18 ม.ค. 2022 เวลา 11:18 • การเมือง
"เพลงเเร็พ" เครื่องมือในการสะท้อนสังคมเเละความขัดเเย้งทางการเมืองไทย
ในอดีตบทเพลงส่วนมากจะมีอยู่ไม่กี่แนว ส่วนใหญ่จะเป็นแนวลูกทุ่งและลูกกรุง ซึ่งมีความหมายสะท้อนวิถีชีวิต สภาพสังคมอุดมคติและวัฒนธรรมไทย โดยมีท่วงทำนอง คำร้อง สำเนียง ลีลาการร้อง การบรรเลงที่เป็นแบบแผน และมีมีลักษณะเฉพาะ
ปัจจุบันนี้บทเพลงมีความหลากหลายและพัฒนาขึ้นมาก มีแนวเพลงใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงรูปแบบของการฟังเพลงที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย รวมไปถึงการพัฒนาด้านช่องทางการฟังเพลงผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ซึ่งแนวเพลงในยุคนี้ก็มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เพลงป็อป , โฟล์ก , คันทรี , ดนตรี EDM หรือ อิเล็กทรอนิกส์ (ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์) , สกา , เมทัล ,คลาสสิก , กอสเปล , แจ๊ส , ร็อก และ แร็พ ฯลฯ ที่เรียกได้ว่าแต่ละรูปแบบก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะเพลง “แร็พ” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
แร็พ-ฮิปฮอป มีต้นกำเนิดในประเทศสหรัฐ ฯ เป็นดนตรีของกลุ่มชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ในช่วงยุค 1970 เกิดจากความนิยมในการจัดปาร์ตี้ของวัยรุ่นกลุ่มแอฟริกัน-อเมริกัน ในย่านบร็องซ์ ซึ่งเป็นย่านของชนชั้นแรงงาน คนจนที่ต้องการหาที่นัดพบเพื่อนฝูงและฟังดนตรีสนุกสนาน แต่ไม่มีเงินเข้าไปสังสรรค์ในผับหรือบาร์ที่เปิดเพลงดิสโก้ (Disco) ตามสมัยนิยม จึงได้จัดปาร์ตี้ในรูปแบบของตัวเอง การจัดปาร์ตี้ของวัยรุ่นกลุ่มนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะโดยมีดีเจ (DJ) ทำหน้าที่เปิดเพลง และให้นักร้อง (MC) เป็นผู้ประกาศผ่านไมโครโฟนเพื่อเชิญชวนผู้คนเข้าไปในงาน และนี่ถือเป็นจุดกำเนิดของดนตรีแร็พ-ฮิปฮอป ในช่วงแรกๆ แนวเพลงแร็พส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องราว อาชญากรรม ภาพความรุนแรง โดยใช้ภาพเหล่านี้สะท้อนสถานะ แสดงความเห็นต่อการเมือง เปิดเผยประเด็นในชุมชนแออัดยากจนต่อสังคมโดยรวม จนพัฒนาขึ้นมากลายเป็นแนวเพลงแนวหนึ่งที่เป็นที่นิยมทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้
เพลงแร็พได้เข้าสู่วงการเพลงของไทยจากกลุ่มคนไทยกลุ่มเล็กๆ ที่ชื่นชอบเพลงแร็พ โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองของดนตรีฮิปฮอปและพัฒนาขยายกลุ่มต่อมาตามยุคสมัย ในช่วงแรกนั้น เป็นการเข้ามาในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เช่น คีตา เอ็นเทอร์เทนเม้นท์, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และอาร์เอส วง TKO ค่ายคีตา นับเป็นวงดนตรีแร็ปวงแรกที่บุกเบิกดนตรีแร็พ-ฮิปฮอปในประเทศไทย
เพลงแร็พ-ฮิปฮอป เริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้นในปี 2538 โดย โจอี้ บอย หรือ อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ได้ออกอัลบั้ม โจอี้ บอย ซึ่งเป็นเพลงแร็พทั้งอัลบั้มเป็นชุดแรกให้กับค่ายเบเกอรี่ มิวสิก ประจวบกันกับที่กระแสดนตรีในเมืองไทยได้เริ่มออกจากกระแสหลักไปสู่แนวอิสระ ทำให้เพลงแร็ปได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ปี พ.ศ. 2543 ได้เกิดวงแร็พเปอร์หน้าใหม่ ชื่อ ไทเทเนี่ยม (ประกอบด้วยสมาชิก ขันเงิน เนื้อนวล จำรัส ทัศนละวาด และปริญญา อินทชัย) เป็นกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันที่นิวยอร์ก และมีเอกลักษณ์จากทรงผมและการแต่งตัวที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับ ต่อมาวงไทเทเนี่ยมได้เข้าไปอยู่ในค่ายของจี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ ที่มีเพลงฮิตอย่างเพลง “ทะลึ่ง” (พ.ศ.2548) “Love for my city” (พ.ศ.2557) “บ่องตง” (พ.ศ.2559) ฯลฯ จนกลายเป็นขวัญใจแฟนเพลงวัยรุ่นไทยที่ชื่นชอบเพลงแร็ปจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีศิลปินแร็พสไตล์ไทยอย่าง ปู่จ๋าน ลองไมค์ หรือพิษณุ บุญยืน ศิลปินแร็พเปอร์ชื่อดังที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน ก็ได้ออกเพลงแร็พที่โด่งดังอย่าง “นางฟ้าจำแลง” “ตราบธุลีดิน” “แลรักนิรันดร์กาล” “สะพานไม้ไผ่” “มณีในกล่องแก้ว” รวมถึงวงดนตรีและศิลปินแร็พที่เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น Southside, Snoopking, Illslick, J$R, Chitswift ฯลฯ สิ่งที่น่าสนใจคือ ศิลปินหรือวงแร็พเหล่านี้ หลายคนทำงานเพลงใต้ดิน
