"เจ้าสัวเจริญ" กับความฝันธุรกิจการเงิน
วิกฤติต้มยำกุ้งเสีย "ธนาคารมหานคร"
วิกฤติโควิดต่อลมหายใจ "อาคเนย์"
ธุรกิจธนาคารและการเงินเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" สนใจและทำให้ในปี 2529 เจ้าสัวเจริญที่สะสมทุนจากธุรกิจสุราได้พอสมควรได้ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจธนาคารและการเงินด้วยการเข้าซื้อหุ้นของธนาคารมหานคร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ และบริษัทอาคเนย์ประกันภัย จำกัด
ว่ากันว่า "ดีล" ในธุรกิจการเงินนี้เจ้าสัวเจริญได้รับความช่วยเหลือจาก "เจ้าสัวกึ้งจู แซ่จิว" ผู้เป็น "พ่อตา" ที่นอกจากจะมีบทบาทในการเจรจาธุรกิจแล้ว ยังเป็นผู้ถ่ายทอดกลยุทธ์การทำธุรกิจให้กับเจ้าสัวเจริญ โดยเฉพาะคำสอน 4 คำภาษาจีน ที่ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สรุปจากคำให้สัมภาณ์ของเจ้าสัวเจริญ คือ
เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี
ยิ่ม หรือ ความอดทนที่จะทำให้สำเร็จและบรรลุตามเป้าหมาย
เหยียง หรือ ความเสียสละที่จะทำให้พ้นภัย
แจ๋ หรือ ความเงียบ สุขุม ทำให้เกิดปัญญา
ลัก หรือ ความร่าเริง จะมีสุขอายุยืน
ธนาคารมหาคร เป็นอีกธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 จนถูกควบรวมกิจการกับธนาคารกรุงไทยในปี 2541
ในขณะที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ จำกัด (มหาชน) ที่ตะกูลสิริวัฒนภักดีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถูกสั่งระงับดำเนินการร่วมกับ 42 ไฟแนนซ์ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2540 ทำให้ธุรกิจการเงินของเจ้าสัวเจริญเหลือเพียง "อาคเนย์ประกันภัย" ที่รอดพ้นจากวิกฤติต้มยำกุ้ง
ย้อนไปเมื่อ 75 ปี ที่ผ่านมา "อาคเนย์ประกันภัย" ดำเนินธุรกิจประกันภัยในไทย โดยเหตุผลสำคัญของการเข้ามาทำธุรกิจประกันภัยเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อบริษัทประกันภัยต่างชาติได้เลิกกิจการในไทยและทิ้งความคุ้มครองไว้
"อาคเนย์ประกันภัย" เป็นการรวมทุนของ 3 ฝ่าย คือ เชื้อพระวงศ์ อดีตขุนนางและนักธุรกิจ ได้ร่วมกันตั้งบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2489 เริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัย (อัคคีภัย)
ต่อมาจึงขยายไปสู่กิจการประกันชีวิตในปี 2493 โดยมีสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ทรงเป็นผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตฉบับแรก
ในปี 2535 เมื่อมีการตรา พ.ร.บ.ประกันชีวิตและประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 กำหนดให้แยกธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากธุรกิจประกันชีวิต ในขณะนั้นการกำกับดูแลกิจการประกันอยู่ในความดูแลของกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์
ทำให้บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด ต้องแยกเป็น 2 บริษัท ในปี 2543 คือ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย (2000) จำกัด ดำเนินกิจการประกันวินาศภัย และบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด ดำเนินกิจการประกันชีวิต
ปี 2547 เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญเมื่อ บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEG ของเจ้าสัวเจริญ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทประกันทั้ง 2 แห่ง
ปัจจุบัน ส่วน บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจประกันชีวิตสามัญ ประกันชีวิตกลุ่ม และประกันชีวิตธุรกิจสถาบัน (บริษัทนี้ไม่เกี่ยวกับประกันโควิด เจอ จ่าย จบ)
ปัจจุบัน บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจการรับประกันภัยทางตรง ครอบคลุมการประกันอัคคีภัย การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง การประกันภัยยานยนต์ การประกันภัยเบ็ดเตล็ด และการประกันภัยต่อ ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้ามารับประกันภัยโควิด "เจอ จ่าย จบ"
ล่าสุดคณะกรรมการ SEG ที่ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีมติให้เลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2565 แต่ยังถูกคณะกรรมการกำกับกิจการประกันภัย (คปภ.) ยื้อไว้
บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบจากการออกกรมธรรม์โควิด "เจอ จ่าย จบ" ในขณะที่ก่อนหน้านี้ คปภ.มีประกาศไม่ให้บริษัทประกันยกเลิกกรมธรรม์ดังกล่าว และทำให้บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอเพิกถอนประกาศฉบับนั้น และศาลรับคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2565
การยื่นฟ้องครั้งนี้มีโจทก์ร่วม คือ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทลูกอีกแห่งของ SEG
หากพิจารณาผลดำเนินงานของบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) อยู่ในระดับที่ไม่ดีนักเพราะขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี และมามีกำไรในปี 2563 ที่มีการขายกรมธรรม์โควิด "เจอ จ่าย จบ" ส่วนปี 2564 ยังไม่ส่งงบการเงินให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 108.00 ล้านบาท
ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 126.07 ล้านบาท
ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 958.84 ล้านบาท
ปี 2563 กำไรสุทธิ 51.33 ล้านบาท
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมผลดำเนินงานย้อนหลังของ SEG ที่เป็นบริษัทแม่ในปี 2561-2564 จะเห็นว่าเริ่มขาดทุนในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงจากสายพันธุ์เดลต้า และทำให้ต้องมีการจ่ายสินไหมทดแทนให้ผู้ซื้อประกันโควิดจำนวนมาก รายละเอียดของผลดำเนินงาน ดังนี้
ปี 2561 กำไรสุทธิ 998.10 ล้านบาท
ปี 2562 กำไรสุทธิ 304.92 ล้านบาท
ปี 2563 กำไรสุทธิ 728.45 ล้านบาท
ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 269.54 ล้านบาท
ในแง่การบริหารถือว่าตระกูลสิริวัฒนภักดี มีบทบาทสำคัญใน SEC โดย "เจริญ สิริวัฒนภักดี" เป็นประธานกรรมการ , คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี เป็นรองประธานกรรมการ และฐาปน สิริวัฒนภักดี เป็นกรรมการ
ในขณะที่ในบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) "ฐาปน สิริวัฒนภักดี" เข้ามานั่งเป็นรองประธานกรรมการ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา อาคเนย์ประกันภัยต้องจ่ายสินไหมโควิดไปแล้วถึง 9,900 ล้านบาท และเจ้าสัวเจริญใส่เงินจำนวนมากเพื่อต่อลมหายใจให้กับอาคเนย์ประกันภัย จนทำให้ยอมตัดสินใจขอยกเลิกทำกิจการประกันวินาศภัย
ปัจจุบันธุรกิจการเงินของเจ้าสัวเจริญ ยังคงมีธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจลีสซิ่ง ที่ดำเนินการผ่านผ่านบริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด ซึ่ยังมีแผนผลักดันธุรกิจการเงินดังกล่าวต่อให้ก้าวข้ามวิกฤติโควิดไปให้ได้ หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 ต้องสูญเสียธนาคารมหานครและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ
- 92
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
