21 ม.ค. 2022 เวลา 11:39 • ปรัชญา
บ่วง
มนุษย์มักพาตัวเองให้เข้ามาพัวพัน
กับวังวนของความ ไม่จีรังยั่งยืน
แล้วยึดสิ่งนอกกายนั้นๆ เป็นสรณะ
มนุษย์ จึงดิ้นรนและเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เพราะตกเป็นทาสของ "บ่วง"ที่ตนเองสร้างขึ้นมา
แต่ "บ่วง"จะทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราเป็นนายมัน
ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ ความรัก
ไม่ได้เป็นตัวการตรงๆ ที่ทำให้เราทุกข์
แต่เราทุกข์..เพราะเราครอบครอง
"บ่วง"เหล่านี้ "ไม่เป็น"
จึงตกเป็นทาสของมัน
ชีวิตมนุษย์ ที่ไม่ใช่ผู้ละแล้วซึ่งกิเลส
อย่างไรก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพบเจอ
อยากได้ และออกแรงแสวงหา
ความอยากแต่พอประมาณ เป็นเหตุเป็นผล
จะทำให้การแสวงหา ไม่กระเสือกกระสน
ทุรนทุรายไขว่คว้าจนเกินกำลัง
อะไรที่เรามีสิทธิ์ได้มาตามความสามารถ
ไม่ไปแย่ง ไปทำร้าย ทำลาย
หรือเบียดเบียนผู้อื่นมา ล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี
เป็นสิทธิ์พึงได้ โดยไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ
เพราะขั้นตอนการแสวงหา
มิได้สร้างทุกข์ให้ตนเองและผู้อื่น
เมื่อได้มาแล้ว ควรมีจิตพิจารณาว่า
สิ่งเหล่านี้ ไม่จีรังยั่งยืนแต่อย่างใด
แต่มิได้บอกให้ ปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลรักษา
เพราะเห็นว่า สักวันก็หายไปไม่ใช่ของเรา
ในทางตรงข้าม เรากลับต้องรักษาไว้
ให้สมกับตัวเราที่ได้สิทธิ์มา
มีรัก ก็ถนอมรัก
มีวาสนาบารมี เงินทอง
ก็ใช้มันเกื้อกูลผู้อื่น ใช้มันต่อยอดความดี
ให้สมกับที่เราเกิดมามีวาสนาทั้งที
เมื่อมีอำนาจวาสนาอยู่ควรสร้างสมบารมี
คุณงามความดีไว้ให้มากๆ
เวลาที่ผ่านไป ไม่มีวันหวนคืนกลับมา
เสื้อนอกที่โก้หรูที่กำลังใส่อยู่นี้
เบื้องบนให้ยืมใส่
อีกไม่นานก็ต้องถอดคืนกลับไป
อำนาจวาสนาที่ให้มานั้น
ไม่ได้ติดตัวไปตลอดชีวิต
ทุกอย่างมีเวลาจำกัด จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด
บั้นปลายชีวิตจะได้หันกลับมามองชีวิต
ที่ผ่านมาอย่างมีความสุข และภาคภูมิใจ
ในโอกาสดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
สุดท้าย เมื่อทุกสิ่งหายไป
เราจะไม่ทุกขเวทนา
เพราะเราครอบครองอย่างดีที่สุด
ทำประโยชน์สูงสุดแล้ว
การคลายมือที่ยึด "บ่วง" ไว้
จะไม่ทำให้เรา "บาดเจ็บ" แต่อย่างใดเลย
ธรรมมะ
โฆษณา