ศิลปินแร็พไทยกลุ่มใต้ดินจัดว่ามีความสำคัญต่อการสะท้อยภาพการเมืองในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของศิลปินแร็พที่มีความสามารถ มีแนวคิดทางดนตรีที่ต้องการบรรยายความรู้สึกถึงปัญหาต่างๆ ของสังคมไทย ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การทุจริต ความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง เรื่องชู้สาวและประเด็นทางเพศ ความอยุติธรรมในสังคม ที่ไม่สามารถบอกด้วยเสียงเพลงบนดินได้ ด้วยเนื้อหาคำพูดที่รุนแรง ใช้คำหยาบและเกี่ยวข้องกับสังคม การเมืองการปกครองของไทย
ดังนั้น กลอนเพลงแร็พและแนวดนตรีแร็พ จึงค่อนข้างมีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ทั้งด้านเนื้อเพลงและจังหวะดนตรีที่หลากหลาย เพื่อสะท้อนปัญหาหรือความจริงโดยเฉพาะด้านการเมืองในสังคมไทยในขณะนั้น
เสน่ห์ของดนตรีแร็พที่สำคัญ คือการมีรากฐานมาจากการเล่าเรื่องชีวิต ปัญหาของสังคม ความรุนแรง ยาเสพติด และความไม่ยุติธรรม การเสพดนตรีแร็พจึงเปรียบเสมือนการที่ได้พูดได้ฟังสิ่งที่เป็นจริง โดยใช้เสียงเพลงปลดปล่อยตัวเองออกจากสังคมที่เราถูกปิดกั้น และนี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เพลงแร็พได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนไทยส่วนมากถูกกดดันด้วยกรอบทางวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิม ที่ถูกสอนให้เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจ การที่ประชาชนและสื่อถูกควบคุมการแสดงความเห็น ความเชื่อ ด้วยตัวบทกฎหมายที่ห้ามการวิพากษ์วิจารณ์รัฐและบุคคลบางกลุ่มเพื่อความสงบเรียบร้อย ประชาชนจึงไม่มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นต่อสังคม หรือแม้แต่แลกเปลี่ยนความเห็นในที่สาธารณะได้อย่างอิสระ ดนตรีแร็ปจึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นช่องทางให้ผู้คนได้ปลดปล่อยสะท้อนปัญหาในใจของคนด้วยกลอนเพลง เสียงเพลง และจังหวะดนตรีแร็พ
โดยกลุ่มศิลปินที่ใช้เพลงแร็พในการสะท้อนภาพทางการเมืองที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบัน เช่น กลุ่ม R.A.D หรือ Rap Against Dictatorship กับผลงาน เพลง“ประเทศกูมี” (พ.ศ.2561) ก็นับเป็นกลุ่มศิลปินที่ใช้กลอนแร็พในการสะท้อนการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมียอดวิวในยูทูบมากถึงเกือบสี่สิบล้านวิว เพลงนี้มีจุดเด่นเรื่องเนื้อหาและภาษา ซึ่งสะท้อนความคิดเห็นที่มีต่อสังคมไทย เนื้อหาของเพลงกล่าวถึงเหตุการณ์ด้านลบทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงมีการใช้คำหยาบคายซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
กลุ่ม R.A.D หรือ Rap Against Dictatorship
เพลงแร็พหากมองแค่เปลือกนอก อาจถูกมองว่าเป็นวัฒนธรรมที่ไร้คุณค่า เพราะมีแต่คำหยาบคายและการด่าทอเสียดสี แต่เมื่อนำบทประพันธ์ของแต่ละเพลง มาวิเคราะห์หาความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ภายใน ผนวกกับการศึกษาบริบทแวดล้อมในช่วงเวลาการประพันธ์บทเพลงนั้น จะพบว่า เพลงแร็พ ไม่ใช่เพลงที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองการแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรงเท่านั้น หากแต่การเสียดสี การด่าทอด้วยความหยาบคายกลับแสดงออกถึงการต่อต้านและเสียดสีทางสังคม โดยผู้ประพันธ์ได้ใช้พื้นที่ของวัฒนธรรมดนตรีแสดงความคิดเห็นของตนต่อปรากฏการณ์ต่างๆ ของสังคมผ่านทางเนื้อหาที่รุนแรง เพื่อกระตุ้นเตือนสังคมให้มองเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง พร้อมกันนั้น ภายใต้เนื้อเพลงที่หยาบคายผนวกกับการนำเสนอผ่านท่วงทำนองที่เป็นบทกลอน รวดเร็ว และรุนแรง อันเป็นเอกลักษณ์เพลงแร็พ กลับแสดงถึงการต่อต้านและสะท้อนความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับการเมืองในสังคมได้ไทยเป็นอย่างดี
#คนรู้ภาษา
#มือซน✍️🧒 เรียบเรียง
🙏🙏 ฝากกดติดตาม ไลค์ แชร์ ร่วมแสดงความคิดเห็นเเละเป็นกำลังใจให้ เพจมนุย์ไทยด้วยครับ ขอบคุณครับ😁😁
ติดตามบทความดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ👇👇👇👇👇👇👇👇👇
โฆษณา