21 ม.ค. 2022 เวลา 16:36 • กีฬา
การคืนชีพกลับมาอีกครั้งของผู้ชายที่หัวใจแกร่งกล้าดั่งเพชร "คริสเตียนอีริคเซ่น"
หากมีการจัดอันดับจอมทัพ หรือที่เรียกว่า เพลย์เมกเกอร์ อันดับต้นๆของโลก เชื่อเหลือเกินว่าต้องมีชื่อของ คริสเตียน อีริคเซ่น ติดอยู่ในทำเนียบอย่างแน่นอน
อีริคเซ่น เริ่มเส้นทางสายลูกหนังตั้งแต่ยังเด็ก จากการสนับสนุนของผู้เป็นพ่อ ที่ผลักดันเขาในทุกด้าน พาไปทดสอบฝีเท้ากับทีมต่างๆ แต่ก็ผิดหวังหลายหนกับทีมใหญ่ โดยเหตุผลหลักๆ ที่ถูกปฏิเสธ คือ เขาตัวเล็กเกินไป
สุดท้ายแล้วทีมที่ได้ตัวเขาไป คือ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม
มาร์ตินโยล ผู้จัดการทีมในเวลานั้น ให้โอกาสอีริคเซ่นลงสนามในฐานะตัวสำรอง โดยลงมาเล่นแทน หลุยส์ ซัวเรส และหลังจากนั้น โลกก็ได้รู้จักกับเพลย์เมคเกอร์คนใหม่แห่งวงการฟุตบอล เดนมาร์ก เขาสวมเสื้อ หมายเลข 8 แต่ตำแหน่งที่เล่นจริงๆ คือ เพลย์เมคเกอร์ หมายเลข 10
ในตอนเป็นวัยรุ่น อีริคเซ่น เคยเล่าว่า เวลาเล่นเกม CM (เกมสายคุมทีม) เขามักจะซื้อตัวเองไปเล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ แล้วก็ให้ใส่หมายเลข 10 (แอบเล่านอกเรื่อง)
เออร์บี้ เอ็มมานูเอลสัน เพื่อนร่วมทีมรุ่นพี่กล่าวถึงเขาว่า
ผมอยู่กับทีมมานาน เคยเล่นร่วมกับนักเตะอย่างราฟาเอล ฟานเดอฟาร์ท และเวสลี่ย์ ชไนเดอร์ แต่มันก็นานมากแล้วที่ไม่เห็นนักเตะในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์คนไหน ทำได้ดีเท่ากับพวกเขา จนกระทั่งมาเจออีริคเซ่น เขาเข้ามาเล่นได้แนบเนียนไร้รอยต่อ และผมพูดได้เต็มปากเลยว่า เราเจอตัวแทนแล้ว
เออร์บี้ เอ็มมานูเอลสัน
หลังจากที่อาแจกซ์ ไม่ได้แชมป์ลีกมานานถึง 7 ฤดูกาล กลายเป็นว่าสามปีที่ทีมมีอีริคเซ่นเป็นจอมทัพ พวกเขาคว้าแชมป์ลีกสามสมัยติดต่อกัน
ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2013 ที่อังกฤษ อีริคเซ่น ได้พัฒนาฝีเท้าไปเป็นนักเตะระดับโลก และไปได้ไกลถึง รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้ว จะพ่ายให้กับลิเวอร์พูล แต่ 7 ปีเต็มที่พิสูจน์ฝีเท้าบนเกาะอังกฤษ
👍 👍 เขา คือ จอมทัพที่ดีที่สุดคนนึงในโลก 👍 👍
ต่อมาอินเตอร์ มิลาน ดึงตัวเค้าไปโลดแล่นบนแผ่นดินลูกหนังอิตาลี ที่นี่เองที่เขาเกือบจะกลายเป็นนักเตะที่ถูกกล่าวหาว่าหมดยุคและเป็นขาลงของอาชีพการค้าแข้ง เพราะในช่วง 20 เกมแรกของฤดูกาล เขาได้ลงเล่นเพียง 10 เกม โดยหลายนัดลงเล่นในฐานะตัวสำรองเท่านั้น เนื่องจาก กุนซือ อินเตอร์ มิลาน อย่างอันโตนิโอ คอนเต้ เล่นด้วยระบบที่ไม่มีเพลย์เมคเกอร์
จุดเปลี่ยนสำคัญนัดนึงของฤดูกาล คือนัดที่ อินเตอร์ มิลาน เอาชนะ เอซี มิลาน ไป 2-1 อีริคเซ่น ยิงฟรีคิก ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ให้ทีมเอาชนะไปได้ แต่บทสัมภาษณ์ของคอนเต้ กล่าวผ่านสื่อว่า
