17 ม.ค. 2022 เวลา 14:31
“เธอไม่ใช่ครูหรอก เป็นแม่ค้ามากกว่า” เพื่อนคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ นานหลายปีมาแล้ว วันนั้นที่ได้ยินฉันสตั๊นท์ไปหลายวิ รู้สึกหน้าชา ผิดหวังและเสียใจ
ไม่ได้โกรธเพื่อนเลยนะ แต่ที่ว่าผิดหวังคือ ผิดไปจากความคาดหวัง ว่าสิ่งที่ฉันเพียรทำมาหลายปี ในการสร้างชุมชน ด้วยความตั้งใจจะช่วยให้พ่อแม่ได้ตระหนักว่าตัวพ่อแม่นี่ล่ะที่เป็นคนสำคัญในการบ่มเพาะลูกๆ ดังนั้นพ่อแม่จึงจำเป็นต้องเรียนรู้พัฒนาตัวเองเสมอ โดยจำเป็นต้องมีเพื่อนๆในชุมชนคอยช่วยเหลือเอื้อเฟื้อ ร่วมเส้นทางกันไป คนภายนอกเขาไม่ได้ยอมรับว่าฉันเป็นครู อาจจะเพราะ ฉันไม่มีวิชาชีพครู ไม่มีวุฒิการศึกษาด้านการเป็นครู ไม่ได้เป็นครูในระบบโรงเรียน
ฉันใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่ง ครุ่นคิด ด้วยความหงุดหงิดใจ พยายามอยากพิสูจน์ว่า “ฉันเป็นครู ไม่ใช่แม่ค้า” เป็นความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งที่ผลักให้ ฉันออกเดินทาง ค้นหาครูบาอาจารย์ ใครสักคนที่ช่วยนำทาง ให้เขายืนยัน “ยอมรับ” ว่า ฉันเป็น “ครู”
ทำไปหลายสิ่ง “พยายาม”ไปหลายอย่าง รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ได้พบทั้งครูบาอาจารย์ ได้พบทั้งเพื่อนร่วมทาง ได้พบโจทย์ที่โยนเข้ามาในชีวิตมากมาย คนภายนอกมองเข้ามาอาจมองว่า “แม่ตานี่เข้มแข็งจัง ดูเหมือนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด” หากเป็นเพื่อนสนิท จะได้ยินคำว่า “เฮ้ย... #กรูเป็นมนุษย์เว้ย ”
แล้วฉันกลัวไรเหรอ? การฝึกฝนจากโจทย์ชีวิตหลายปีมานี้ ทำให้เห็นชัดเลยว่าว่า สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือ #กลัวการไม่ได้รับการยอมรับ #กลัวไม่เป็นที่รัก
พอฉันกลัว ฉันทำอะไร?
#พยายามพิสูจน์ ทำในสิ่งที่คิดว่าคนอื่นจะชอบ จะชื่นชม จะนิยม จะยอมรับในที่สุด
จุดตันของฉันคือ การเสนอตัว หรือ ตกปากรับคำ ให้ความช่วยเหลือ ทั้งๆที่บางช่วงเวลา ตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะช่วยใครได้เลย กลายเป็น #เตี้ยอุ้มค่อม ทำให้บางความสัมพันธ์ ต้อง #จบแบบเจ็บ
#พยายามยัดเยียดความรักและความปรารถนาดี ใส่มือคนอื่น โดยหารู้ไม่ว่า ทำให้เขาอึดอัด บางคนไม่กล้าปฏิเสธ เพราะในนามของความรักที่ฉันอ้างถึงมันแฝงไปด้วยความคาดหวังที่จะได้รับกลับคืน มองกลับไป จากจุดที่ยืนวันนี้ ฉันพบว่า นั่นไม่ใช่ความรัก
#พยายามด่วนสรุป ว่าคนเคยใกล้ชิดที่เว้นระยะห่างจากฉันไป #ไม่รักฉันแล้ว และเพราะฉันกลัวความเจ็บปวด ฉันจึง #ชิ่ง ตีตัวออกห่างเสียก่อน เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกถูกทิ้ง แต่หลอกตัวเองได้ว่า “ฉันต่างหากเป็นคนเลือกทิ้งเขา”
ฉันฝึกอย่างไรในช่วงหลายปีนี้?
