23 ม.ค. 2022 เวลา 02:27 • การเมือง
ความขัดเเย้งในที่ทำงานคืองานที่ท้าทายที่สุด
ใช่ค่ะ ฉันกำลังพูดถึงความขัดเเย้ง ความเเตกต่างทางด้านความคิด เเละสิ่งเหล่านี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันเเละองค์กร เพื่อนร่วมงานเเละหลายคนที่ฉันไม่ได้กล่าวถึง
ฉันใช้เวลาจัดการกับเรื่องพวกนี้อยุเป็นปีๆ กว่าจะเข้ามาสู่จุดที่ตัวเองคิดว่าสมดุล เมื่อ สองปีที่เเล้ว หรืออาจจะนานกว่านั้นนิดหน่อย ฉันถูกเรียกตัวเข้าห้องเย็น ห้องปรับทัศนคติละกัน ห้องที่เต็มไปด้วยคนที่พร้อมจะตัดสินเราโดยไม่ต้องการที่จะฟังความคิดเห็นเราเเม้เเต่น้อย พวกเขาไม่พร้อมจะฟังอะไรเลย เก้าอี้ผลักให้ฉันนั่งลง ฉันถูกกล่าวหาในความผิดที่ฉันไม่ได้กระทำ คนหมู่มาก ในนั้นมีคนมากกว่า 2 คน เเละฉันก้ขอไม่เอ่ยว่ามีใคร คนไหนบ้าง เพราะว่าฉันก้ยังทำงานที่เดิมอยู่ ทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ส่งผลทางความคิดให้คนเหล่านั้นมาตัดสินฉัน โดยปราศจากการรับฟังคำอธิบาย พูดไป ก้ถูกกล่าวว่า แก้ตัว นั่นสินะ เเล้สจะให้ฉันพูดอะไรละเมื่อคุณตัดสินฉันไปเเล้ว จุดจบของข้อสรุปนี้คือ อะไรนะเหรอ การบังคับให้เซนต์ยินยอมข้อกล่าวหา เพื่อจบเรื่องนี้ เเต่ฉันก้ยังยืนหยัดในสิ่งที่ฉันคิด โดยการไม่เซนต์ใดๆ ตามที่เขาเหล่านั้นต้องการ …..
เรื่องนี้จบลงด้วยการที่ฉัน ถูกลดบทบาทการทำงานลง เเละฉันก้ก้าวออกมาจากห้องนั้น หลังจากนั้นชีวิตการทำงานของฉันก้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกคนพร้อมที่จะตัดสินเราในเเบบที่เค้าคิดไปต่างๆ นาๆ สายตาผู้คนที่มองมา เหมือนเราถูกโทษประหาร หรือเป็นผู้ก่อการร้าย อะไรประมาณนั้น เเต่ในเมื่อเราเปลี่ยนความคิดคนเหล่านั้นไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำคือ ยืนหยัด ยอมรับความจริง เเน่วเเน่ในการทำงาน เเละเเน่นอนว่า เรื่องราวในห้องเย็นในวันนั้น ได้เปลี่ยนการมองโลกของฉันไปอีกนานเเสนนาน
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 1 สัปดาห์ ชีวิตการทำงานของฉันก้ยังไม่เข้าที่เข้าทาง โดนกลั่นเเกล้งบ้าง เเละโดนมาตลอด เเต่ฉันมองว่า เราไม่สามารถอุทิศเเรงกายเเรงใจทั้งหมดของเราให้กับองค์กรได้ หากเพียงเพราะองค์กรไม่ได้ต้องการเรา ในเเบบที่เราเป็น ไม่ได้ต้องการพัฒนาให้เราไปได้ไกลตามที่ศักยภาพของเรา
เเต่จริงๆ เเล้วองค์กรอาจจะต้องการเพียงคนที่สามารถทำตามใส่สิ่งที่เขาต้องการ
ในทุกๆวันนี้ การไปทำงานของฉันมันไม่ได้ตื่นเต้น เเต่ฉันรู้สึกว่ามันคือเกมส์
โฆษณา