สิ่งที่เขาทำให้เรามันก็ดีนะ แต่นี่ไม่ใช่กีฬารักบี้ เพราะในกีฬารักบี้จะมีตำแหน่งตัวเตะ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาเพื่อเล่นลูกนิ่งโดยเฉพาะ แต่ว่านี่คือ ฟุตบอล
อันโตนิโอ คอนเต้
แทนที่จะได้คำชม กลับโดนค่อนขอดว่า อีรีคเซ่น น่าจะมีประโยชน์มากกว่านี้
เขาก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อม ปรับตำแหน่ง และจังหวะการเล่นของตัวเองให้เข้ากับทีม และเมื่อเขาปรับตัวได้ว่าต้องเล่นในแบบไหนที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับทีม หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะที่ทีมจะขาดไม่ได้ และเป็นส่วนสำคัญของทีมอย่างมากที่สุด ที่พางูใหญ่ คว้าแชมป์เซเรียอา ในรอบ 10 ปี
และ อีริคเซ่น ก็ได้เขียนประวัติศาสตร์อีกหน้าบนบันทึกลูกหนัง เมื่อครั้งศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่แค่ความสามารถในเชิงลูกหนังของเขา แต่กลับกลายเป็นวินาทีชีวิต การเจรจาระหว่างตัวเขากับพญามัจจุราช
▶ ฟุตบอลยูโร2020 เดนมาร์กพบกับฟินแลนด์ ◀
ในนาทีที่ 41 🕑 คริสเตียน อีริคเซ่น ขณะที่เขากำลังวิ่งไปรับลูกทุ่ม ทันใดนั้น เขาล้มลงโดยที่ไม่มีใครโดนตัวเขาแม้แต่คนเดียว
🤚🤚🤚 ผู้ตัดสินเป่าหยุดเกมทันที!!
ซิมง เคียร์ กัปตันทีมชาติเดนมาร์ก คือ คนแรกๆ ที่วิ่งเข้ามาถึงตัวของอีริคเซ่นที่ล้มลง จัดท่าทางเอามือล้วงปากเพื่อนที่ไร้สติ ป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นตัวเอง พร้อมทั้งสั่งเพื่อนร่วมทีมตั้งกำแพงมนุษย์ล้อมรอบอีริคเซ่น
แฟนบอลทีมชาติฟินแลนด์ที่อยู่ตรงบริเวณดังกล่าวก็โยนธงฝืนใหญ่ลงมาที่กลุ่มที่นักเตะทีมชาติเดนมาร์กยืนอยู่ เอาธงมาเป็นฉากกั้น บดบังการมองเห็นจากทุกสายตา เพื่อให้ทีมแพทย์ทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่ทีมแพทย์เข้ามารักษาดูอาการของอีริคเซ่นแล้ว เคียร์ได้เดินเข้าไปปลอบใจ แฟนสาวของอีริคเซ่นที่ร้องไห้ปานจะขาดใจ กัปตันเดนมาร์กกลายเป็นตำนานความแข็งแกร่งไปในชั่วข้ามคืน คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษก็ชัดเจนขึ้นมากในคราวนี้
อีกคนที่ควรได้รับเครดิต คือ ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการเรียกทีมแพทย์ให้เข้ามาในสนามเพื่อทำการปฐมพยาบาล
สถานการณ์เวลานั้น เต็มไปโดยภาพใบหน้าของผู้คนในสนามบนอัฒจรรย์ ซึ่งมันช่างเต็มไปด้วยความวิตกกังวลกับเหตุการณ์นี้ อีกหนึ่งภาพที่ผู้คนไม่อาจลืมเลือน คือ การส่งเสียงเชียร์ของแฟนบอล ฟากแฟนบอลทีมชาติฟินแลนด์ ตะโกนว่า คริสเตียน ฟากแฟนบอลของทีมชาติเดนมาร์ก ก็ตะโกนว่า อีริคเซ่น
นักเตะทั้งสองทีม โดยเฉพาะทีมชาติเดนมาร์ก ทุกคนไม่มีกำลังใจจะลงไปแข่งขันอีกแล้ว แต่ทว่ายูฟ่าก็ไม่ได้สั่งให้ยุติการแข่งขันแต่อย่างใด และอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองทีมจึงต้องลงแข่งต่อให้จบ
แหล่งข่าวเปิดเผยว่าเมื่ออีริคเซ่นได้สติกลับมา เขาจึงรีบโทรไปหาเพื่อนร่วมทีมให้กลับไปลงแข่งขันต่อให้จบ เมื่อถึงเวลาแข่งขันกันต่อ ทีมชาติฟินแลนด์ยืนปรบมือให้กำลังใจนักเตะทีมชาติเดนมาร์ก
1
🕑 นาทีที่ 59 - กลายเป็น ฟินแลนด์ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เยเร ยูโรเนน เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากรอบเขตโทษ โจเอล โปห์ยานพาโล โฉบมาโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูประวัติศาสตร์ของตัวเค้าเอง และทีมชาติฟินแลนด์ ไม่มีการดีใจใดๆ เพื่อเป็นการเคารพต่ออาการของอีริคเซ่น
🕑 นาทีที่ 74 - เดนมาร์ก ได้จุดโทษ แต่ ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก ยิงไปติดเซฟของ ลูคัส ราเด็คกี้ ไม่มีใครโทษฮอยจ์เบิร์ก ทุกคนรู้ดีว่าตอนนี้จิตใจนักเตะเดนมาร์ก แทบไม่เหลือสมาธิต่อการแข่งขันอีกแล้ว
🕑 จบเกม - แต่หลายสิ่งหลายอย่างต้องถูกพูดถึงกันต่อไปอีกนานแสนนาน
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น วันที่อีริคเซ่นล้มลงในสนาม ไม่ได้มีแค่เพื่อนร่วมทีมที่คอยประคองเขา แต่ยังมีเสียงจากรอบทิศทางที่ส่งมาเป็นกำลังใจให้
❤ โลเมลู ลูกากู - เพื่อนร่วมทีมที่ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งยิงประตูได้ในคืนนั้น ก็รีบวิ่งมาพูดใส่กล้องว่า “คริส คริส ฉันรักนาย”
❤ อัชราฟ ฮาคิมี่ - เพื่อนร่วมทีมอินเตอร์ อีกคนในเวลานั้นที่ยิงประตูได้เช่นกัน ก็ชูมือเป็นเลข 24 ซึ่งก็คือเบอร์เสื้อของ อีริคเซ่น ที่ อินเตอร์​ มิลาน
❤ แฮร์รี่ เคน - อดีตเพื่อนร่วมทีมสมัยค้าแข้งกับสเปอร์ส ยกเลิกการแถลงข่าวก่อนเกมที่อังกฤษกำลังจะลงแข่งขันในทัวร์มาเมนต์เดียวกันนั้น
❤ ทีมชาติเยอรมันถ่ายรูปรวมทั้งทีม โดยมีรูปอีริคเซ่นเป็นฉากหลัง
เรียกได้ว่าทั้งวงการฟุตบอลในตอนนั้นมีแต่ข้อความที่ให้กำลังใจเขาจากทุกสารทิศ
วันนี้เราได้แต่หวังว่า เค้าจะมีเส้นทางในอนาคตที่ดี
ย้อนไปถึงคำที่เขาเคยบอกว่า ชอบเล่นเกม CM
บางที เราก็อยากให้บางเรื่องราวเป็นแค่เรื่องในเกม หากจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของใคคนนึง เราก็แค่กดปิดแล้วรีสตาร์ทใหม่ แต่ชีวิตของคนจริงๆ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าวันข้างหน้าของอีริคเซ่นจะเป็นเช่นไร
เราขอเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มที่
นักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้มาตลอด
ขอให้โชคดี ❝คริสเตียน อีริคเซ่น❞
โฆษณา