พูดง่ายๆแต่ไม่รู้คนอื่นจะเข้าใจไหมนะ ฉันฝึกฝนการเฝ้ามองความกลัวของตัวเอง ฉันแค่มองไม่ได้จ้องหรอกนะ แค่มองตอนที่ความกลัวค่อยๆก่อตัวขึ้นมา ขยายใหญ่ขึ้น ไปจนถึงค่อยๆตัวเล็กลง แล้วหายไป บางครั้งฉันมาเห็นความกลัวตอน ความกลัวตัวใหญ่มากแล้ว หลายครั้งฉันเห็นตอนเขาค่อยๆก่อตัวขึ้น มาในหลายรูปแบบ เช่น จังหวะการเต้นหัวใจที่แปลกไป ความเกร็งที่ต้นคอ หรือ การขบกัดแน่นของฟันกราม นิ้วมือ นิ้วเท้าที่แข็งเกร็ง
แล้วตอนนี้ยังกลัวไหม ?
กลัวสิ เพราะ ... #กรูเป็นมนุษย์เว้ย แต่เพราะพอคุ้นเคยกับความกลัวของตัวเองมากขึ้น เมื่อมาถึง ถึงจะสั่นไหว แต่พอจะตื่นได้ไวขึ้น ตัวรู้ ทำงาน ไวขึ้น พลังทำลายล้างเลยเบาบางลง ต้องฝึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
Achievement สำคัญที่อยากแบ่งปันคือ ตอนนี้ ใครจะมองว่าฉันเป็นแม่ค้า ฉันก็ยอมรับว่า ใช่...ฉันเป็นแม่ค้า
หากใครจะบอกว่า ฉันเป็นครู ฉันก็ยอมรับว่า ใช่...ฉันเป็นครู ยิ่งกว่านั้นฉันเชื่อว่า #ทุกคนในโลกนี้ล้วนเป็นครู ดูอย่างเด็กตัวเล็กๆนั่นสิ พวกเขายังสอนบทเรียนชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่ผู้ใหญ่อย่างเราเสมอเลย นั่นคือเหตุผลที่ฉันรักที่จะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเด็กๆ และพ่อแม่ในชุมชนของฉันเสมอมา
ฉันเดินทางมาถึงตอนใหม่ของชีวิต ที่ฉันรู้สึกได้ว่า ฉันเป็นได้ทุกอย่างนั่นแหล่ะ ฉันไม่ได้จำกัดตัวเองเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปตลอดกาลหรอก ตอนที่ยังไม่มีลูก ฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะเป็นแม่ที่ดีได้ แล้วดูตอนนี้สิ ฉันมั่นใจว่า #ฉันเป็นแม่ที่ดีที่สุดของลูกของฉัน อันนี้ต้องขอบคุณทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม ลมใต้ปีกตลอดกาลของฉัน Arsarn Chomjinda Buddharaksa Donavanik Chomjinda ส่วนใครจะมองว่าฉันเป็นอะไร ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของเขา เขาเห็นฉันบางส่วน ก็เหมือนกับที่ฉันเห็นคนอื่นบางส่วนนั่นแหล่ะ จะขอบคุณมากหากเพื่อนๆช่วยสะท้อนให้ฉันรู้ เพราะบางทีฉันก็มองไม่เห็นตัวเองชัดเท่าไหร่นักหรอก ฉันคิดว่าผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน เป็นกระจกสะท้อนตัวฉันดีๆดีเอง
