27 ม.ค. 2022 เวลา 16:06 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📼 รู้จักหลักการ 3 ข้อ ในการลงทุนของ Warren Buffet 📼
แอดขอสารภาพว่า ตอนแรกแอดเขียนเรื่องบทความพื้นฐานการลงทุนในอุตสาหกรรมค้าปลีกไว้และเขียนไว้ยาวในระดับนึง แต่ดันมือลั่นไปปิดโปรแกรมแล้วไม่ได้ Save ข้อมูลเลยหายหมด T_T
แอดเลยมาสรุป 3 หลักงานง่ายๆ ในการลงทุนของ Warren Buffet แทนครับ และแอดขอจัดให้อยู่ซีรีย์ #พื้นฐานลงทุนลงดอย
Buffet เริ่มลงทุนในหุ้นครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 11 ปี โดยยังไม่มีหลักการลงทุนอะไรเลย โดยอาศัยดูกราฟเป็นหลัก โดยทำแบบนี้จนถึงอายุ 19 และแน่นอน Buffet ได้กำไรน้อยมาก!!!
และในตอนอายุ 19 ปีนี้เอง Buffet ได้อ่านหนังสือ The Intelligent Investor ของ Benjamin Graham จนได้หลักการในการลงทุนออกมาเป็น 3 ข้อง่ายๆ และนี่หลักการเหล่านี้ก็เป็นพื่นฐานในการลงทุนของ Bufett มาตลอด
===================
1. มองหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ
===================
เราให้คุณค่าธุรกิจ โดยต้องดูประเภทของธุรกิจที่เราไปลงทุน ดูความเก่งของคู่แข่ง ดูความสามารถของผู้บริหาร สุดท้ายเราต้องตอบคำถามให้ได้ธุรกิจนี้มีคุณค่าอะไรเราถึงเข้าไปลงทุน?
=====================
2. อย่าตกเป็นเหยื่อของ Mr Market
=====================
คนส่วนมากจะรู้สึกดีเมื่อหุ้นขึ้น แต่จะรู้สึกแย่เมื่อหุ้นลง โดยมี Mr Market เป็นคู่หูในการลงทุนที่มีความผูกพันกับเราไปตลอด ซึ่งเราจะเจอนายคนนี้ทุกวัน และทุกวันๆนายคนนี้จะมาบอกราคาเสนอซื้อหรือเสนอขายธุรกิจให้กับเรา
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีคนที่ไหนมาบอกราคาแบบนี้กับเราหรอก เพราะฉะนั้นจงจำไว้ว่า Mr Market ไม่ใช่คนปกติ เป็นพวกแปลกประหลาดที่วันๆตะโกนแต่ราคาหุ้นทุกตัวในตลาด และเราจะไปใส่ใจกับคนแบบนี้ทำไม? เราไม่มีความจำเป็นต้องไปให้ค่ากับ Mr Market
แต่เราจงใช้ประโยชน์จาก Mr Market ในวันที่ Mr Market หดหู่หรือซึมเศร้าแบบสุดๆ ซึ่งมักจะมีปีละครั้ง หรือ 5 ปีครั้ง
ตลาดหุ้นไม่ได้อยู่เพื่อสั่งให้เราทำอะไรแต่ตลาดหุ้นมีไว้เพื่อให้รับใช้เราเท่านั้น เมื่อคุณต้องการให้รับใช้
สิ่งที่ยากคืออย่ามีอารมณ์ร่วมไปกับตลาดหุ้น เพราะหุ้นไม่รู้ว่าเราเป็นเจ้าของมัน ยกตัวอย่างถ้าเรามีหุ้น Central และเดินไปซื้อของที่ Central เชื่อไหมว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเราเป็นเจ้าของ Central และหุ้นจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นเจ้าของมัน เพราะฉะนั้นหุ้นไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเราหรอก แล้วเราไปจะไปมีความรู้สึกกับหุ้นทำไม ให้เรามองหุ้นเป็นแค่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเท่านั้น
และให้มองธุรกิจโดยที่ไม่ต้องสนใจราคา เพราะว่าถ้าเราดูราคา มันจะมีอิทธิพลต่อเราในการหามูลค่าของธุรกิจ
===============
3. รู้จัก Margin of Safety
===============
ให้สมมุติว่าเรากำลังผ่านสะพานที่มีป้ายรับน้ำหนักได้ 10,000 ปอนด์ และเรากำลังขับรถบรรทุกที่หนัก 9,800 ปอนด์ เราเลยเลือกไปข้ามสะพานอื่นแทนเพื่อความปลอดภัย แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้หรอกว่า จริงๆแล้วสะพานรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เราควรจะมี Margin of Safety ทุกครั้ง
==============
การหาบริษัทที่น่าลงทุน
==============
ให้เราลองสมมุติว่า ขณะเรากำลังเดินอยู่ในอยู่ในกรุงเทพ และมีชายชราหนึ่งเดินมาให้เงินเราพร้อมกับเงื่อนไข ว่าเราต้องนำเงินนี้ไปซื้อบริษัท 3 แห่งภายใน 7 วัน และและต้องถือมันไปตลอด แต่ถ้าหากทำไม่ได้เราต้องนำเงินไปคืนชายชราคนนี้ เราจะทำยังไง?
Buffet ไม่แนะนำให้เราเลือกบริษัท/อุตสากรรมที่ดีที่สุด แต่แนะนำให้เราตัดบริษัท/อุตสาหกรรมที่ไม่ดีออกไปแทน โดยให้เราตัดบริษัท/อุตสาหกกรรมที่;
1. ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักผู้บริหาร ไม่รู้จักสถานการณ์การแข่งขัน
2. ไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
3. ไม่ใช่ปราสาทที่มีคูเมืองล้อมรอบ เพราะว่าโลกทุนนิยม คือระบบเปิดโอกาสให้คนสร้างปราสาทมาแข่งกับคุณ
ยกตัวอย่าง ถ้าเราเปิดร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จ วันหนึ่งอาจจะมีร้านอาหารร้านใหม่เข้ามาเปิดแข่งโดยมีเมนูที่เหมือนกันแต่ราคาถูกกว่า และยังดึงเชฟจากร้านเราไปอีก นี่คือ ตัวอย่างของระบบโลกทุนนิยม
เพราะฉะนั้นให้เราลองหาธุรกิจที่มีคูเมืองที่กว้างล้อมรอบปราสาท เช่น บริษัทที่มีสิมธิบัตรที่คนอื่นไม่มี หรือตั้งอยู่ในทำเลที่คู่แข่งเข้ามาได้ยาก หรือแม้กระทั่งเป็นสินค้าที่อยู่ในใจของคนส่วนใหญ่ และต้องการผู้บริหารมีความสามารถและซื้อสัตย์มาบริหาร จากนั้นคุณต้องซื้อมันในราคาสมเหตุสมผล และนี่คือสิ่งทั้งหมดที่เราต้องมองหา
ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ 😄
โฆษณา