Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
LEFT-FEM
•
ติดตาม
23 ม.ค. 2022 เวลา 11:32 • การเมือง
ทุนนิยม กับความเหลื่อมล้ำในสังคม
The Pyramid of Capitalist system
สภาพการณ์ของสังคมปัจจุบัน สังคมของเราอยู่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีนิยมใหม่ สังคมของเราจึงเป็นสังคมแบบทุนนิยม และอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในสังคมปัจจุบันนั้น มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนสูงมาก เกือบทุกประเทศ และหากให้พูดตามตรง สาเหตุของปัญหานั้นมาจากสังคมทุนนิยม
4
แล้วทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น? บทความนี้จะพาผู้อ่านได้รับรู้ถึงลักษณะอันเน่าเฟะภายใต้ความสวยงามของทุนนิยมที่มันไม่ได้สวยงามจริง ๆ
การรับรู้ทั่วไปของคนในสังคม คือ ทุนนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจที่เน้นตลาดเสรี และเน้นทำการแข่งขัน อีกทั้งยังทำให้การผลิตในสังคมก้าวหน้าอย่างมาก แต่ความเป็นจริงคือ ระบบตลาดในโลกยุคปัจจุบันไม่ได้เสรีจริงเหมือนในตำรา เพราะมันได้ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุน และบริษัทขนาดใหญ่ จนไม่เหลือโอกาสให้รายเล็กได้มีพื้นที่ที่จะทำให้กิจการของตัวเองไปรอด
หลายคนมักพูดว่า ...
"ทุนนิยม ต่างคนต่างก็เริ่มจาก 0 อยู่แล้วนิ ดังนั้นการที่คนรวยจะมีโอกาสในสังคมมากกว่า จึงไม่ผิด เพราะสิ่งนั้นล้วนมาจากฝีมือของเขาเอง"
นี่เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมหันต์เลยล่ะ เพราะอะไรน่ะเหรอ
1
ประการแรก ทุกคนในสังคมไม่ได้เริ่มมาจาก 0 ระบบทุนนิยมถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 300 - 500 ปีมาแล้วในประเทศทางทวีปยุโรป ซึ่งในช่วงเวลานั้น สังคมยังคงเป็นสังคมศักดินา ที่พวกเจ้า และพวกขุนนางยังคงมีอำนาจอยู่มากในสังคม
และในสังคมศักดินานั้น มีพวกชนชั้นสูง ได่แก่ พวกเจ้า และพวกคริสต์จักร (พวกเขามีอำนาจจากการอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้า) และมีชนชั้นล่าง ได้แก่ ไพร่ และทาส ซึ่งชนชั้นล่างเหล่านี้ไม่ได้มีเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่ตนเองเป็นเจ้าของ และพวกเขาก็ไม่มีอำนาจใด ๆ ในสังคมด้วย
พวกเขาต้องตรากตำ ทำงานตัวเป็นเกลียว แต่พวกเขาก็ยังยากจน ข้นแค้นอยู่ดี ทั้งนี้ก็เพราะว่า พวกชนชั้นสูงเหล่านั้นต่างก็ขูดรีดชนชั้นล่างอย่างไม่ใยดี
1
ในสังคมตอนนั้น ยังได้มีพวกพ่อค้าที่ร่ำรวยจากการค้า และธุรกิจของพวกเขา ซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้น พวกเขาต่างก็ขโมยมาจากดินแดนที่ห่างไกลและนำไปขายต่อยังดินแดนอื่น ๆ นั่นจึงทำให้พวกเขาร่ำรวยมหาศาล ที่แม้แต่พวกชนชั้นสูงก็ไม่อาจมีได้
