7 มี.ค. 2022 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
บทความ Blockdit ตอน
ทำไมยังไม่เห็นมนุษย์ต่างดาวติดต่อเรา?
1
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
ในฤดูร้อนปี 1950 นักวิทยาศาสตร์สี่คนที่ทำงานในโครงการแมนฮัตตัน ณ ลอส อลามอส รัฐนิว เม็กซิโก ไปกินข้าวเที่ยงกัน
1
คนทั้งสี่คือ เอนริโค เฟอร์มี นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 1938 อีมิล โคโนพินสกี นักวิทยาศาสตร์สายปรมาณู เอ็ดเวิร์ด เทลเลอร์ นักฟิสิกส์ทฤษฎี และ เฮอร์เบิร์ต ยอร์ก นักฟิสิกส์สายปรมาณู ทั้งสี่กินอาหารเที่ยงและคุยกัน พวกเขาจึงสนทนาเรื่องข่าวที่กำลังดังคือยูเอฟโอมาเยือนโลก
3
บทสนทนาลากไปถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาว ในท่อนหนึ่งเฟอร์มีถามเทลเลอร์ "เอ็ดเวิร์ด คุณคิดว่ายังไง? มีความน่าจะเป็นแค่ไหนที่ภายในสิบปีข้างหน้าเราจะพบหลักฐานวัตถุเดินทางเร็วกว่าแสง?"
2
เทลเลอร์ตอบว่า "10 (-6)" (10 ยกกำลังลบ 6 = หนึ่งในล้าน)
"ต่ำไปมากนะ ความน่าจะเป็นน่าจะประมาณสิบเปอร์เซ็นต์มากกว่า"
แล้วเฟอร์มีก็โพล่งขึ้นมาว่า "พวกคุณไม่สงสัยเลยหรือว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหนตอนนี้?"
1
"พวกนั้น" หมายถึงสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาว หรือที่เรามักเรียกเหมารวมว่า มนุษย์ต่างดาว
"อยู่ที่ไหนตอนนี้?" มีความหมายว่า "แน่ใจหรือว่ามีสิ่งทรงภูมปัญญาข้างนอกโน้น?"
3
นี่คือตำนานที่เล่าขานกันในโลกวิทยาศาสตร์ ข้าพเจ้าอยากอยู่ร่วมในวงสนทนานั้นจริงๆ ฟังคนฉลาดคุยกันอาจทำให้ข้าพเจ้าฉลาดขึ้น แต่ข้าพเจ้าเกิดไม่ทันเหตุการณ์นั้น ทางเดียวที่ทำได้คือโดยสารยานเวลากลับไปในวันนั้น ทว่าจนถึงวันนี้เรามีแค่รถยนต์ไฟฟ้า ก็เหลือทางสุดท้ายคือพึ่งคนทรงเจ้า
12
ข้าพเจ้าบอกคนทรงเจ้า "ช่วยติดต่อศาสตราจารย์เอนริโค เฟอร์มี ให้ผมหน่อย"
1
"ติดต่อผีฝรั่งต้องคิดอัตราดอลลาร์นะ"
2
"เท่าไหร่เท่ากัน"
ไม่นานข้าพเจ้าก็สื่อสารกับ เอนริโค เฟอร์มี ผ่านคนทรง
1
ข้าพเจ้าถามร่างทรงศาสตราจารย์ "วันนั้นพวกท่านคุยอะไรกัน?"
"เรื่องมันยาว"
"งั้นท่านศาสตราจารย์ช่วยสรุปแบบสั้นๆ สำหรับคนรุ่นอ่านแปดบรรทัดหน่อย เอาแบบภาษาชาวบ้านนะ"
5
"ได้ เรื่องที่ผมคุยกับเพื่อนในวันนั้นต่อมาเรียกว่า The Fermi Paradox ความจริงผมไม่ใช่คนแรกที่ตั้งคำถามหรือสงสัยเรื่องนี้ แต่ชื่อของผมบังเอิญติดตลาด สรุปสาระของ The Fermi Paradox คือ ในเมื่อมีดวงดาวมากมายที่อายุมากกว่าดวงอาทิตย์ของเรา ในช่วงอายุของจักรวาลที่ยาวขนาดนี้ จักรวาลมีดวงดาวมากมายขนาดนี้ ก็น่าจะมีชาวต่างดาวมาเยือนโลกเรานานมาแล้ว และหลายครั้งด้วย แต่ข้อเท็จจริงคือยังไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างดาวปรากฏตัวให้เราเห็น"
3
"ท่านศาสตราจารย์ไม่เชื่อว่าจักรวาลมีมนุษย์ต่างดาว?"