ไม่รู้ว่าเพราะอายุใกล้เลข 5 ไปเรื่อยๆแล้วหรือเปล่า แต่ฉันก็มีมุมมองที่ฉันมองเข้าไปในตัวฉันได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน ฉันไม่ต้องคอยพยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ใครมายอมรับ เพราะฉันยอมรับตัวเองได้มากขึ้นทุกวันแล้ว
ถ้าฉันไม่ไหว ฉันจะบอกว่าฉันไม่ไหว ถ้าฉันเหนื่อยจะจะขอเวลาพัก ฉันรู้ว่าฉันชาร์จแบตไม่นาน แต่ตอนชาร์จแบตฉันอาจหายไประยะสั้นๆ อย่าว่ากันเลยนะเพื่อน คิดถึงก็ทักมาได้เสมอ ...นายก็รู้เบอร์ฉันนี่นา
ฉัน #ไม่ด่วนสรุป #ไม่ด่วนตัดสิน หากใครไม่รับข้อเสนอของฉันในเวลานี้ ฉันพร้อมจะเข้าใจว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันเชื่อว่าใดใดในโลกนั้นเปลี่ยนแปลงไป ไม่หยุดนิ่ง คนหนึ่ง สิ่งหนึ่ง ที่เคยเป็นในอดีต ถึงวันนี้เขาก็จะเดินจุดเดิมไปสู่จุดใหม่แล้ว คนที่เป็นอยู่ตอนนี้ รวมถึงตัวฉันเองก็เถอะ ก็จะค่อยๆวิวัฒน์ พัฒนา เปลี่ยนไปในอนาคตเช่นกัน เราโฟกัส #ที่นี่เดี๋ยวนี้ กันดีกว่า ฉันคิดว่าอย่างนั้น ในตอนนี้นะ
สำหรับเพื่อนที่ตั้งใจอ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าบันทึก ในวาระครบรอบวันเกิด เมื่อ 13 มกราคม (ขอควบวันครูเข้าไปด้วย ) ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกคำอวยพรที่มอบให้ อาจจะตอบกลับความปรารถนาดีเป็นรายบุคคลไม่หมด แต่ขอรับความปรารถนาดีไว้ทั้งหมด จะพอเป็นประโยชน์ และจะดีใจหากเราจะได้มีโอกาสแบ่งปันและให้ฉันได้รับฟังเรื่องของเพื่อนๆบ้างนะ
รักนะ
แม่ตา
16 มกราคม 2565
ปล. ภาพมงกุฏที่ฉันทำให้เด็กๆในพิธีวันเกิดเมื่อวานนี้ มีสัญลักษณ์ ของขวัญที่มอบให้ดวงจิตของเด็กน้อย จากอาณาจักรแห่งสวรรค์ เพื่อใช้ตลอดการเดินทางบนอาณาจักรแห่งโลก ความสดใส ความงาม จากดวงดาวน้อยใหญ่ พละกำลังอันเข้มแข็งจากดวงอาทิตย์ ลูกบอลแห่งชีวิตสีทองที่จะยังคงเปล่งประกาย หากว่าเรายังคง ร่าเริง สดใส เปี่ยมด้วยรัก และ ปัญญา
ผ้าคลุมผ้าไหมสายรุ้ง ของขวัญจากอาณาจักรโลก สัญลักษณ์แห่งการได้รับการปกป้อง คุ้มครองให้ปลอดภัย
นางฟ้าที่ให้คำมั่นสัญญา ถึงแม้ว่าจะดวงตาบนอาณาจักรโลกจะมองไม่เห็นนางฟ้า เหมือนเช่นอยู่บนสวรรค์ แต่นางฟ้าจะอยู่เคียงข้างและปกป้องคุ้มครองให้เธอปลอดภัย
***ขอบคุณเด็กๆ ที่ทำให้ฉันได้ฟังนิทานของตัวฉันเองอีกครั้ง***
โฆษณา