1
อย่างไรก็ตาม พวกพ่อค้าก็ไม่ได้มีอำนาจมากนักในสังคมเวลานั้น เพราะพวกเขาก็ต่างถูกพวกชนชั้นสูงกดหัว ขูดรีดไม่ต่างกัน (แต่ก็ยังคงน้อยกว่าชนชั้นล่าง)
เมื่อเวลาผ่านไป อำนาจของพวกชนชั้นสูงอ่อนด้อยลง ขณะเดียวกัน พวกพ่อค้าเหล่านี้กลับมีอำนาจมากขึ้น แน่นอนว่าอำนาจของเงินก็เริ่มเข้ามาควบคุมสังคมมากขึ้นด้วยเช่นกัน
พวกไพร่ที่ถูกขูดรีดจากพวกชนชั้นสูง พวกเขาไม่มีอะไรเลย ไม่มีที่ดิน ทรัพย์สิน และทรัพยากร พวกเขามีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือแรงงานของพวกเขา และเพื่อความอยู่รอด พวกเขาต่างก็ต้องขายแรงของตัวเองและเข้าไปทำงานกับพวกพ่อค้าเหล่านั้น
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุนนิยมยังไงล่ะ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะชอบงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่หรือไม่ แต่ว่าหากพวกเขาไม่ทำ พวกเขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
เงินและงาน กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคม เงินได้เข้ามาเป็นตัวแปรในการแลกเปลี่ยนทุก ๆ อย่าง คนต่างต้องทำงานเพื่อเงิน เพื่อนำเงินมาประทังชีวิต ส่วนใครที่ไม่ทำงาน ล้วนกลายเป็นที่น่ารังเกียจในสังคม เพราะสังคมต่างมองเขาว่าเป็นพวกขี้เกียจ ขอทาน ที่คอยเอารัดเอาเปรียบคนอื่น
ดังนั้นการที่ใครหลายคนพูดว่า "ระบบทุนนิยม ใคร ๆ ต่างก็เริ่มมาจาก 0 กันหมด" ดูจะเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อ ราวกับทุนนิยมเกิดมาพร้อมกับการกำเนิดของมนุษยชาติ ซะอย่างนั้น
"คุณเคยหยุดถามคำถามนี้กับตัวเองบ้างไหม: ทำไมคุณถึงต้องเกิดมาจากพ่อกับแม่ของคุณ ไม่ใช่คนอื่น?
เอาล่ะ คุณน่าจะเข้าใจว่าผมกำลังจะพูดถึงอะไร ผมหมายความว่าความยินยอมของคุณไม่เคยถูกถามเลย คุณก็แค่เกิดมา ไม่มีโอกาสได้เลือกว่าจะเกิดที่ไหน หรือเกิดจากใคร มันเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่คุณเกิดมาไม่รวย บางทีพ่อแม่ของคุณเป็นชนชั้นกลาง หรือเป็นชนชั้นล่าง หรือถ้าพูดให้ตรงกว่านั้น ก็อาจจะเป็นกลุ่มคนใช้แรงงาน และนั่นทำให้คุณคือหนึ่งในคนนับล้าน มวลชนเหล่านั้น ผู้ที่ต้องทำงานเพื่อดำรงชีวิต"
อีกเหตุผลที่สำคัญที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมนั่นก็คือ "ค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม"
หลังจากที่ไพร่ในยุคศักดินา เริ่มขายแรงงานของตัวเองให้แก่เหล่าพ่อค้า นายทุนเหล่านั้นแล้ว พวกเขาต่างก็ถูกขูดรีดจากพวกนายจ้างของเขา ไม่ได้ต่างอะไรไปกับผู้ขูดรีดคนเดิม
ในระบบทุนนิยมนั้น คนงานไม่สามารถทำงานเพื่อตัวเองเหมือนกับที่เคยทำในอดีต เขาไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้
ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนงาน คุณก็ต้องหาคนที่จะมาจ้างคุณ คุณทำงานให้เขา หมายความว่าคุณมอบแรงงานของคุณให้กับนายจ้างหลาย ๆ ชั่วโมงในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ และเขาก็จะจ่ายเงินให้คุณ คุณขายกำลังแรงงานของคุณ และเขาก็จ่ายค่าแรงกลับคืนมา
ชนชั้นแรงงานทั้งหมดล้วนแต่ขายกำลังแรงงานให้กับนายจ้าง พวกแรงงานสร้างโรงงาน สร้างเครื่องจักรและเครื่องมือ และผลิตสินค้าออกมา ส่วนพวกนายจ้างก็ครอบครองโรงงาน เครื่องจักร เครื่องมือ และสินค้าไว้กับตัวเองในฐานะกำไรของพวกเขา แรงงานได้รับเพียงค่าแรงเท่านั้น
ข้อตกลงที่ดำเนินไปเช่นนี้ถูกเรียกว่า "ระบบค่าแรง"
หรือบางที เราอาจเรียกระบบนี้ว่า ระบบขูดรีด ก็ได้เหมือนกัน
ที่เป็นระบบขูดรีด นั่นเป็นเพราะว่า เหล่าคนงานทำงานทั้งวันทั้งคืน เพื่อแลกกับค่าแรงเพียงน้อยนิด ที่น้อยกว่ามูลค่าที่พวกเขาสร้างได้เสียอีก หากนึกภาพไม่ออก คุณลองมองสภาพประเทศไทยในปัจจุบันนี้สิ ผู้คนทำงานในโรงงาน หรือบริษัทวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อแลกกับเงิน 300 บาทต่อวัน คุณลองถามตัวเองดูสิ ว่ามันคุ้มไหม
ในประเทศไทย แม้กฎหมายจะกำหนดค่าแรงขั้นต่ำไว้ที่ ~ 300 บาท แต่ก็ยังมีบางกิจการที่ให้เงินค่าแรงแก่ลูกจ้างไม่ถึง 300 บาทเสียด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่มีใครไปจัดการกับคนพวกนี้ ไม่รู้ทำไม แปลกดีเหมือนกัน
(ต่อ) และแม้ว่างานที่คุณทำอยู่ จะสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทและกิจการมหาศาลขนาดไหน แต่กำไรเหล่านั้นกลับตกไม่ถึงมือของคนงานเลยด้วย เงินเหล่านั้นล้วนตกไปอยู่ในมือของเจ้าของกิจการ และผู้ถือหุ้นจนหมด ทั้งที่คนพวกนั้นไม่ได้ลงมือ ลงแรงอะไรเลย
1
อีกอย่าง คนงานเหล่านั้น ผู้ที่คอยผลิตเครื่องมือ เครื่องใช้ ผลิตของแบรนด์เนม และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผู้ที่คอยสร้างสถานที่อสังหาริมทรัพย์ในสังคม พวกเขากลับไม่สามารถเข้าถึงสิ่งที่พวกเขาเป็นผู้สร้างขึ้นมาได้ และนั่นคือกำไรของพวกนายจ้างทั้งสิ้น
เหล่าแรงงานได้รับค่าแรงเป็นมูลค่าเพียง 1 ส่วน 10 จากมูลค่าของสินค้าที่พวกเขาผลิต อีก 9 ส่วน 10 นั้นถูกแบ่งกระจายไปสู่พวกเจ้าของที่ดิน เจ้าของโรงงาน บริษัทขนส่ง คนขายส่ง คนขายปลีก และคนกลางคนอื่น ๆ
สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ 1 ส่วน 10 ของมูลค่าของแรงงานของเหล่าคนงาน ที่กลายมาเป็นส่วนแบ่ง กลายมาเป็นค่าแรงของพวกเขา
คุณคงเดาออกแล้วล่ะว่าทำไมถึงมีคนบอกว่า ทรัพย์สินของพวกคนรวยคือสิ่งที่ถูกขโมยมา ? มันถูกขโมยมาจากคนที่ผลิต เหล่าคนงาน
ดูแปลกดีไม่ใช่หรือ ว่าทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเกิดขึ้นได้?