2
"ผมว่าที่หลักฐานหรือความน่าจะเป็น วันนั้นหลังจากคุยกับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ ผมก็กลับไปคำนวณความน่าจะเป็นที่จะมีดาวเคราะห์คล้ายโลก ความน่าจะเป็นที่เกิดชีวิตบนโลกนั้นๆ ความน่าจะเป็นที่เกิดชีวิตแบบมนุษย์ ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเทคโนโลยีชั้นสูง และสรุปจากตัวเลขว่า ข้อหนึ่ง มีดวงดาวจำนวนมหาศาลในดาราจักรที่คล้ายดวงอาทิตย์ของเรา ข้อสอง ส่วนหนึ่งของดวงดาวเหล่านั้นมีดาวเคราะห์คล้ายโลกโคจรรอบ ข้อสาม ดวงดาวจำนวนมหาศาลเกิดก่อนดวงอาทิตย์ของเรานานมาก ถ้าโลกเราเกิดสิ่งทรงภูมิปัญญาได้ โลกอื่นก็น่าจะเกิดสิ่งทรงภูมิปัญญาได้ และในบางโลกอาจพัฒนาเป็นอารยธรรมที่สามารถเดินทางข้ามดาราจักร แต่ทำไมเราไม่พบเห็นชาวต่างดาวหรือยานอวกาศต่างดาวมาป้วนเปี้ยนแถวนี้เลย..."
4
"ท่านคิดว่าเพราะอะไรครับ?"
"ก็มีเหตุผลสองข้อ ข้อ ก. กับข้อ ข."
"ขยายความพลีส!"
"ข้อ ก. มีชาวต่างดาวจริง แต่พวกนั้นมาหาเราไม่ได้ หรือยังมาไม่ถึง ข้อ ข. ไม่มีชาวต่างดาวเลย จักรวาลนี้มีแต่เราชาวมนุษย์"
2
"ว่าข้อ ก. เลยครับท่าน"
1
"ก็ต้องแยกออกเป็นข้อย่อย ข้อ ก. 1 มีชาวต่างดาวจริง แต่สูญพันธุ์หมดแล้ว"
"สูญพันธุ์หมดเลยหรือ?"
"การสูญพันธุ์เป็นธรรมชาติหนึ่งของชีวิต เกิดขึ้นง่ายกว่าที่คิด เช่นที่กว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตบนโลกสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ต่างดาวก็อาจเช่นกัน 99 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตในดาราจักรก็อาจสูญพันธุ์ไปได้เช่นกัน อาจเป็นธรรมชาติ อุกกาบาตถล่มดาวเคราะห์นั้น ภูเขาไฟ สภาพอากาศ มันอาจจะเป็นเรื่องปกติทุกแห่งในจักรวาล อีกอย่างมันอาจเกิดจากสิ่งทรงภูมิปัญญาทำลายตัวเอง อาจพัฒนาอาวุธ หรือฆ่ากันเอง"
9
"แต่ประเด็นคือมีดาวเคราะห์มากมายในดาราจักร ไม่น่าจะสูญพันธุ์ไปหมดไม่ใช่หรือครับ?"
