Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บ้านและสวน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
31 ม.ค. 2022 เวลา 02:00 • ท่องเที่ยว
ททท. สำนักงานกาญจนบุรี ชวนทีมงาน บ้านและสวน Explorers Club ออกไปพิสูจน์ความหวาดเสียวจนได้พบว่า “เขาช้างเผือก” ที่เคยได้ยินมาไม่จริงเท่ากับสิ่งที่เจอกับตัวเอง พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ
เส้นทางเดินป่าแห่งนี้มีระยะทางรวมไป-กลับยาวประมาณ 16 กิโลเมตร จุดสูงสุดและวิวสวยที่สุดของเขาช้างเผือกมีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,249 เมตร ในปีนี้ทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิได้เปิดเส้นทางให้นักเดินป่าที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปได้เข้าไปท่องเที่ยวจนถึงวันที่ 31 มกราคมปีนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนจะปิดฤดูกาลให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเองโดยไม่ถูกรบกวน
หลังผ่านการนั่งรถตู้ยาว 5 ชั่วโมงโดยประมาณ กับระยะทาง 300 กว่ากิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ผ่านทางหลวงหมายเลข 323 กาญจนบุรี – ทองผาภูมิ และทางหลวงหมายเลข 3272 ทองผาภูมิ - บ้านไร่ - ปิล๊อก ซึ่งบางช่วงเป็นเส้นทางลาดยางขึ้นเขาที่คดเคี้ยวทีเดียว ก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอย่างปลอดภัย ที่พวกเราเลือกค้างคืนกันที่นี่ 1 คืนก่อนเดินขึ้นเขา ก็เพราะนี่คือจุดหมายแรกที่นักเดินป่าทุกคนต้องมาลงทะเบียนและถ่ายรูปหมู่เป็นหลักฐาน ซึ่งที่ทำการจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าไปจนถึงเวลา 8 โมงตรง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะปิดรับการลงทะเบียน นั่นหมายความว่าต่อให้คุณโทร.จองเป็นหนึ่งใน 60 คน ตามโควตาสูงสุดที่อุทยานฯเปิดรับต่อวัน แต่วันนั้นเกิดคุณมาสายก็หมดสิทธิ์ไปต่อได้เช่นกัน
จากจุดลงทะเบียนในอุทยานฯ เราต้องขับรถต่อไปอีกราว 8 กิโลเมตร เพื่อไปเตรียมความพร้อมยังจุดปล่อยตัวบริเวณบ้านอีต่อง หมู่ที่ 1 ตำบลปิล๊อก ใครอยากจะจ้างลูกหาบก็เดินตรงไปที่ศาลาอเนกประสงค์ด้านหลังตลาด ส่วนใครพร้อมออกเดินทางทันทีก็เดินตรงผ่านตลาดไปยังจุดลงทะเบียนจุดที่ 2 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดกลุ่มเพื่อลำดับการเดินให้เหมาะสม โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 15 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 1 คน คอยตามประกบตลอดเส้นทาง
ใครอยากช่วยส่งเสริมรายได้ให้ชาวบ้าน สามารถจ้างลูกหาบช่วยแบกสัมภาระไม่เกิน 30 กิโลกรัมได้ สนนราคา 1,500 บาท
พร้อมลุยแล้ว
ช่วงกิโลเมตรแรก ๆ ของเส้นทางเดินป่าจะร่มรื่นหน่อย
เดินมาสักพักจะถึงจุดตรวจบัตรเขาช้างเผือก ตรวจตราเสร็จ ก็ถ่ายรูปหมู่กันอีกครั้ง
จากจุดปล่อยตัวเดินผ่านป่า ข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า พวกเราเริ่มออกเดินกันตอน 9 โมงเช้า จนไปถึงจุดกางเต็นท์บนสันเขาราวเที่ยงวัน ใครได้ขึ้นมาถึงจุดกางเต็นท์ อยากจะหยุดตรงนี้ก็ฟินมากแล้ว แต่ชั้นสูงสุดของความฟินที่มาถึงแล้วไม่อยากให้พลาด แต่ก็ไม่บังคับสำหรับคนกลัวความสูง นั่นก็คือการเดินขึ้นไปที่ยอดเขา เลยขึ้นมาจากจุดกางเต็นท์อีกไม่กี่กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จะทยอยปล่อยให้เราขึ้นไปช่วง 4 โมงเย็น และปล่อยให้กลับลงมายังจุดกางเต็นท์ก่อนฟ้ามืดเพื่อความปลอดภัย
วิวสวยตระการตาระหว่างทาง
หยุดพักเอาแรงที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ยิ่งขึ้นถึงส่วนยอด ต้นไม้ใหญ่ยิ่งน้อย
ภูเขาลูกสุดท้ายก่อนถึงจุดกางเต็นท์ ต้นไม้ที่เห็นร่มสุดแล้ว และเป็นจุดที่เย็นสบายมาก ลมพัดจนได้ยินเสียงแว่วสายลมอันไพเราะ
ทุ่งกว้างบนสันเขา จุดนี้เป็นช่วงท้าย ๆ ของเส้นทางเดินป่า จากนี้ก็เตรียมไต่เชือกลงไปยังจุดกางเต็นท์ ชันเอาเรื่องเลยละ
พวกเราทุกคนพร้อมใจกันลงความเห็นว่า จุดที่เสียวที่สุดของเส้นทางเดินป่าเส้นนี้ไม่ใช่บริเวณทางเดินแคบ ๆ ที่ขึ้นชื่อคือ “สันคมมีด” แต่เป็นจุดที่เขาเรียกว่า “ผาวัดใจ” ต่างหาก เพราะความแคบและชันของหน้าผาวัดใจ เกิดจับเชือกไม่แน่น หรือก้าวพลาดพลั้งไปก็มีสิทธิ์หล่นผาเอาง่าย ๆ เหมือนกัน แต่สบายใจได้ เพราะจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คนคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด แต่ถึงอย่างไรคนที่กลัวความสูงหรือแพ้ความชันก็ขาสั่นใจหวั่นได้ไม่ยาก แนะนำว่าอย่ามองต่ำมากถ้าใจไม่ถึง และต้องมีสติ ไม่ประมาท ที่สำคัญต้องไม่หยอกล้อกันกับเพื่อนในระหว่างทางโดยเด็ดขาด
ยอดนี้แหละคือเป้าหมายต่อไปหลังจากกางเต็นท์
มุมมองจากทางลงไปยังลานกางเต็นท์
ราว ๆ บ่ายสามโมงครึ่งหรือสี่โมงเย็น จะเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้นักเดินป่า เดินขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเขาช้างเผือก
หินสูงและชันรับประกันความเสียว
ฝ่าด่านผาวัดใจ
ความรู้สึกเมื่อผ่านด่านผาวัดใจไปได้สำเร็จ เหมือนนกโบยบิน
เนินสุดท้ายก่อนถึงจุดสูงสุดของเขา
สูง ชัน เสียว แต่คุ้มค่ามากมาย เมื่อคุณไปถึงยอด
นอนชมวิว ดูดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
จุดสูงสุดที่มองเห็นวิวเขื่อนวชิราลงกรณอยู่ไกลตา เห็นสันเขาอาบแสงตะวันอันตื่นตาและเงาปุยเมฆกลางผืนป่าตะวันตกอันตื่นใจ สวยและหวาดเสียวแค่ไหนต้องลองไปเจอกับตัวดูสักครั้ง
ได้เวลาเดินลงกลับไปยังจุดกางเต็นท์ ตอนขึ้นว่าเสียวแล้ว ตอนลงหวาดเสียวยิ่งกว่า
นั่นแหละที่เขาเรียกผาวัดใจ ตอนลงก็จะขาสั่น ๆ หน่อย
แล้วเราก็ผ่านมันมาได้
ชัน แต่ค่อย ๆ ก้าว พร้อมจับเชือกแน่น ๆ ก็ปลอดภัย
จุดนี้เหมาะกับการนั่งดูตะวันหลบหลังเขามาก ๆ
อย่ากินมื้อเช้าจนอิ่มนัก เพราะขากลับคุณต้องปีนผาชันตั้งแต่ออกตัว
ค่อย ๆ เดินลงทีละคน
ร่มไม้ที่เรารัก
รักจนต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
กาญจนบุรีเป็นจังหวัดใหญ่ มีทิวเขาและยอดเขาสวยงามไม่แพ้จังหวัดในภาคเหนือหรือโซนเขาใหญ่ หลายคนอาจมองข้ามเพราะอยากไปเที่ยวในจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าอากาศเย็น โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว แต่พวกเราชอบเมืองกาญจน์ เพราะขับรถไปได้สะดวก ไม่ไกล แต่วิวระดับโลก
ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้นอกจากจะต้องขอบคุณ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี ที่แนะนำพวกเราแล้ว ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุกคนที่นอกจากจะต้องดูแลผืนป่าขนาดใหญ่แล้ว ยังต้องมีงานดูแลนักท่องเที่ยวด้วย เป็นงานที่หนัก แต่เราสัมผัสได้ถึงมิตรภาพและความรักในงานของพวกเขาจริง ๆ อีกเรื่องที่เราประทับใจคือความแข็งแกร่งของทีมงานลูกหาบกับเป้แฮนด์แมดของพวกเขา หากไม่มีพวกเขา หลายคนอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นความสวยงามของเขาลูกนี้
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ที่พวกเราสัมผัสได้ถึงมิตรภาพและความรักในงานของพวกเขาจริง ๆ
ความแข็งแกร่งของทีมงานลูกหาบ
อุปกรณ์จำเป็นที่ควรเตรียมไป
กระเป๋าเดินป่า - ขนาดความจุ 45-50 ลิตร กำลังเหมาะ แนะนำว่าอย่าแบกน้ำหนักเกินความจำเป็น สัก 15 กิโลกรัม กำลังดี ไม่หนักเกินไป จัดเก็บของใช้ที่จำเป็นไว้ในส่วนที่หยิบจับได้ง่าย โดยเฉพาะขวดน้ำ
เต็นท์ - จำเป็นมากสำหรับนักเดินป่า ควรเลือกเต็นท์กางง่าย และน้ำหนักเบา
ทาร์ป – จำเป็น เพราะตอนกลางวันร้อนมาก เนื่องจากจุดกางเต็นท์เขาช้างเผือกเป็นลานโล่ง มีร่มไม้น้อย ยิ่งใครเดินไปถึงทีหลัง ยิ่งมีทางเลือกน้อยในการเลือกจุดกางเต็นท์จำกัด
ถุงนอน – จำเป็นมาก เพราะตอนกลางคืนจนถึงรุ่งสางอากาศค่อนข้างหนาว
แผ่นรองนอน – จำเป็นมาก หากคุณไม่อยากนอนปวดหลังบนพื้นแข็ง ๆ หลังจากเดินทางเหนื่อย ๆ แนะนำว่าควรพกแผ่นรองนอนชนิด Self - Inflating ที่มีหมอนในตัวและน้ำหนักเบา ชีวิตคุณจะดีขึ้นอีกมาก
เก้าอี้สนาม - อุปกรณ์ที่เหมือนจะไม่จำเป็นเช่นกัน แต่เชื่อเราเถอะ เก้าอี้สนามแบบพกพาช่วยให้การนั่งชมวิวหรือกินข้าวบนสันเขาของคุณสบายขึ้นจริง ๆ
เสื้อกันลม - จำเป็นสำหรับคนขี้หนาว
หมวกกันแดด - จำเป็น ยกเว้นคุณจะไม่กลัวผิวคล้ำ แบบนั้นไม่พกไปก็ไม่ว่ากัน
เสื้อแขนยาว - จำเป็นหรือไม่จำเป็น ย้อนกลับไปอ่านเหตุผลเดียวกันกับหมวก
พลั่ว - มองผิวเผินอาจคิดว่านี่คืออุปกรณ์ที่เหมือนจะไม่จำเป็น แต่เชื่อเถอะว่าจำเป็นมาก ๆ หากคุณไม่อยากใช้ห้องน้ำรวมร่วมกับคนอื่น ๆ ที่สำคัญการทิ้งซากอารยธรรมของตัวเองไว้บนพื้นผิวหน้าดินนั้นไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม ดังนั้นพลั่วพกพาสำหรับการขุดหลุมและฝังกลบจึงมีความจำเป็นในการทำให้การปลดทุกข์ของคุณไม่สร้างความทุกข์ต่อไปถึงคนอื่น หาจุดที่เหมาะสม หรือมีระยะห่างจากจุดกางเต็นท์อย่างน้อย 60 เมตร ขุดดินให้ลึกมากกว่า 20 เซนติเมตร แล้วกลบให้เรียบร้อยหลังเสร็จธุระ แนะนำให้ใช้กระดาษชำระที่ไม่มีส่วนผสมของเส้นใยพลาสติกซึ่งย่อยสลายยาก หากจำเป็นต้องใช้กระดาษชำระชนิดเปียก ใช้เสร็จควรเก็บมาทิ้งในถุงขยะส่วนตัวให้เรียบร้อย
ห้องน้ำรวม ถ้าไม่อยากใช้ร่วมกับใครก็พกพลั่วมาด้วย
ไฟฉาย หรือไฟฉายคาดหัว – จำเป็นมาก สำหรับการเดินไปเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน
ไม้เท้าเดินป่า – จำเป็น เพราะช่วยในการทรงตัวทั้งในเวลาเดินขึ้นและเดินลง ช่วยกระจายแรงไปที่แขน เบาแรงขา มีความปลอดภัย สบายยิ่งขึ้นแม้ต้องเดินนาน ๆ
อุปกรณ์สำหรับประกอบอาหาร แก๊สกระป๋อง และเตาแคมปิ้งขนาดพกพา - จำเป็นสำหรับคนที่อยากทำอาหารกินหรือต้มกาแฟดื่มในตอนเช้า
