23 ม.ค. 2022 เวลา 13:53 • ปรัชญา
ดวงจิตของมนุษย์ทุกคน ในโลกหลังความตาย มีดังนี้
1. เคสที่บางคนตายแบบกระทันหัน
เช่น ถูกรถชนตาย , ฆ่าตัวตายในทุกแบบ
:ดวงจิตสุดท้ายของพวกเขาจะวนเวียนกับสถานที่ หรือสิ่งที่ดวงจิตเขาผูกพันทั้วอดีตและปัจจุบัน ดวงจิตคนนั้นจะยังไม่ไปเกิดหรือรอการรับโทษจากท่านพญายมแต่อย่างใดอีกทั้งจิตยังมีห่วง มีคิดถึง มีกิเลส อยู่ตามแต่บุญกรรมที่คนนั้นกระทำตอนอยู่ในโลกมนุษย์
2.เคสที่บางคนตายแบบฆาตกรรม
ในแบบที่ 2นี้ ดวงจิตก็จะวนเวียนคล้ายกับแบบที่ 1 ในกรณีที่ญาติพี่น้อง ไม่ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ(ดวงจิต)สุดท้ายของคนนั้นกลับบ้านเกิดของเขา ดวงจิตก็จะยังวนเวียนตามบุพกรรมของโลกวิญญาณ แต่หากญาติพี่น้องเชิญ พระสงฆ์มาทำพิธีในการเชิญดวงจิตวิญญาณของคนตายแบบกระทันหัน หรือ คนตายแบบถูกฆาตกรรม จะทำให้ดวงจิตคนนั้นตอนตายได้กลับบ้านเกิดของคนนั้นอย่างแน่นอน จะไม่เป็นดวงจิตที่เร่ร่อนหรือไม่เป็นดวงจิตของสัมภเวสีทั้งหลาย
3.เคสที่ถูกเจ้ากรรมนายเวร ตามอาฆาตพยาบาท ทั้งในโลกมนุษย์และโลกหลังความตาย
ปัจจัยนี้มาจากบุพกรรมที่กระทำกันมาทั้ง "กรรมเก่า "และ "กรรมปัจจุบัน "ก็จะข้ามภพข้ามชาติไปจนถึงอนาคต ไมีจบไม่สิ้น ดังนั้นในทางพระพุทธศาสนา ตามที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนมนุษย์ ให้รู้จัก เจริญจิตเมตตา อย่าอาฆาตพยาบาท ให้อโหสิกรรม และให้มีจิตที่มีหิริโอตัปปะอยู่ตลอดเวลาทุกวันนั้นจะช่วยคนนั้นให้พ้นจากอันตรายทั้งปวงด้วยหลักธรรมพระพุทธศาสนา คือ
ทาน ศีล ภาวนา เจริญจิตเมตตาต่อสรรพสัตว์ ดวงวิญญาณแบะเทพพรหม รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวรเป็นประจำอย่าขาด ต้องกระทำเป็นกิจวัตรในการหมั่น สวดมนต์ ทาน ศีล ภาวนา เป็นกิจลักษณะจะช่วยผ่อนกรรมหนักให้เป็นกรรมเบาบางลงได้อย่างถาวรแน่นอนตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา
โฆษณา