24 ม.ค. 2022 เวลา 04:20 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Ghostbusters: Afterlife ตำนานบทใหม่ของบริษัทรับปราบผี
Ghostbusters คนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 30 อาจจะไม่รู้จัก หรือไม่ก็คงพอจะคุ้นๆเหมือนเคยจะได้ยินชื่อมาแบบแว่วๆ ในปีนี้ Ghostbusters: Afterlife คือภาคต่อ ที่สานต่อเรื่องราวจากแฟรนไชส์ดั้งเดิมในปี 1984 กับเรื่องราวสุดตื่นเต้นครั้งใหม่
หลายคนคงจะเกิดคำถามที่ว่า แล้วหนัง Ghostbusters เวอร์ชั่นปี 2016 ที่ได้ผู้กำกับอย่างพอล ฟีก มานั่งแท่นกำกับและเปลี่ยนตัวเอกของเรื่องทั้ง 4 คนให้กลายเป็นผู้หญิงนั้น ไม่ถูกนับรวมอยู่ภายใต้จักรวาลเดียวกันนี้ ถึงแม้ว่าคำวิจารณ์จะออกมาในแง่บวก แต่คนดูจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกว่า “การเปลี่ยนเพศตัวละคร” นั้น ไม่ได้ทำให้หนังคงจิตวิญญาณของงานต้นฉบับไว้ได้เลย มิหนำซ้ำมุกตลกในเรื่องก็เป็นความพยายามยัดเยียดจนเกินพอดี
ผลงานจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
ในหนัง Ghostbusters ภาคแรกนั้นเป็นผลงานการกำกับของ อีวาน ไรท์แมน ผู้เป็นพ่อแท้ๆของเจสัน ไรท์แมน ผู้กำกับ Ghostbusters: Afterlife โดยในช่วงเวลานั้นเจสัน มีอายุแค่เพียง 6 ขวบเท่านั้น ด้วยความเป็นเด็กที่ติดตามพ่อไปอยู่ในกองถ่ายทำให้เจสัน ได้เห็นเบื้องหลังการทำงานในกองถ่าย ได้เห็นสเปเชียลเอฟเฟ็คไม่ว่าจะเป็นสุนัขปีศาจ ปืนยิงลำแสงโปรตอน ปีศาจมาร์ชเมลโลว์
จากเด็กชายอายุ 6 ขวบในวันนั้น เจสัน ไรท์แมนเติบโตขึ้นและเดินตามรอยเท้าพ่อมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยผลงานของเขาที่ทำให้ผู้คนรู้จักในวงกว้างคือ Juno และ Up in the Air ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย ถ้าเราสังเกตผลงานของเจสัน แทบทุกเรื่องมักจะพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครในครอบครัว ดังนั้นการที่เขาได้รับการไถ่ถามจากสตูดิโอโซนี่ พิกเจอร์สว่าสนใจจะมากำกับ Ghostbusters ภาคใหม่ไหม เขาจึงตอบตกลงแบบแทบไม่มีความลังเล นั่นก็เพราะมันเป็นความผูกพันตั้งแต่วัยเด็กแล้วนั่นเอง
เราอาจจะกล่าวได้ว่า Ghostbusters: Afterlife นั้นเป็นการรำลึกอดีตอันหอมหวานของแฟรนไชส์ชุดนี้ไปพร้อมๆกับการบอกเล่าเรื่องราวครั้งใหม่ให้กับผู้ชมรุ่นใหม่ได้รู้จักตัวละคร ผสมผสานกับความเป็นหนังครอบครัวที่ทุกคนสามารถสนุกไปกับมันได้นั่นเอง
Ghostbusters: Afterlife เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว
ที่มา : sanook
โฆษณา