27 ม.ค. 2022 เวลา 04:57 • ยานยนต์
☢☢☢ 1954 Goggo 200 deluxe ☢☢☢
🛵🛵 สกู๊ตเตอร์สุดล้ำจาก “บาวาเรียล” 🛵🛵
⚜⚜ มัน...ได้อานิสงค์จากการเข้าเจริญสัมพันธไมตรีกับ “รุ่นใหญ่” คนหนึ่งในวงการ 2 ล้อปีลึก ด้วยภูมิหลังที่พิศมัยรถ “ผู้ดี” เป็นที่ตั้ง ข้อมูล อะไหล่อิมพอร์ท กับสารพันของหล่อที่แต่งแต้ม มันจึงได้ผลงานหลังการบูรณะที่เข้าขั้นติดท๊อปชาร์ตไปอย่างตั้งอกตั้งใจสมเจตนา...นี่!!!...เป็นเรื่องของ “ความถึง” ที่เราขออนุญาติพาดพิงด้วยความเต็มใจ...ก่อน...เบนความสนใจไปที่ “รถตีโป่ง” หน้าตาสุดพิลึกคันล่าสุด ที่ไม่รู้เล่ห์หลกลใดดลใจให้ “โก๋อังกฤษ” ผู้นี้ฉวยโอกาสหยิบจับมันเข้าไว้เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น...สะสม!!!
⚜⚜ Goggo (ก็อกโก้)…ใช่!!!...มันอาจเป็น 2 ล้อแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาซุกในสารบพ ทว่า แท้จริงนั้น Goggo เกิดขึ้นจากพื้นฐานของโรงงานผลิต “เครื่องจักรกลกสิกรรม” มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1883 ภายใต้ชื่อ Hans Glas GmbH ที่มีฐานการผลิตหลักใน Dingolfing ของเยอรมนี ชื่อเสียงของทีมผู้บริหารของครอบครัว Isaria นั้นประสบความสำเร็จในหลากหลายธุรกิจด้านการเกษตร กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้หัวเรือรุ่นถัดมาที่กำลังร้อนวิชา หลังจากได้เดินทางมาเปิดแสดงสินค้าการเกษตรในอิตาลี Adreas Glas ผู้บริหารหนุ่มในขณะนั้นเกิดสนอกสนใจหลังจากเห็นแนวทางการทำตลาดที่ประสบความสำเร็จของ Vespa เขาเกิดไอเดีย และคิดว่าโรงงานของ Glas น่าจะเปิดไลน์ผลิตรถสกู๊ตเตอร์จำหน่ายเองบ้างในเยอรมนี
บอดี้เหล็กขึ้นรูปตีโป่ง กระโหลกไฟกลาง ที่เน้นความอลังการเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับรถเอนกประสงค์จากเยอรมนี
บอดี้ตัวรถเน้นลักษณะเป็นแท่งเหลี่ยม แต่ปรับสันมุมให้ดูโค้งมน และช่องระบายลมในหลายจุด
⚜⚜ 1951...Glas คลอดโปรโตไทป์คันแรกขนาด 98 ซี.ซี. ก่อนที่จะพัฒนาและวางขายในเชิงพาณิชย์รุ่นถัดมาด้วยเครื่องยนต์ขนาด 120 ซี.ซี. ที่ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์แบบ 2 สปีด และแทนที่มันในที่สุดด้วยเครื่องยนต์ขนาด 125 ซี.ซี. 3 สปีด แบรนด์การค้าใหม่ในนาม “Goggo” กำลังติดตลาดในเยอรมนี ซึ่งสรรนามดังกล่าวเกิดขึ้นจาก “Goggi” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของลูกชายวัยซนของ Adreas Glas นั่นเอง...และถึงจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ Glas หยิบจับมันจากแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องยนต์อิสระในเยอรมนีนาม ILO (บ้านเรามักเข้าใจว่าแบรนด์ JLO (เจโล่) แท้จริงเยอรมนีเรียกขานเป็นภาษาดัชช์ว่า “ไอโล่”)
เครื่องยนต์จากแบรนด์ผู้ผลิตอิสระ (ILO) ขนาด 197 ซี.ซี. ที่วางไว้กลางบอดี้เฟรมเหล็กขึ้นรูปค้ำกันบนสวิงอาร์มแบบคู่
เซอร์วิสหัวเทียนได้ง่าย เพราะเป็นเครื่องตั้งและวางตำแหน่งไว้ใต้เบาะ
ทว่า ก็ได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ใช้งานได้ง่าย ผสมผสานงานออกแบบที่โดดเด่น สะดุดตา ถึงมันจะดูโป่งๆ บางๆ แต่ก็เกิดภายใต้โครงสร้างเฟรมเหล็กท่อที่สอดประสานรับแรงกันอย่างลงตัว มันรับประกันเรื่องความแข็งแกร่ง ทนทาน เป็นที่ตั้ง ในไลน์การผลิตของ Goggo นั้น ในภาพรวมเรื่องงานออกแบบบอดี้แทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก รูปร่างอวบอ้วน โค้งมนไร้เหลี่ยมสัน กระโหลกไฟใต้แฮนด์เดิ้ลท่อกลวงคือเอกลักษณ์ที่ชินตา และเพราะเลือกใช้เครื่องยนต์สูบตั้งแบบ 2 จังหวะที่วางไว้กลางบอดี้ ตำแหน่งของคันเกียร์ คันเบรกหลัง จึงต้องทำงานผ่านกลไกแมคคานิค ซึ่งโยงการทำงานนั้นมาไว้บริเวณของตำแหน่งแป้นวางเท้า 🤩😍