1
"มนุษย์ต่างดาวไม่ตายยากเหมือนนักการเมืองบ้านคุณนี่นา"
15
"งั้นว่าข้อ ก. 2 เลยครับท่าน"
"ข้อ ก. 2 คือมีสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาว แต่ยังไม่ฉลาดพอสื่อสารกับดาวดวงอื่นๆ ยังวิวัฒนาการไม่ถึงขั้นเดินทางในอวกาศหรือใช้คลื่นวิทยุสื่อสาร"
3
"ผมขออนุญาตแย้งด้วยเหตุผลเดิม มีดาวเคราะห์เยอะมาก น่าจะมีสักจำนวนหนึ่งที่วิวัฒนาการถึงขั้นสูง"
2
"ผมขออนุญาตตอบด้วยเหตุผลเดิม มนุษย์ต่างดาวไม่ฉลาดแกมโกงเหมือนนักการเมืองบ้านคุณนี่"
5
"งั้นว่าข้อ ก. 3 เลยครับท่าน"
1
"ข้อ ก. 3 ชาวต่างดาวอาจไม่สนใจมาหาเรา บางทีในจักรวาลอาจมีกฎห้ามสิ่งมีชีวิตต่างดาวติดต่อกัน"
2
"ทำไม?"
1
"เพราะตัวอย่างในประวัติศาสตร์โลกเราบอกว่า อารยธรรมที่ก้าวหน้ากว่าจะทำลายอารยธรรมที่ด้อยกว่าเสมอ และล่าอาณานิคม ในดาราจักรก็อาจเป็นเช่นนี้ จึงอาจต้องมีกฎห้ามการล่าอาณานิคมระหว่างดาว"
8
"ทำไมจึงมีการล่าอาณานิคม?"
"อ้าว! ก็เพื่อหาทรัพยากรธรรมชาติที่ขาดไง นี่คือการมองในมุมมองของเศรษฐศาสตร์ แต่เช่นที่บันทึกในประวัติศาสตร์โลกเรา อารยธรรมที่เหนือกว่าจะกลืนกินอารยธรรมที่ต่ำกว่า และอาจเกิดสงครามระหว่างดาวเหมือนหนังเรื่อง Star Wars ดังนั้นอาจมีกฎห้ามติดต่อกัน"
8
"ครับ"
"ข้อ ก. 4 มีสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวจริง แต่เรามองไม่เห็น เพราะรูปแบบชีวิตอาจต่างกันจนติดต่อกันไม่ได้ เช่นที่เราคุยกับแบคทีเรียไม่รู้เรื่อง บางทีสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวอาจไม่มีรูปแบบชีวิตแบบที่ทำให้เราติดต่อได้ หรือที่ซับซ้อนกว่านั้นอีก เช่น พวกนั้นอาจอยู่คนละมิติ หรืออาจใช้กฎฟิสิกส์ต่างจากเรา"
8
"ฟังดูเหมือนไซไฟ"
1
"ข้อ ก. 5 สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวอาจมาถึงโลกเราแล้ว แต่เรามองไม่เห็น เพราะพวกนั้นเดินทางด้วยจิต แล้วก่อรูปตัวตนขึ้นมาใหม่เมื่อถึงจุดหมาย"
4
"โอ้โฮ! นี่ก็ไซไฟ"
"ก็มาถึงข้อ ก. 6 ดวงเคราะห์สองฝ่ายอาจอยู่ห่างไกลกันมากๆ การสื่อสารแบบสองทางอาจกินเวลานานกว่าอายุของทั้งอารยธรรม ถ้าสองอารยธรรมอยู่ห่างกันห้าพันปีแสง ต่อให้แค่สื่อสารด้วยคลื่นวิทยุที่มีความเร็วแสง ก็ต้องใช้เวลาหมื่นปีกว่าจะสื่อสารไปกลับสำเร็จ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจสูญพันธุ์ไปก่อน ระยะทางระหว่างดาวไกลจากกันมาก ไม่ว่าจะสื่อสารด้วยคลื่นหรือเดินทางมาเอง ล้วนต้องใช้เวลา อาจยาวนานเป็นล้านๆ ปี"
5
"จริงครับ"
"ความเป็นไปได้ทั้งหมดที่ผมว่ามานี้อยู่ในข้อ ก. ถ้ามันเป็นไปได้ ก็น่าจะมีชาวต่างดาวมาหาเรานานแล้ว แต่นี่ไม่มี ก็ทำให้ผมต้องอธิบายด้วยข้อ ข. นั่นคือจักรวาลไม่มีชาวต่างดาวอื่นๆ ชีวิตเกิดขึ้นยากกว่าที่คิด"
3
ข้าพเจ้าว่า "แต่ Drake's Equation บอกว่า..."
