21 ม.ค. 2022 เวลา 11:18 • ธุรกิจ
หมดยุค VUCA ยุค BANI มาแล้ว?
ก่อนช่วงวิกฤตเล็กน้อย VUCA World หรือยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะ เป็นช่วงคาบเกี่ยวจากการเข้าสู่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด และส่งผลกระทบหลายด้าน
หนึ่งในนั้น คือ ภาคธุรกิจ ที่เกิดการล้มล้างรูปแบบธุรกิจเดิมๆ หรือ Disruption นั่นเอง
ทีนี้แหละครับ หลังเกิดวิฤตไม่นาน เหมือนว่า VUCA World ไม่สามารถอธิบายลักษณะของโลกใบใหม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าโลกเราก็ยัง ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และ คลุมเครือ เหมือนเดิม ทว่า ความเร็วและความไม่แน่นอน ของการเปลี่ยนแปลง มันกลับมากกว่าเดิมหลายเท่า
คำว่า BANI World จึงถูกคิดค้นโดย Jamais Cascio โดยต่อยอดจากแนวคิดทางสังคมวิทยา Liquid Modernity (ที่ว่าทุกอย่างเป็นของไหล ที่คลุมเคลือ ไม่แน่นอน) ของ Zygmunt Bauman
BANI World อธิบายลักษณะของโลกยุคนี้ว่า
Brittle เป็นโลกที่เปราะบาง
หมายถึง แทบทุกอย่าง มาเร็วไปเร็ว ความสำเร็จในโลกธุรกิจหลายตัวไม่อาจอยู่คงทนถาวร แถมยังแตกหักได้ง่าย อาจถูก disrupt ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี รูปแบบธุรกิจ ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น แม้ว่าตอนนี้ blockchain กำลังมาแรง แต่หากมีเทคฯ ที่ดีกว่าที่พร้อมใช้งานได้จริงทันที (หรือแม้แต่ ควอนตัมคอมพิวเตอร์) ระบบทั้งหมดก็อาจจะจบทันที หรือ ก่อนหน้านี้ธุรกิจเครื่องซักผ้าอัตโนมัติอาจจะกำลังมาแรง แต่เมื่อเกิดโรคระบาด ก็อาจเปลี่ยนพฤติกรรมคนให้กลัวที่จะใช้บริการนี้ ร่วมกันกับคนอื่นๆไปเลยก็เป็นได้
Anxiety-inducing หรือ Anxious เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความกังวล
เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ทุกทางเลือกอาจจะไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง สามารถล้มเหลวได้ อาจทำให้เกิดความลังเล ชะงักงัน ไม่กล้าตัดสินใจ หรือ ความสิ้นหวัง หรือ ภาวะ learn helplessness เพราะพลาดอยู่เรื่อยๆได้ง่าย
Nonlinear หรือ เป็นโลกที่ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆไม่เป็นเส้นตรง
เหตุและผล อาจไม่แปรผันตามกันชัดเจนเหมือนเดิม มีปัจจัยแทรกซ้อน ตัวแปร สถานการณ์อื่นๆ มาส่งผลกระทบแบบที่เราไม่รู้ หรือ ส่งผลล่าช้า ดีเลย์ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ หรือ ทำนายได้ ระบบตรรกะแบบเดิมๆ อาจถูกทำให้รวนได้
ตัวอย่างง่ายๆ ที่สุด คือ วิกฤตโรคระบาดนี้เลยครับ ที่เราพยายามคาดการณ์หลายที ว่าจะจบช่วงนั้นช่วงนี้ เพราะ ยึดหลักระบาดวิทยา และตามหลักเราควรสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในปีแรกเลย แต่ทว่า....ก็เป็นอย่างที่เราเห็นนั่นแหละครับ
Incomprehensible หรือ โลกที่เข้าใจได้ยาก
"มันเกิดได้ไง (วะ)?" นี่อาจเป็นคำอธิบายเชิงอารมณ์ได้ดีที่สุด คือ มันจะงงๆ หน่อยๆ ว่า เหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ ซึ่งบางครั้งแม้แต่การใช้ big data เข้ามาช่วยอาจทำให้งงกว่าเดิมก็มี เพราะเกิดภาวะ "ข้อมูลท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" (Information Overload)
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วมันต่างจากยุค VUCA ยังไง ทำไมถึงต้องขยันสร้างคำใหม่ๆ มาด้วย
เอาตรงๆ ในมุมมองของผม VUCA WORLD และ BANI WORLD มันก็คาบเกี่ยวกันนั้นแหละ บางอย่างของ VUCA ก็เป็นผลทำให้เกิด BANI ด้วย (ลองดูภาพประกอบ)
From VUCA world to BANI world
จึงขอสรุปง่ายๆ ว่า
BANI เป็นมากว่า "สถานการณ์" (ผันผวน,ไม่แน่นอน,ซับซ้อน,คุมเคลือ) แต่เป็นการมองไปถึงผลกระทบ"ด้านอารมณ์ของคน" ด้วย เช่น ความกังวล, ความหดหู่, ความสับสน ฯลฯ (เพราะทาง Jamais Cascio มาสายมานุษยวิทยา ซึ่งเน้นการศึกษาพฤติกรรมคนด้วย)
มันคือ การอธิบายเพื่อให้อะไรๆ มันชัดเจนขึ้น เพื่อใช้เป็น framework ใหม่ในการจัดการด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ หรือ การบริหารพัฒนาคน เช่น เมื่อรู้ว่า อะไรๆ เปราะบาง ด้านกลยุทธ์ ก็ต้องทำให้เกิดความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้เร็ว กระจายความเสี่ยงได้ ด้านคน ก็ควรจะสร้างให้เกิด mindset แบบล้มแล้วลุกให้ไว เพราะคุณมีโอกาสจะเจ๊งได้ทุกเมื่อ เป็นต้น
ตอนหน้ามาคุยกันว่า รู้ BANI WORLD แล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง ฝากติดตามด้วยนะครับ
เรียนรู้เรื่องการใช้ความคิดให้ถูกสถานการณ์ ดูหลักสูตรพัฒนาหัวหน้า ผู้นำ และ mindset เพื่อการทำงานที่ดีขึ้นทุกๆวัน
ติดตาม Coach For Goal ได้ ที่ช่องทางเหล่านี้
FB: coachforgoalgroup
#CoachForGoalArticle #CFG
สร้างทัศนคติการทำงานให้ดีขึ้นในทุกวันแบบง่ายๆ
โฆษณา