพักรบ
Cushman Auto Glide Airbone โมเดล 53 ม้าเร็วที่ทิ้งลงด้วยร่มทางเครื่องบิน
โฆษณา