21 ม.ค. 2022 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
"ทริคบริหารเงิน สำหรับสายกินแหลก!"
กำหนดงบค่าอาหาร
อย่าให้เกินเดือนละ 20%
เพื่อนๆ คิดว่า คนไทยใช้เงินไปกับเรื่องอะไรมากที่สุดครับ? หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นค่าเดินทาง ค่าซื้อสินค้า ค่าใช้จ่ายด้านความบันเทิงต่างๆ ใช่มั้ยล่ะ
จริงๆ แล้ว “Euromonitor” สำนักวิจัยตลาดในประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลว่าสิ่งที่คนไทยใช้จ่ายมากที่สุดคือ “ค่าอาหาร” คิดเป็นสัดส่วน 21.2% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในชีวิตประจำวัน เมื่อรวมมูลค่าแล้วมากถึง 1.8 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว!!
แต่ในยุคที่ข้าวของแพงขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ “สายกิน” อย่างเราก็ได้รับผลกระทบกันไปเต็มๆ เงินก็ต้องออม ลงทุนก็ต้องลงทุน แต่ของอร่อยก็ไม่อยากพลาด คำถามคือแล้วเราจะบาลานซ์ชีวิตกันยังไงดีนะ?
วันนี้ aomMONEY มีเทคนิคง่ายๆ มาแนะนำครับ
[ทริคแบ่งเงิน 20% คุมงบค่าอาหารให้อยู่หมัด]
เพียงแค่เพื่อนๆ แบ่งเงิน 20% ของรายได้ เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับค่าอาหาร ขนม เครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงการสั่งเดลิเวอรี่ การซื้อวัตถุดิบมาทำกินเอง หรือจะเป็นการรับประทานอาหารนอกบ้านด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น
นาย A มีเงินเดือน 15,000 บาท
แบ่งเงินค่าอาหาร 20% x 15,000 = 3,000
งบค่าอาหารต่อเดือนของนาย A คือ 3,000 บาท
(เฉลี่ยวันละ 100 บาท)
นาย B มีเงินเดือน 20,000 บาท
แบ่งเงินค่าอาหาร 20% x 20,000 = 4,000
งบค่าอาหารต่อเดือนของนาย B คือ 4,000 บาท
(เฉลี่ยวันละ 133 บาท)
นางสาว C มีเงินเดือน 30,000 บาท
แบ่งเงินค่าอาหาร 20% x 30,000 = 6,000
งบค่าอาหารต่อเดือนของนางสาว C คือ 6,000 บาท
(เฉลี่ยวันละ 200 บาท)
ทริคแบ่งเงินค่าอาหาร 20% นี้ เป็นตัวเลขโดยเฉลี่ยทั่วไปครับ ซึ่งแต่ละคนสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับรายได้ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แต่ถ้าจัดสรรค่าอาหารยังไงก็ไม่พอซักที คงต้องลองใช้ “เทคนิคประหยัดค่าอาหาร ตามสไตล์สายกิน” ทั้ง 5 ข้อนี้ดูครับ
(1) เน้นทำอาหารกินเอง
การทำอาหารกินเองที่บ้าน ทำให้เราควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่เราควรทำคือจดลิสต์รายการวัตถุดิบที่จะซื้อ เพื่อให้ซื้อแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น
(2) ซื้อยกโหล ถูกกว่าซื้อทีละชิ้น
ตอนที่ซื้อวัตถุดิบหรือสิ่งของจำเป็น ให้สังเกตว่าสินค้าที่เราต้องการนั้น มีจำหน่ายแบบแพ็ก หรือแบบยกโหลมั้ย เพราะเมื่อหารเฉลี่ยต่อชิ้นแล้วมักจะราคาถูกกว่าซื้อปลีก
(3) ตั้งตารอโปรโมชั่น
ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปกินอาหารนอกบ้าน ก็มีทริคง่ายๆ ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายคือ การมองหาโปรโมชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซื้อ 1 แถม 1, ลด 50%, โปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต, โปรโมชั่นร่วมกับค่ายโทรศัพท์มือถือ, การใช้คูปอง, การใช้แต้มสมาชิกมาเป็นส่วนลดหรือแลกเมนูอาหารได้
(4) งานวอยเชอร์ต้องมา
สมัยนี้แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ต่างๆ มักจะมีการจำหน่ายวอยเชอร์ร้านอาหาร ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าจริง ที่ aomMONEY เคยใช้แล้วคุ้มสุดๆ คือซื้อวอยเชอร์ 1 บาท สามารถใช้เป็นส่วนลดร้านอาหารได้ 50 บาท หรือซื้อดีลพิเศษ 50 บาท แล้วสามารถเลือกซื้อเมนูที่ราคา 100 บาทขึ้นไปได้ บอกเลยว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะครับ
(5) เลือกร้านใกล้ๆ ประหยัดกว่าร้านที่อยู่ไกล
สำหรับสายกินเดลิเวอรี่ ซึ่งมักจะต้องเสียค่าส่งตามระยะทาง ทริคง่ายๆ ก็คือ “เลือกร้านที่อยู่ใกล้ๆ” จะช่วยประหยัดค่าส่งได้มากกว่า หรือถ้าใครจำเป็นต้องขับรถออกไปซื้อเอง ก็ต้องมีทริคในการเติมน้ำมันกันหน่อย คือควรเติมทีเดียวให้เต็มถัง จะประหยัดได้มากกว่าการแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ ครับ
ด้วยทริคแบ่งเงิน 20% สำหรับค่าอาหาร และเทคนิคประหยัดค่าอาหาร ตามสไตล์สายกิน ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เซฟค่าใช้จ่าย และวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น โดยที่ยังไม่พลาดของอร่อยด้วยนะครับ ลองเอาไปปรับใช้กันได้เลย
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #ออมเงิน
#ลงทุน #สายกิน #เดลิเวอรี่ #สั่งอาหารออนไลน์
◤ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
aomMONEY ก้าวแรกสู่ความสำเร็จทาง "การเงิน"
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ◢
.
👍 ชอบกด Like โดนใจ กด Share และอย่าลืม ✅ See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ ๆ ก่อนใคร
.
ติดตามความรู้ทางการเงินในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
📌 กลุ่มกองทุนไหนดี https://bit.ly/3aOjgMl
.
สนใจโฆษณาติดต่อ :
👉 Tel: 092-264-5499 (แน้ม)
โฆษณา