ใช่ มันแปลกเหลือเกิน และสิ่งที่แปลกที่สุดก็คือคนทั้งโลกก็รู้แต่ไม่มีใครทำอะไรกับมันเลย ที่แย่ไปกว่านั้นคือเหล่าคนงานก็ไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน เพราะว่าคนส่วนมากคิดว่าทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว และระบบทุนนิยมที่ว่านี้ก็ดีอยู่แล้ว
เป็นเพราะว่าเหล่าคนงานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา พวกเขาไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังถูกปล้นชิง ส่วนพวกที่เหลือก็เข้าใจเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย
แต่ที่เป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะคนงานโง่ หรือไม่มีความรู้หรอกนะ แต่ระบบและสถาบันทางสังคม อย่างเช่น โรงเรียนและสถาบันศาสนา ต่างก็พร่ำสอนว่า ให้หัดยอมรับต่อโชคชะตาของตนเอง สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังให้คนโทษตัวเองมากกว่าโทษระบบ ผู้คนถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มันดีอยู่แล้ว มันยุติธรรมอยู่แล้ว
และสถาบันเหล่านั้น ไม่เคยสอนว่า ที่คนรวยรวยได้ เพราะขโมยความมั่งคั่งมาจากคนอื่น หรือปล้นคนอื่นมาหรอก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้ถูกกดขี่จึงไม่ได้รับรู้ว่าตนเองกำลังถูกกดขี่
และกฎและคำสอนเหล่านั้น มันถูกเขียนโดยใครน่ะหรือ คำตอบอยู่ไม่ใกล้ และไม่ไกล ก็พวกนักบวชชนชั้นสูง พวกคนรวย และชนชั้นปกครองยังไงล่ะ
และเมื่อมีใครสักคนที่พยายามบอกเรื่องนี้ออกมาให้คนอื่น ๆ ได้ฟัง ก็จะมีคนตะโกนใส่คน ๆ นั้นว่า "ไอ้พวกคอมมิวนิสต์" "ไอพวกอนาคิสต์" (แน่นอนว่า คอมมิวนิสต์ดูจะเหมือนผีที่คอยหลอกหลอนคนในสังคม) ทำให้คนคนนั้นสงบปากสงบคำลง แล้วก็จับเขายัดเข้าคุก เรื่องทุกอย่างก็จบ
พวกนายทุนก็พึงพอใจอย่างมากกับระบบทุนนิยมของพวกเขา มันควรเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ พวกเขาร่ำรวยได้ก็เพราะระบบนี้ ดังนั้น อย่าหวังว่าพวกเขาจะบอกว่าระบบนี้มันไม่ดี
ส่วนรัฐ แทนที่จะช่วยเหลือคนงาน และทำลายการขูดรีดพวกนี้ทิ้งซะ พวกเขากลับออกกฎหมาย และสร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่พวกนายทุนหน้าเลือดพวกนั้นซะงั้น หน้าที่ของรัฐคืออะไร!?
คุณลองถามตัวเองดูซิ "รัฐบาลจะยอมให้เกิดการปล้นชิงเช่นนี้ได้อย่างไร? มันไม่ได้ถูกห้ามโดยกฏหมายหรอกหรือ?" แล้วถ้ารัฐบาลปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เราจะมีรัฐไว้ทำไมกัน..
ทั้งหมดนี่ คือเหตุผลว่าทำไม ในสังคมทุนนิยม ความเหลื่อมล้ำยิ่งสูงมากขึ้นในทุกวัน เพราะคนรวยยิ่งรวย และคนจนยิ่งจน
"คุณเกิดมาพร้อมกับความจน นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ และต่อให้คุณล่วงลับไปพร้อมกับความจน นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของคุณเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดของระบบเฮงซวย กับพวกคนรวยนั่น ที่คอยสร้างความเอารัดเอาเปรียบผู้คนต่างหาก"
ติดตามเราช่องทางอื่น ๆ ได้ที่ instagram : leftfem
https://instagram.com/left_fem?utm_medium=copy_link
การเมือง
3 บันทึก
9
16
3
9
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย