17 ม.ค. 2022 เวลา 13:44 • ถ่ายภาพ
Review : Olympus Pen EED ในยุคที่ฟิล์มราคาแรง
ปัจจุบันต้นปี 2022 กับราคาฟิล์มที่สูงขึ้นไปอีกตามปีที่เพิ่มขึ้น 😂 ฟิล์ม 1 ม้วน ที่ได้เพียง 36 รูป กับค่าล้างที่ตามมา อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเพื่อนๆหลายคนที่งบจำกัด หลายๆคนจึงหยุดพักหรือมองหากล้องฟิล์มที่เป็นระบบ half frame ที่สามารถถ่ายได้ 2 เท่านั่นเอง
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำสั้นๆแบบรวบรัด สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่รู้จักระบบ half frame
กล้องฟิล์มระบบ half frame คือ กล้องที่ใช้พื้นที่ในการบันทึกภาพลงบนฟิล์มเพียงครึ่งเดียว! จากสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบปกติ ก็หั่นตรงกลาง และบันทึกเพียงครึ่งเดียวต่อรูป ทำให้เกิดเป็นแนวตั้ง (อารมณ์ประมาณ ลดกระดาษ A4 ไปยัง A5 นั่นเอง )
ข้อดีที่เราจะได้ก็คือ เราจะสามารถถ่ายได้มากขึ้น 2 เท่าจากปกติ เช่น ฟิล์ม 36 ก็จะสามารถถ่ายได้ 72 รูป ประหยัดไปอี๊กก
ส่วนข้อเสียของระบบนี้คือ คุณภาพภาพที่ได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง (แน่หล่ะสิ ก็อัดลงไป 2 รูปใน 1 กรอบจากปกตินี่หน่า)
ตัวอย่างภาพที่เป็น full frame : lomo 400 color negative
ตัวอย่างภาพที่ได้จากกล้อง half frame : lomo 400 color negative
เอาหล่ะครับ เรามาเข้าเรื่องกัน ผมได้มีโอกาสจับเจ้ากล้อง olympus ที่เป็น half frame มาพอสมควร เช่น Olympus Pen EE-S , Pen D3 ก่อนจะมาถึงตัวนี้ Pen EED พระเอกเราวันนี้นั่นเอง
ข้อมูลคร่าวๆของเจ้า Pen EED ก็คือ น้องเป็นระบบวัดแสงพร้อมปรับค่า f และ shutter speed ให้เราอัตโนมัติ เรามีหน้าที่เพียงแค่ปรับโฟกัสเท่านั้น
โดย iso ของฟิล์มที่รองรับสูงสุดคือ 400 ซึ่งก็เยอะพอสำหรับกล้อง half frame แล้วครับ
ค่ารูรับแสงที่กว้างมากถึง 1.7 ทำให้สามารถที่จะถ่ายในสถานการณ์ในที่ร่ม หรือ แสงน้อยได้ดีมากๆ และ สามารถมีโอกาสถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้มากขึ้นครับ
สาเหตุที่ทำไมผมใช้คำว่าโอกาสถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ก็เพราะว่า เราไม่สามารถปรับเลือก f และ shutter speed เองได้นั่นเองครับ กล้องจะเป็นตัวจัดการให้เราเท่านั้น
ต่อมาเรื่องของเลนส์ กล้องตัวนี้ใช้เลนส์รหัส F ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรุ่นของกล้องตัว TOP ค่าย Olympus
ซึ่ง F ในที่นี้หมายถึงจำนวนชิ้นเลนส์ มีทั้งหมด 6 ชิ้นเลนส์ ( ตัวอย่าง รหัส E ก็จะมีเพียง 5 ชิ้นเลนส์ )
กล้องตัวนี้เป็นรุ่นท้ายๆของสายการผลิตกล้องตระกูล Pen ของ olympus แล้วครับ โดยตัวถัดมาก็จะไม่ได้วัสดุที่เป็นอลูมิเนียมเท่ๆ แบบนี้อีกแล้วครับ
ตัวกล้องมาพร้อมกับระบบ flash ที่เป็น hot shoe และ สามารถปรับ f เองได้ในกรณีที่ใช้กับ flash (หรือจะปรับถ่ายปกติก็ได้นะ แต่ shutter speed จะเป็น 1/15 ในทุก f )
ความรู้สึกจากการใช้งาน เป็นกล้องที่ตัวเล็กจับถนัดมือดีครับ สามารถใช้สายสำหรับคล้องมือ และ เดินถือถ่ายไปได้ทุกทึ่ แต่ยังไม่เล็กถึงขนาดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินสบายนะครับฮ่าๆ(แต่ใส่ได้นะ)
ภาพที่ได้จัดว่าคม และ วัดแสงได้ดีครับ ผมลองทั้งในกลางแจ้ง ที่ร่ม และ ที่มืด ภาพที่ได้ก็ยังออกมาโอเคมากครับ แต่ทั้งนี่ก็ขึ้นอยู่กับ iso ของฟิล์ม และ เกรดของฟิล์มด้วยนะครับ
รูปนี้ลองถ่ายในที่มืด ภาพก็ยังออกมาดีมาก : lomo 400 color negative
ลองเอามา crop รูปออกมาเป็นรูปเดียว ก็ยังให้ความรู้สึกแทบไม่ต่างจากกล้อง full frame เลยครับ : lomo 400 color negative
โทนสีที่ได้ถือว่าถูกใจผมมากๆครับ : lomo 400 color negative
ถ่ายที่มืดออกมาโอเคมากๆเลยครับ : lomo 400 color negative
บทสรุปของเจ้ากล้องตัวนี้นะครับ คุณภาพที่ได้ และ จำนวนภาพถือว่าคุ้มค่าที่จำนำมาใช้ในปีที่ฟิล์มมีราคาสูงขึ้นได้ดีครับ ตัวเล็กจับถนัดมือ น้ำหนักก็ถือว่าหนังเล็กน้อยไม่ถึงกับเดินแล้วรำคาญ หรือเมื่อย
ข้อเสียของเจ้ากล้องตัวนี่มีอยู่ 2 เรื่องครับ
อย่างแรก กล้องใช้การปรับระยะ focus แบบกะระยะเอง ผู้ใช้ต้องรู้ว่าสิ่งที่เราจะถ่ายห่างจากกล้องเท่าไหร่ ถ้าวัดผิดหมายความว่ารูปเบลอนั่นเองครับ
ต่อมาคือเรื่องของการบอกค่าที่กล้องเลือกใช้ กล้องตัวนี้ในช่องมองไม่บอกอะไรเราเลยครับ หมายความว่าในที่แสงน้อย กล้องอาจจะเลือก shutter speed ที่ต่ำให้กับเรา ซึ่งมีโอกาสภาพเบลอได้ง่ายมากครับ ทำให้เราต้องมือนิ่งๆทุกครั้งเวลาถ่าย หรือ ในที่แสงน้อยครับ
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังสนใจกล้องรุ่นนี้ หรือเป็นมือใหม่ สงสัยเรื่องต่างๆ สามารถทักมาสอบถามได้เลยนะครับ เราพร้อมให้การช่วยเหลือเสมอ หรืออยากดูรูปอีกเยอะๆได้ที่ ig : daylightniceshots
ขอบคุณที่อ่านและติดตามครับ ไว้พบกันอีก❤️
โฆษณา