1
ชุดซับแรงด้านหน้าเป็นคานสวิงโช้คซับ กันกระแทกด้วยลูกยาง และวางสปริงขดดึงกลับไว้ทีคานตัวยูด้านหลังอีก 1 คู่
⚜⚜ ถึงเครื่องยนต์จะมีความจุต่ำ แต่ Goggo นั้นได้รับคำขมเชยว่ามีรูปร่างหน้าตาที่สวยสดงดงาม โรงงานเองก็รับรู้ข้อมูลนี้เช่นกัน การเพิ่มความจุในห้องเครื่องยนต์จึงได้รับการปรับเซ็ทอีกครั้งในปี 1952 เครื่องยนต์ขนาดใหม่ 150 ซี.ซี. คือคำตอบนั้น ก่อนที่ 1953 เครื่องยนต์บล๊อกใหญ่ขนาด 200 ซี.ซี. ก็ถือกำเนิดขึ้น แถมยังปรับเพิ่มอรรถประโยชน์มันด้วย 3 ล้อเซอร์วิสทรัค และ 2 ล้อไซด์คาร์ ที่มีให้เลือกสรรค์ทั้งแบรนด์ของ Stolz/ Royal/ Kali/ Steib 🤩😍
สวิงอาร์มหลังแบบคานคู่โช้คซับ กัมุมมองที่เผยให้เห็นงานออกแบบคอกพิท รถแฮนด์แป๊บ กับมาตรวัดต่างๆ ที่วางไว้หลังบังลมบระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่
มุมมองที่เผยให้เห็นงานออกแบบคอกพิท รถแฮนด์แป๊บ กับมาตรวัดต่างๆ ที่วางไว้หลังบังลม
⚜⚜ 1954 มีการเพิ่มทางเลือกในรถเครื่องยนต์บล๊อกใหญ่ “200 Deluxe” รถรุ่นท๊อปมีผลิตผลออกมาให้เลือกสรรค์แตกต่างกันมากถึง 7 รุ่น ความโดดเด่นเตะตาที่ล้อหน้าหลังขนาด 10 นิ้ว (รุ่นอื่นๆ ขนาด 8 นิ้ว) นั้นสามารถสร้างจุดต่างจากแบรนด์ที่มีขายในเยอรมนีอย่าง Vespa/ Zundapp ความทันสมัยด้วยระบบสาตร์ทไฟฟ้า (เป็นออปชั่น) กับสารพันของแต่งหล่อจากผู้ผลิตอิสระก็มีพร้อมซับพอร์ท นั่นถือเป็นยุครุ่งโรจน์สุดเท่าที่ Goggo เคยคาดหวัง ไลน์การผลิตของโรงงานสามารถผลิตได้ถึงวันละ 120 คัน และกว่า 50% ยังเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกอีกด้วย...ซึ่ง!!!...ณ เวลานั้นใครจะเชื่อว่า อีกเพียง 2 ปีถัดมา Goggo จะถูกยุบไลน์การผลิตลง โดยโรงงานหันไปให้ความสนใจกับการผลิตรถยนต์ MicroCar และยุบโรงงานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ BMW…ในที่สุด!?!?! 🤩😍
ภายใต้เบาะ เป็นการจัดวางส่วนของพื้นที่ไว้อย่างเรียบง่าย ห้องเครื่อง ช่องสัมภาระ และถังเชื้อเพลิง
พื้นที่สำหรับวางเท้า และการวางตำแหน่งคานควบคุมด้วยเท้า (เบรก/ คันเกียร์)
⚜⚜⚜ Goggo 200 deluxe Production Line ⚜⚜⚜
ลำดับ ชนิด/ เครื่องยนต์ เดือน/ ปีผลิต
1 Goggo 125 07/ 1951
2 Goggo 150 04/ 1952
3 Goggo 200 03/ 1951
4 Goggo 125/2, 150/2 10/ 1953
5 Goggo 200/2 T54 10/ 1953
6 Goggo Lastenroller 12/ 1953
7 Goggo 150 T55 08/ 1954
8 Goggo 200 T55 08/ 1954
9 Goggo 125/2 T55 08/ 1954
ตำแหน่งท้ายบอดี้ เป็นแป้นยึดล้ออะไหล่ หรือจะเป็นตะแกรงสัมภาระก็ได้ไม่ว่ากัน
มุมมองที่เผยให้เห็นว่า Goggo 200 นั้นมีขนาดที่ใหญ่โต เพราะมีความยาวตัวรถเฉียดๆ 2 เมตร
☢☢☢ Small Detail ☢☢☢
🛵🛵 Goggo 200 deluxe 🛵🛵 ☢🛵⚜
ผลิต : ก.ค. 1951 - ธันวาคม 1956
เครื่องยนต์ : ILO 1 สูบ 2 จังหวะ 197 ซี.ซี. ไฟวีลล์แมกนีโต 12 V. ระบายความร้อนด้วยพัดลม
เกียร์ : 4 เกียร์ (เท้า)
แรงม้าสูงสุด : 9.5 แรงม้า
ความเร็วสูงสุด : 90 กม./ ชม.
ขนาดยาง (หน้า / หลัง) : 4.00 X 10 นิ้ว
เบรก (หน้า / หลัง) : ดรัมเบรก
ขับเคลื่อน : โซ่
ความจุเชื้อเพลิง : 12 ลิตร
อัตราสิ้นเปลือง : 100 กม./ 2.8 ลิตร
ความยาวตัวรถ : 1,900 มม.
ฐานล้อ : 1,372 มม.
น้ำหนัก : 132 กก.
น้ำหนักบรรทุก : 300 กก.
กระจกมองหลังนี่คงเป็นของแต่ง เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็น และน่าดูกว่านี้คงตอนเปิดไฟกลางคืน
อ้างอิง : THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown 🤩😍
โฆษณา