15 ม.ค. 2022 เวลา 01:16 • ปรัชญา
“ลัทธิความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับกรรม 3 แบบ”
🌿 ลัทธิ ๓ ลัทธิเหล่านี้ มีอยู่
เป็นลัทธิซึ่งแม้บัณฑิตจะพากันไตร่ตรอง จะหยิบขึ้นตรวจสอบ
จะหยิบขึ้นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร
แม้จะบิดผันกันมาอย่างไร
ก็ชวนให้น้อมไปเพื่อการไม่ประกอบกรรมที่ดีงามอยู่นั่นเอง
🌿 ลัทธิ ๓ ลัทธินั้น เป็นอย่างไร ? ๓ ลัทธิ คือ
(๑) สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยคำ
และความเห็นว่า “บุรุษบุคคลใดๆ ก็ตาม ที่ได้รับสุข รับทุกข์
หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น
เป็นเพราะกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อน”
(๒) สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยคำ
และความเห็นว่า “บุรุษบุคคลใดๆ ก็ตาม ที่ได้รับสุข รับทุกข์
หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น
เป็นเพราะการบันดาลของเจ้าเป็นนาย”
(๓) สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยคำ
และความเห็นว่า “บุรุษบุคคลใดๆ ก็ตาม ที่ได้รับสุข รับทุกข์
หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น
ไม่มีอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเลย”
🌿 ในบรรดาลัทธิทั้ง ๓ นั้น
พระพุทธองค์เข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้น
แล้วสอบถามความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว
ท่านกล่าวกะเขาว่า
“ถ้ากระนั้น (ในบัดนี้) คนที่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์
ประพฤติผิดพรหมจรรย์
พูดเท็จ … พูดคำหยาบ … พูดยุให้แตกกัน … พูดเพ้อเจ้อ
มีใจละโมบเพ่งเล็ง … มีใจพยาบาท
มีความเห็นวิปริตเหล่านี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง (ในเวลานี้)
นั่นก็ต้องเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อน
[นั่นก็ต้องเป็นเพราะการเนรมิตของอิศวรด้วย] (๒)
[นั่นก็ต้องไม่มีอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเลยด้วย] (๓)
เมื่อมัวแต่ถือเอา
กรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อน
[การเนรมิตของอิศวร] (๒)
[ความไม่มีอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเลย] (๓)
มาเป็นสาระสำคัญดังนี้แล้ว
คนเหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ
หรือความพยายามทำในข้อที่ว่า
สิ่งนี้ควรทำ (กรณียกิจ)
สิ่งนี้ไม่ควรทำ (อกรณียกิจ) อีกต่อไป
เมื่อกรณียกิจและอกรณียกิจ
ไม่ถูกทำหรือถูกละเว้นให้จริงๆ จังๆ กันแล้ว
คนพวกที่ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้น
ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเรียกตนว่า
เป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้” ดังนี้.
.
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา