27 ม.ค. 2022 เวลา 05:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ได้หยุดที่คริปโทฯ
1
ความร้อนแรงของวงการคริปโทเคอร์เรนซีในปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนเข้าใจว่าคริปโทฯ คือทั้งหมดของคำว่า สินทรัพย์ดิจิทัล
แต่ไม่อยากให้จำกัดความอยู่แค่นี้ เพราะความจริงคำว่าสินทรัพย์ดิจิทัลกว้างกว่านั้นมาก บทความนี้เลยจะชวนทุกคนมารู้จักกับอีกหนึ่งในวิธีการระดมทุนในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เรียกว่า Asset Tokenization ครับ
2
ฟังแค่ชื่ออาจจะดูยาก แต่อยากให้เปิดใจก่อน แล้วจะรู้ว่ามันน่าสนใจกว่าที่ทุกคนคิด
🔸 ก่อนอื่น Asset Tokenization คืออะไร ?
อธิบายง่าย ๆ Asset Tokenization ก็คือ การเอาสินทรัพย์ต่าง ๆ มาแปลงให้อยู่ในรูปโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน เพื่อให้สินทรัพย์นั้นเกิดการซื้อขายได้ง่ายขึ้น
โดยวิธีการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านระบบบล็อกเชน จะเรียกว่า Initial Coin Offering หรือ ICO
รูปแบบของการออก ICO จะมีอยู่สองแบบ คือ แบบ Project-based ที่ระดมทุนเพื่อไปใช้พัฒนาโครงการ และแบบ Asset-backed ที่เป็นการเสนอขายโทเคนในลักษณะที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ซึ่งแบบที่พูดถึงในบทความนี้จะเป็นแบบหลัง
ในไทยการออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลทั้งสองแบบนี้ จะต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบเท่านั้น
🔸 เมื่อออกโทเคนดิจิทัล ผู้ออกจะกำหนดสิทธิในการถือครองโทเคนได้ 2 แบบ
1. Investment Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
โทเคนแบบนี้ ผู้ถือมักจะได้สิทธิในส่วนแบ่งรายได้หรือผลกำไรจากการลงทุน ตามสัดส่วนของโทเคนที่เรามีอยู่
2. Utility Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์)
ส่วนโทเคนแบบนี้ ผู้ถือมักจะได้สิทธิในการเข้าถึงสินค้าและบริการ หรือสิทธิอื่น ๆ ที่เฉพาะเจาะจงตามที่ผู้ออกโทเคนได้บอกไว้
🔸 ตัวอย่างของการทำ Asset Tokenization ที่โด่งดัง คือ กรณีของ The St. Regis Aspen Resort ในต่างประเทศ
รีสอร์ตหรูระดับ 5 ดาว ในสหรัฐฯ มูลค่าสูงถึง 2,500 ล้านบาท ที่ถูกแปลงเป็นโทเคนดิจิทัล และออกขายแก่คนทั่วไป
สำหรับกระบวนการออกโทเคน เริ่มแรกทางรีสอร์ตจะเอาตัวสินทรัพย์ที่มีอยู่มาประเมินมูลค่าก่อน จึงค่อยออกขายโทเคนที่อ้างอิงจากทรัพย์สินของรีสอร์ต
กรณีของรีสอร์ตนี้ออกขายโทเคนมากถึง 18 ล้านโทเคน ในราคาเพียงโทเคนละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ความพิเศษของโทเคนนี้อยู่ที่การผสมผสานระหว่างทั้ง Investment Token และ Utility Token ที่ผู้ถือโทเคนจะได้ทั้งส่วนแบ่งกำไรจากกิจการของรีสอร์ต รวมไปถึงส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการเข้าพัก
แต่ก็จะมีข้อจำกัดตรงที่ผู้ถือโทเคนไม่มีสิทธิออกเสียง เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัทด้วยเหมือนกัน
ซึ่งกระบวนการออกขายโทเคนนี้ ทางรีสอร์ตไม่สามารถทำทุกอย่างได้เองทั้งหมด จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต. สหรัฐฯ และบริษัทประเมินมูลค่าอสังหาฯ เข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตีมูลค่าสินทรัพย์เกินความจริง
🔸 แล้วการแปลงรีสอร์ตหรูออกขายเป็นโทเคนย่อย ๆ เกิดประโยชน์กับทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ออกโทเคนยังไง ?
👉 ทลายขีดจำกัดของการลงทุนในอสังหาฯ แบบเดิม ๆ
ปกติอสังหาฯ เป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูง คนทั่วไปเข้าไปลงทุนได้ยาก แต่พอเอามาทำแบบนี้ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากก็เข้าไปลงทุนได้ อย่างกรณีของ The St. Regis Aspen Resort แค่มีเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ก็ลงทุนในสินทรัพย์ราคาแพงได้แล้ว
👉 ธุรกิจได้เงินสดมาหมุนเวียนใช้ในกิจการ
เมื่อก่อนหากธุรกิจต้องการระดมทุน จะมีทางเลือกอยู่สองวิธีหลัก ๆ คือ การกู้เงินจากธนาคาร และการออกขายหุ้น IPO ซึ่งบางครั้งการกู้เงินจากสถาบันการเงินจะเจอต้นทุนดอกเบี้ยที่สูง หรือหากเลือกทำ IPO ก็จะมีขั้นตอนที่นานและยุ่งยากกว่า
การออกโทเคนดิจิทัลนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการระดมเงินทุน อย่างกรณี The St. Regis Aspen Resort ก็ได้เงินกว่า 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปใช้หมุนเวียนในกิจการ อีกทั้งพอผู้ถือโทเคนไม่มีอำนาจออกเสียงในเรื่องทิศทางการดำเนินธุรกิจ บริษัทก็จะไม่เสียความสามารถในการควบคุมด้วย
แต่ยังไงก็ตาม การลงทุนแบบนี้ก็ยังเป็นเรื่องใหม่ ผู้ที่สนใจต้องศึกษาลักษณะ ความเสี่ยง ผลตอบแทน การให้สิทธิของโทเคน และความน่าเชื่อถือของผู้ออกโทเคน ให้ดีก่อนจะเข้าไปลงทุน
ที่ยกตัวอย่างเรื่อง Asset Tokenization ให้ฟังไม่ได้จะมาแนะนำให้ไปลงทุนแต่อย่างใด แค่อยากให้ทุกคนเห็นว่าโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลทุกวันนี้ยังพัฒนาไปได้อีกไกล สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปได้รึเปล่าครับ
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
พวกเรากลุ่มคนที่รักเรื่องราวของการเงินการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจ จึงก่อตั้งเพจ Dime! (ไดม์!) ขึ้น
Dime! แปลว่าเหรียญ 10 เซ็นต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
หากทุกคนมีความรู้ทางการเงินที่แข็งแรง
สังคมของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
โฆษณา