"คุณหมายถึงสมการของ แฟรงก์ เดรก นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชาวอเมริกันคนนั้น?"
3
"ใช่ครับ เดรกยังเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรเซติ (SETI - Search for Extraterrestrial Intelligence)"
2
"องค์กรที่ เอลลี แอลโรเวย์ นางเอกในเรื่อง Contact ทำงานอยู่ใช่มั้ย?"
3
"ใช่ครับ เดรกเคยคำนวณคร่าวๆ ว่าจักรวาลน่าจะมีสิ่งทรงภูมิปัญญาอื่นๆ มากน้อยเท่าไร โดยคำนวณจากปัจจัยต่างๆ คำนวณแบบหยาบๆ ก็น่าจะมีสิ่งทรงภูมิปัญญานับล้านๆ โลก ซึ่งชี้ว่าความน่าจะเป็นที่จะมีชาวต่างดาวสูงมาก"
4
ร่างทรงถามข้าพเจ้า "งั้นผมขอถามคุณ SETI ค้นหามาตั้งแต่เมื่อไร?"
"ตั้งแต่ทศวรรษ 1960"
1
"แล้วจนถึงวันนี้ เจอทัวริสต์อวกาศบ้างหรือยัง?"
"ยังบ่เจอครับ"
10
"จนป่านนี้ SETI ยังไม่พบหลักฐานสักชิ้นเดียวที่ชี้ว่ามีพวกนั้นอยู่ เราก็ต้องไม่ทิ้งความน่าจะเป็นว่า ไม่มีชีวิตต่างดาว"
Absence of evidence is not evidence of absence (ไม่มีหลักฐานมิใช่หลักฐานว่าไม่มี) การที่เรายังไม่พบหลักฐานชีวิตต่างดาวมิได้บอกว่ามันไม่มีŽ
7
"แต่ชีวิตต่างดาวเกิดขึ้นยากกว่าที่คิด ถ้าชีวิตต่างดาวเกิดขึ้นได้ง่ายๆ อย่างที่เดรกเสนอ เขาคงไม่ได้คิดเรื่อง Goldilocks Zone* มั้ง"
1
(* ชื่อ Goldilocks มาจากนิทานเด็กเรื่อง The Story of the Three Bears (1837) โดยนักเขียนชาวอังกฤษ รอเบิร์ต เซาธี หญิงชราคนหนึ่งเข้าไปในบ้านของหมีสามตัว มีข้าวต้มสามชาม ชามแรกร้อน นางจึงไม่กิน ชามที่สองเย็นชืด นางก็ไม่กิน ชามที่สามกำลังอุ่นดี นางก็กินจนหมดชาม นิทานเวอร์ชั่นหลัง เปลี่ยนหญิงชราเป็นเด็กผู้หญิงนาม โกลดิล็อคส์)
1
"อาจารย์กำลังพูดถึง Rare Earth Hypothesis"
4
"ใช่ ชีวิตเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ที่เหมาะสมเท่านั้น เรียกว่า Goldilocks Zone หากดาวเคราะห์อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากไปจะร้อนเกินไป หากอยู่ไกลไปจะเป็นโลกน้ำแข็ง ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมจากศูนย์กลางดาราจักร ไม่ใกล้ไปไกลไป จนระบบดาวจะได้รับธาตุหนักพอเหมาะ และรังสีไม่ทำอันตรายต่อระบบชีวิตแบบฐานคาร์บอน อีกทั้งโลกเราโชคดีอยู่ในจุดที่พอดี ไม่ร้อนไป ไม่เย็นไป มีแรงโน้มถ่วง ชั้นบรรยากาศพอดี ทุกอย่างลงตัว"
5
ข้าพเจ้าส่ายศีรษะ
"คุณไม่เห็นด้วย?"
1
"ไม่ครับ"
1
"ทำไม?"
1
ข้าพเจ้าเอ่ยกับร่างทรง "เพราะนี่เป็นการมองในมุมของเรา เห็นว่ามนุษย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล การคิดแบบนี้เป็น preconceived idea ว่าชีวิตต้องเป็นคาร์บอนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง หลังจากที่ท่านเฟอร์มีเด๊ดไปนาน เราพบสิ่งที่เข้าข่าย 'ชีวิต' แทบทุกจุดบนโลก ไม่ว่าจะกันดารและไม่น่าอาศัยอยู่ได้เพียงใด เราพบสิ่งมีชีวิตในน้ำพุร้อนที่มีสภาวะเป็นกรด เราพบสิ่งมีชีวิตในช่องหลืบใต้ทะเลลึก น้ำละลายสารเคมีที่ร้อนกว่า 100 องศาเซลเซียส และแรงกดดันในความลึก 11 กิโลเมตรใต้ทะเล เราพบสิ่งมีชีวิตในซัลเฟอร์ที่ร้อนจัดกว่าน้ำเดือด ในสารเคมี ในพื้นที่ปรมาณู แม้กระทั่งในอุกกาบาต...
8
ที่ไม่น่าเชื่อก็คือเราพบสิ่งมีชีวิตในเตาปฏิกรณ์ปรมาณู สิ่งมีชีวิตพวกนี้สามารถซ่อมดีเอนเอที่เสียหายจากรังสีได้ เรายังพบสิ่งมีชีวิตในสถานที่ที่ไม่มีออกซิเจน! ดังนั้นการมองว่าชีวิตอยู่ได้เฉพาะในพื้นที่ โกลดิล็อคส์ โซน จะว่าไปแล้วก็คือการมองแบบเรา ด้วยมุมมองของเรา ไม่ใช่มุมมองของชีวิต...
15
"แปลกก็คือนักวิทยาศาสตร์แทบทั้งหมดเชื่อว่าชีวิตเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ต้องมีน้ำ อาจจะจริง แต่อาจจะไม่จำเป็น เราอาจสรุปเร็วเกินไป เพราะเมื่อดูเส้นทางวิวัฒนาการของชีวิตบนโลกเรา ก็คงต้องเปิดใจเปิดสมองว่า บางทีชีวิตสามารถวิวัฒนาการได้หลากหลายกว่าที่เราคิด เราอาจต้องให้คำจำกัดความของ 'ชีวิต' ใหม่ เพราะผมเห็นว่าแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังอยู่ในกรอบคิดว่าชีวิตต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น เรายึดมั่นถือมั่นกับโครงสร้างชีวิตแบบที่เรารู้จักเท่านั้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งมีชีวิตในโลกอื่นจำเป็นต้องเหมือนหรือคล้ายเรา แต่เฉพาะในโลกของเราเอง ก็ยังมีความแตกต่างทางชีวภาพ จักรวาลข้างนอกโน้นอาจมีทางเลือกของการกำเนิดชีวิตอีกหลายทาง"
19
ร่างทรงว่า "แต่การกำเนิดชีวิตอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะชีวิตต้องมีธาตุที่จำเป็นต่อการเกิดชีวิต เช่น ธาตุไฮโดรเจน คาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน เหล็ก ฟอสเฟอรัส ซัลเฟอร์ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม"
1
"ผมกลับเห็นตรงกันข้าม ถ้าเราดูตารางธาตุของจักรวาล ชีวิตน่าจะเกิดง่ายกว่าที่คิด"
"คุณพูดเหมือน นีล ดีกราส ไทสัน"
"ใช่ นักฟิสิกส์จักรวาล นีล ดีกราส ไทสัน ชี้ว่าชีวิตน่าจะเกิดง่ายกว่าที่คิด และเป็นภาคบังคับด้วย เพราะเมื่อเราดูองค์ประกอบชีวิตเช่นมนุษย์ ธาตุที่ประกอบเป็นตัวเราที่มากที่สุดคือธาตุไฮโดรเจน อันดับ 2 คือออกซิเจน อันดับ 3 คือคาร์บอน อันดับ 4 คือไนโตรเจน ทีนี้เมื่อเราดูว่าจักรวาลมีธาตุอะไรมากที่สุด ก็พบว่าอันดับ 1 คือไฮโดรเจน อันดับ 2 คือฮีเลียม อันดับ 3 คือออกซิเจน อันดับ 4 คือคาร์บอน แต่เนื่องจากฮีเลียมมีคุณสมบัติ 'inert' คือไม่มีปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้ไม่สามารถประกอบเป็นโมเลกุลชีวิตได้ ดังนั้นตารางธาตุที่มีมากที่สุดในจักรวาลกับธาตุที่ก่อเกิดชีวิตก็ตรงกัน ชีวิตมนุษย์เกิดมาจากธาตุที่มีมากที่สุดในจักรวาล...
9
"และการที่ชีวิตมีคาร์บอนเป็นหลักก็ไม่แปลก เพราะคาร์บอนเป็นธาตุที่อะตอมของมันเชื่อมกันได้ง่ายและหลากหลายรูปที่สุด ทำให้เกิดโมเลกุลต่างๆ เช่น กรดอะมิโน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตบนโลกเรา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกจึงเป็นแบบ carbon-based มองในมุมนี้ก็จะเห็นว่าชีวิตเกิดได้ง่ายกว่าที่คิด หรืออาจจะเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่นอน...
3
"อย่างไรก็ตาม โดยหลักการของเคมี ธาตุอื่นๆ ก็สามารถก่อรูปเป็นชีวิตได้ เช่น ซิลิคอน เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม ซัลเฟอร์ เป็นต้น จักรวาลข้างนอกโน้นมีธาตุต่างๆ มากมาย ลอยล่องทุกแห่งหน อาจมิใช่เรื่องประหลาดหากธาตุเหล่านั้นประกอบกันเป็นชีวิต อีกประการ หากสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวพัฒนาวิทยาการถึงขั้นสูง เป็นไปได้ที่พวกเขาอาจสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องอิงไฮโดรเจน อออกซิเจน และคาร์บอนเป็นหลัก"
6
ศาสตราจารย์ว่า "คุณรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว มาถามผมทำไม?"
"เพราะผมแค่หาเรื่องมาเจอคุณ"
3
"ทำไม?"
"เพราะคุณไม่ใช่ศาสตราจารย์เฟอร์มี คุณรู้จัก แฟรงก์ เดรก นีล ดีกราส ไทสัน ซึ่งยังไม่เกิดในสมัยคุณ รวมทั้งนางเอก เอลลี แอลโรเวย์ และยังรู้จักหนังเรื่อง Star Wars คุณยังพูดไทยคล่องปรื๋อ ขณะที่ศาสตราจารย์เฟอร์มีพูดไทยไม่ได้"
4
"ถ้าผมไม่ใช่วิญญาณศาสตราจารย์เฟอร์มี ผมเป็นใคร?"
1
"คุณก็คือคนทรงเจ้าที่หาเรื่องดูดเงินจากลูกค้า"
"แต่คนทรงเจ้าที่ไหนจะรู้เรื่องจักรวาลวิทยาเล่า"
3
"เพราะคุณเป็นอาจารย์สอนวิชาจักรวาลวิทยา เมียคุณขอให้ผมมาตามคุณกลับไป"
คนทรงเจ้าถอนหายใจ
"ถ้าเมียมาตาม ก็ต้องกลับ"
3
"ทำไมปลอมตัวเป็นคนทรงเจ้า?"
2
"ไม่ได้ปลอม ผมเป็นจริงๆ การทรงเจ้าเป็นอาชีพไซด์ไลน์ เพราะเป็นนักจักรวาลวิทยาอย่างเดียวไม่พอแดก เปิดคอร์สสอนก็ไม่มีใครอยากเรียน ผมจึงต้องมาหาลำไพ่เป็นร่างทรง"
8
"กลับบ้านเถอะครับ เมียคุณบอกว่ามีงานอื่นที่ดีกว่านี้"
"งานอะไร?"
1
"ก็ช่วยเธอทำขนมครกขายไง รายได้ดีกว่าเป็นร่างทรง ตอนนี้โควิด-19 ระบาด ออร์เดอร์เพียบ ทำไม่ทัน"
10
โฆษณา