26 ม.ค. 2022 เวลา 13:20 • สุขภาพ
"คนเป็นโรควิตกกังกลมันทรมานนะ"
5
ปัจจุบันฉันมักชอบมีอาการ ใจสั่น หวาดกลัวจะเป็นโรคนี้โรคนั้น พอคิดว่าฉันจะเป็นโรคร้ายแรงไหม ฉันก็เริ่มมีอาการทันที เหมือนสั่งได้ทันใจ
4
กว่าอาการ ใจสั่น โคลงเคลง เหมือนจะตาย จะสงบลง
ฉันทรมานมากที่สุด ..
บางวัน เป็นหลายหน
หรือ บางวัน ไม่เป็นเลยก็มี
เริ่มแรก ฉันเป็นคนคิดมาก มาตั้งแต่เด็ก
ชอบมีอาการกลัวโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
สาเหตุของการกลัว คือกลัวจะตาย
กลัวไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่
1
ทั้งที่อายุ7ขวบ
แล้วอาการเหล่านี้ มันก็ค่อยเลือนลางหายไป
แต่ก็ไม่ได้หายไปซะหมดเลยทีเดียว ฉันก็ยังคง ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด
แบบอย่างว่า ฉันมักจะชอบล้างมือ ทุกครั้งให้สะอาดก่อนจะเข้าบ้าน
และก็ชอบย้ำคิดย้ำทำ แบบนี้ มานานมาก ว่าล้างหรือยัง เอ้ะไปล้างใหม่ดีกว่า อะไรแบบนี้
จนมาช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงเดียวที่ฉันไม่นึกถึงอะไรพวกนี้
คือชีวิตมันมีความสุขมาก อยู่กับเพื่อน ปาร์ตี้ ประชันความสวยอะไรแบบนี้ ออกงาน สังสรรค์ แบบหามรุ่งหามค่ำ อยู่ประมาณ 3-4ปี
จากนั้นมา ก็มามีสามี มีลูกด้วยกัน1คน
อาการรักตัวกลัวตายเริ่มจะกลับมาอีกละ
แต่ก็นั่นล่ะ มันไม่ได้มีผลต่อการใช้ชีวิตมากเท่าไร
จนกระทั่ง ฉันมามีสามีใหม่
และคือ สถาบันครอบครัวครั้งที่สองนี้
ไม่ได้โอเคเท่าครั้งก่อน
และนั่น มันทำให้ฉันเครียดมาก ถึงมากที่สุด
เหมือนจากคน ไม่ใช่เป็นคนฉุนเฉียวหัวร้อน ก็เป็นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลมาเสมอ
และที่สำคัญ เครียดบ่อยมาก
จนกระทั่งมามีลูกคนที่สอง
ได้ทำการผ่าคลอด
ฉันเริ่มมีความรู้สึกกลัว อาการกลัวแล้วใจสั่นเริ่มกลับมา
หลังจากนั้นมาไม่นาน อาการก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีก
จนกระทั่งทางบ้านมามีปัญหาครอบครัว
และตอนนั้น ฉันอยากลดน้ำหนัก ด้วยความที่ลูกเพิ่งคลอดไปได้ประมาณ1ปี
ฉันก็อยากผอม
เลยเริ่มจากการ อดข้าว
อดมันไป บ่อยๆ
แบบวันนึง กินมื้อเดียว
หรือ วันนึงไม่ได้กิน
น้ำก็กินน้อย
แต่ลูกยังคงกินนมจากฉันนะ!!
ตอนแรกฉันดีใจ ว่า เฮ้ย...
น้ำหนักลดลง
ก็เลยคิดว่า วิธีนี้มันได้ผล
ก็ทำมาบ่อยๆ
กินบ้าง ไม่กินบ้าง
ไปๆมาๆ
เริ่มออกกำลังกายตามในเนท
และคือ ข้าวก็ไม่กิน.. แต่ออกกำลังกาย
พอวันนั้น ต้องไปธุระด่วน นัดกับทนายเอาไว้
ก็แต่งตัวไปเจอ ข้าวก็ไม่ได้กินมาไง
ได้กินกาแฟ ไป1แก้วใหญ่
และคือ ทั้งชีวิตไม่เคยกินกาแฟ
แต่ที่กินเพราะ ทนายซื้อให้ เลยกินเพราะความเกรงใจ
พอเสร็จธุระ กลับมาถึงบ้าน
ก็ยังไม่ได้กินข้าวนะ!!
นั่งคุยกับพ่อแม่
จู่ๆๆ รู้สึกว่าหน้ามืด
แบบคนจะขาดใจขึ้นมา
คือ รีบเรียกน้องสาว
และก็คือ รีบดื่มน้ำผสมน้ำแดงหวานดื่ม
และก็กินยาหอมที่แม่ชงให้
ก็ยังไม่ดีขึ้น
ชักเริ่มรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ทั้งๆที่หน้ามืด
เลยเดินไปถ่าย แต่กลับถ่ายไม่ออก
พอออกมาจากห้องน้ำ เท่านั้น เริ่มรู้สึกไม่ได้ละ ไม่ดีเลย เหมือนจะหน้ามืดเป็นลม
แต่คือ แข็งใจมากตอนนั้นไม่ยอมที่จะเป็นลม
สามีและแม่ รีบพาฉันไปโรงบาล
พอไปถึง แม่ก็เล่าอาการให้หมอฟัง
หมอมาคุย กับฉัน ว่าฉันแบบคิดมากไหม เครียดอะไรไหม
แต่ฉันก็แบบยังคงมึนๆงงๆ เลย ตอบไม่ได้ดีเท่าที่ควร
แม่เห็นแบบนั้น ไม่รู้นึกยังไง พาฉันเปลี่ยนโรงบาล
ระหว่างนั้นบนรถฉันหิวมาก แม่พกนมมา พร้อมขนมปัง นิ่มๆ
ฉันก็กินไปตลอดทาง
พอไปถึงโรงบาลที่2
ฉุกเฉินเหมือนกัน
และก็ได้รับน้ำเกลือ
หมอเจาะเลือดไปตรวจ วัดความดัน ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า
ปรากฏว่า ไม่มีอะไรผิดปกติ
ทั้งที่ตอนนั้น ร่างกายฉันชาไปหมด
ไม่เคยชาแบบนี้มาก่อน
ฉันได้คุยกับคุณหมอ ฉันเล่าให้คุณหมอฟัง ว่าฉันไม่ได้กินข้าวเลยทั้งวันและก็บอกว่ากินกาแฟไป ทั้งที่ไม่เคยกินมาก่อน
(แต่ไม่ได้บอก ว่าไม่ค่อยกินข้าวมา หลายวัน หรือกินแบบไม่สม่ำเสมอ)
คุณหมอ ก็เลยบอกฉันว่า อาจเป็นเพราะเอฟเฟคจากคาเฟอีน
ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้.....
จากนั้น หลายชั่วโมงถัดมา ฉันเริ่มดีขึ้น
ก็เลยได้กลับบ้าน
อาการนี้หายไป นานพอดู
น่าจะเกือบเดือนนึงเห็นจะได้
แล้วก็กลับมาใหม่
จากที่ฉันมีอาการเครียดครั้งนึง
ครั้งนี้ มันเริ่มมาแบบคลื่นทะเล ที่เริ่มมาเรื่อยๆ
ใจเริ่มสั่น ใจหวิว และกลัวว่าจะตาย
จากนั้น อาการก็หายไปอีกครั้ง
จนฉันกลับมาทำงาน
ในระหว่างทำงาน ฉันไม่มีอาการเลยสักครั้ง
จะมีแค่แบบ ฉันหิวมากๆๆช่วงอาหารเย็น และคือ กินช้า
ก็จะมีหวิวๆบ้างแต่ไม่เยอะ
ฉันจับสังเกตดู ว่าจะมีอาการตอนหิวข้าวจัดๆ
เหมือนกับว่า ร่างกายจดจำความเจ็บปวดทรมาน ครั้งที่อดหาร ครั้งนั้นที่เข้าโรงบาลไว้
พอหิวข้าว มันก็จะกำเริบให้ฉันรู้สึกกลัว เพื่อที่จะต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ ให้กินข้าวตรงเวลามากขึ้น
และก็อีกอย่าง ถ้าฉันเครียดหรือกลัวจัดๆๆๆ จะมีอาการทันที
ตอนนั้น ฉันเครียดเรื่องงานมาก อาการมาเต็ม
คือเป็นไม่ถึง5ครั้ง ในระยะเวลา7เดือนกว่าที่ฉันได้ทำงาน
แต่ตอนนี้ ฉันเพิ่งออกจากงานเมื่อปีใหม่นี่เอง
และคือ ชีวิตมันไม่ได้ทำอะไรมาก ก็เหมือนมีแค่กิจวัตรประจำวันที่เลี้ยงลูก ซักผ้า
ส่วนใหญ่ จะว่างมาก
พอว่างก็จะเสริชเนต อ่าน อาการ ต่างๆ อ่านสาเหตุนู่นนั่นนี่ ก็ไม่รู้ว่าจะไปอ่านเพื่อกระตุ้นทำไมเหมือนกัน
โอโห พอเสริชเนตเท่านั้นล่ะ โรคในอากู๋มาเต็ม
คราวนี้เครียดใหญ่ อาการมาเต็ม มาเกือบทุกวัน
แล้วอะไรที่เขาว่าดี ก็หามากินหมด โยเกิร์ต กิมจิ ให้ช่วยเพิ่มโปรไบโอติก ต่างๆ
คือที่เริ่มกินไบโอติกส์ ก็เพราะว่าเวลามีอาการ ชอบรู้สึกว่าตัวเองมีลมในร่างกายเยอะ
คือตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ ว่าลมแก๊สที่คิดว่ามีเยอะ นั้น
แท้จริงแล้ว มามีเยอะตอนเกิดอาการวิตก
หรือ มีเยอะมาก่อน เลยลมขึ้น เลยเกิดการวิตกว่าหายใจไม่ออก
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ที่มีอาการบ่อย คือ วิตกปุ้บ ลมขึ้น ปั้บ
ขณะที่พิมพ์ ก็ยังคงเป็นอยู่นะ
แต่แค่เหนื่อยกับมัน เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไรแล้วกับวันนี้
แล้วรู้สึกเหมือนตัวเอง จะมีอาการหิว 4มื้อต่อวัน
เวลาหิว ก็นั่นล่ะ ใจสั่น หวิวๆ กลัวตาย โคลงเคลง
แต่ จะมีอาการแค่เฉพาะมื้อที่4ของวันเท่านั้น
คือช่วงเวลาหลัง6โมงเย็น
ต้องกินให้ได้เลย ตอนสองทุ่ม
แต่จะไม่กินอะไรที่ ย่อยยาก
จะกินกล้วย ส้ม โยเกิร์ต เพื่อให้หายรู้สึกหิวเท่านั้น
ในตอนนั้นที่ทำงาน หิวเพียง3มื้อ
เพราะไม่ได้ให้นมลูก ช่วงทำงาน
แต่จะกลับมาให้ช่วงเฉพาะตอนนอนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ คงเพราะ ฉันอยู่กับลูกตลอดเวลา
เลยให้นม เกือบตลอดวัน
นี่อาจทำให้ฉันหิว บ่อย จนต้องเพิ่มมื้ออาหาร
ตอนนี้ ฉันเริ่มดีขึ้น เมื่อได้ทานกล้วยไปแล้วสองลูก
ฉันขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีอาการเหมือนกันกับฉันด้วยนะ
ฉันมีกลุ่มคนเป็นแพนิค เลยรู้ว่า มีคน มีอาการแบบฉันเยอะมากๆ
สู้ไปพร้อมกันนะ จิตใจดีสำคัญที่สุด
โฆษณา