ในช่วงปลายปี 2564 ‘ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ’ ผู้จัดการทั่วไปของ The Pizza Company เผยกับสื่อมวลชนว่า ยอดขายรวมของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ลดลงกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อการเปิด-ปิดร้านและพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า
1
แม้จะคาดว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอไมครอนไม่รุนแรงภายในไตรมาส 1 รายได้ของ The Pizza Company น่าจะกลับมาเป็นปกติ แต่หากรุนแรงน่าจะต้องใช้เวลาถึงไตรมาส 3 ของปี รายได้จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ดังนั้น หนึ่งในโมเดลธุรกิจที่ The Pizza Company ในการเสริมรายได้ คือ การปล่อย ‘ซับแบรนด์’ ย่อยที่จะช่วยตีตลาดใหม่ๆ ออกมา นั่นก็คือ ‘ชิค-อะ-บูม’ (Chick-A-Boom) แบรนด์ไก่ทอดน้องใหม่ออกมาอยู่ภายใต้แบรนด์หลักอย่าง The Pizza Company
สำหรับ The Pizza Company เองก็จำหน่ายไก่ทอดมาโดยตลอดในรูปของปีกไก่ที่ ‘ภาณุศักดิ์’ มองว่า The Pizza Company ก็เป็นเจ้าตลาดปีกไก่ทอด (King of Wing) ทั้งไก่เกาหลี ไก่บาร์บีคิว ตั้งแต่ยุคแรกๆ มาแล้ว ดังนั้นการสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อมาชิงส่วนแบ่งการตลาดจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
คอนเซปต์ของ ‘ชิค-อะ-บูม’ จึงเป็น ‘ไก่ที่ไม่จำเจ’ มีรสชาติให้เลือกถึง 7 รสชาติ พร้อมจานเคียงที่มีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน โดย ‘ชิค-อะ-บูม’ จะจำหน่ายในร้านสาขาของ The Pizza Company 220 สาขา (จากทั้งหมด 416 สาขา) พร้อมป๊อปอัพสโตร์หรือลักษณะเป็น shop in shop ใน The Pizza Company 15 สาขา จำหน่ายเฉพาะทานในร้านและซื้อกลับบ้านเท่านั้น ไม่มีบริการเดลิเวอรี่
1
เป้าหมายและหน้าที่ของ ‘ชิค-อะ-บูม’ ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 30 ล้านบาท หลักๆ คือ การตีตลาดกลุ่มวัยรุ่นและเฟิร์สจ๊อบเบอร์ให้หันมาเข้าร้าน ช่วย The Pizza Company ในการขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตมามากขึ้น จากเดิมที่มีลูกค้ากลุ่มครอบครัวจำนวนมากที่สุดถึง 30-40% และลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น 25-30% รวมถึงช่วยดึงส่วนแบ่งการตลาดจากตลาดไก่ทอดร่วมด้วย
โดยค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่าแบรนด์ ‘ชิค-อะ-บูม’ น่าจะไม่มีการขยายแยกตัวออกจาก The Pizza Company แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของเมนูใน The Pizza Company และมีป๊อปอัพสโตร์แบบ shop in shop ใน The Pizza Company เท่านั้น เนื่องจาก ‘ไมเนอร์ ฟู้ด’ บริษัทแม่ของ The Pizza Company เองก็มี ‘บอนชอน’ ไก่ทอดราดซอสสไตล์เกาหลีชื่อดังเป็นแบรนด์ไก่ทอดอยู่แล้ว