จริงๆแล้วชีวิตมันมีความหมาย ตั้งแต่เริ่มต้นปฏิสนธิด้วยเลือดสองก้อน เลือดพ่อเลือดแม่ ก่อกำเนิดผสมกัน เติบโตแตกกิ่งก้าน มีแขนมีขา มีหูมีตามีจมูกลิ้นกายใจ เติบโตจนครบอาการสามสิบให้จิตที่มีกรรมอยู่ในโลก ลงมาจุติอยู่ในเรือนกายที่ออกมาจากท้องมารดา ชีวิตเริ่มต้นขึ้นมาในโลก ก็ได้แต่นอน ให้พ่อแม่ป้อนน้ำป้อนนม จนโตวันโตคืน หัดคว่ำหัดคลาน หัดเดิน หัดพูด ทุกอย่างต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ เรียนรู้กันใหม่ตามยุคสมัยที่เกิด ถิ่นที่เกิด ภาษาที่เกิด อาหารการกินที่อยู่ที่อาศัย ก็มาเรียนรู้ใหม่ เรียนรู้เพื่อ เสาะแสวงหาสิ่งของมาบำรุงบำเรอหล่อเลี้ยงร่างกายที่จิตอาศัย เพื่อให้ร่างกายนี้แข็งแรง มีสุขภาพสมบูรณ์ หากไม่ดูแลร่างกายไม่ไปเสาะแสวงหาอาหารการกินมา เอามากินมาดื่ม ร่างกายนี้ก็อยู่ไม่ได้ จึงทำให้เรามีสัญญาณรักชีวิตตน ใครมาติเตียนกายที่เราอาศัยก็เกิดมีอารมณ์ไม่ชอบใจ ไม่ได้ดังใจ ไหลออกมาอยู่ในเรือนกายนี้