อาหาร - จำเป็นมาก คุณต้องเตรียมอาหารให้พออย่างน้อย 3 มื้อ คือมื้อกลางวันเมื่อเดินไปถึงจุดกางเต็นท์ มื้อเย็นเมื่อลงมาจากสันคมมีด และมื้อเช้าสำหรับกินเบา ๆ เอาแรงก่อนเดินกลับลงไปที่บ้านอีต่อง ใครไม่อยากแบกน้ำหนักก็พกอาหาร Freeze Dry ที่เหมาะกับการเดินป่า หรือใครอยากกินง่าย ๆ แบบเรา แนะนำให้พกข้าวเหนียวหมูทอดติดไปด้วย เพราะเก็บได้นาน อยู่ท้อง ระหว่างทางพวกเรามีกล้วยตาก ช็อกโกแลตอัดแท่ง ให้พลังงาน ไม่หนักท้อง บรรเทาความหิวได้ มีผงเกลือแร่ติดไว้ก็ดี ที่สำคัญแกะบรรจุภัณฑ์แล้วเก็บใส่กระเป๋า หรือถุงขยะไว้ อย่าทิ้งลงระหว่างทาง ช่วยกันรักษาเขาช้างเผือกให้สะอาดต่อไปด้วยนะครับ
น้ำเปล่า - ต้องพกไปคนละ 5 ลิตร มากกว่าได้ แต่ไม่ควรน้อยไปกว่านั้น แต่หากไปกันเป็นกลุ่มแบบพวกเราก็แชร์น้ำด้วยกันได้ตามความเหมาะสม อย่าลืมว่าคุณต้องพกน้ำใส่กระบอกติดตัวไว้คนละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย สำหรับดื่มในระหว่างเดินขึ้นและเดินกลับ เมื่อขึ้นไปถึงจุดกางเต็นท์ ยิ่งในตอนกลางวันที่อากาศค่อนข้างร้อนและแดดแรง แม้มีลมพัดโชยเกือบตลอด ก็ทำให้คุณหิวกระหายน้ำได้ง่าย นั่นยังไม่รวมกับน้ำที่ต้องแบ่งเอาไว้หุงข้าวหรือประกอบอาหาร รวมถึงทำธุระส่วนตัวของคุณอีกด้วย
โทร.ติดยาก เต็มไว จองไม่ง่าย และอีกสารพัดข้อจำกัดสำหรับคนที่พร้อมทั้งกายและใจแต่ไร้โชคที่จะเป็นหนึ่งใน 60 คน ตามโควตาซึ่งจำกัดจำนวนนักเดินป่าสูงสุดต่อเที่ยวหรือต่อวัน ในการขึ้นไปค้างคืนบนเขาช้างเผือก ดังนั้นทริปนี้จึงพิเศษกว่าปกติทั่วไป เพราะสามารถทำตามสัญญาที่ได้นัดหมายกับ ททท. สำนักงาน กาญจนบุรี เอาไว้ว่าจะต้องขึ้นไปยืนบนยอดเขาสูงสุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิด้วยกันให้ได้ก่อนหมดฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปีนี้เป็นผลสำเร็จ
บ้านและสวน Explorers Club x ททท. สำนักงานกาญจนบุรี ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกว่าเรามาด้วยกันตามนัด
เส้นทางเดินป่ามีระดับความสนุกหลายชั้น แต่จริง ๆ แค่ได้มากางเต็นท์ภายในที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ก็สามาถชมวิวสวยมาก ๆ ได้แล้ว ที่สำคัญอากาศเย็นสบาย ที่พักสะดวก ห้องน้ำสะอาด หรือจะไปพักต่อที่หมู่บ้านอีต่อง ชุมชนเล็ก ๆ แต่น่ารัก มีกิจกรรมทางธรรมชาติให้ทำ อยู่ได้หลายวันเลย ส่วนฤดูท่องเที่ยวเขาช้างเผือกนั้นจะเปิดในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี สนใจติดต่อสอบถามได้ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร. 03-451-0979 หรือติดตามข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่ >>
http://portal.dnp.go.th
หรือเฟซบุ๊กอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ >>
https://bit.ly/35v55Mf
EXPLORERS: เจ, เต้, บาส, ต้น, เฟี้ยต, หมวย, แพรว และทีม ททท. สำนักงานกาญจนบุรี
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ >>
https://bit.ly/3u2qXZF
จุดประกายความเป็นนักท่องโลกในตัวคุณ เข้าไปชมไลฟ์สไตล์เอ๊าต์ดอร์สนุกๆได้ที่
https://explorersclub.baanlaesuan.com
และ
www.facebook.com/ExplorersClub
1
เขาช้างเผือก
เที่ยวเมืองกาญจน์
กาญจนบุรี
4 บันทึก
13
2
9
4
13
2
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย