Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
THE MONEY GAME by Tanin Kunkamedee
•
ติดตาม
30 ม.ค. 2022 เวลา 13:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุนแบบ Value averaging 💡
ซื้อเยอะเมื่อราคาร่วง และซื้อน้อยเมื่อราคาเพิ่ม
นักลงทุนทุกคนต้องเคยได้ยินว่าถ้าจะทำกำไรจากหุ้น ต้องซื้อถูก-ขายแพง แต่ในชีวิตจริงนั้นเรามักจะ ซื้อแพง และไปขายถูกซะมากกว่า 😅, แล้วจะมีแผนการลงทุนไหนที่จะสามารถทำให้เราปฏิบัติตรงกันข้ามหรือเปล่านะ?!
ดังนั้นวันนี้ผมขอมาแชร์อีก 1 กลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจ ที่จะทำให้เราซื้อถูกและขายเมื่อหุ้นแพง กลยุทธ์นี้ชื่อว่า “Value averaging”
Value averaging คืออะไร?
Value averaging (VA) เป็นการลงทุนสม่ำเสมอเป็นงวด ๆ เช่นเดียวกับการลงทุนแบบ DCA เช่น ลงทุนรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี แต่จะต่างกันที่การลงทุนแบบ VA จะกำหนด”มูลค่าของพอร์ตการลงทุน” แทนการกำหนด “เงินลงทุน”
ตัวอย่าง
เป้าหมายการลงทุนคือ มูลค่าเงินในพอร์ตจะเพิ่มขึ้นปีละ 10,000 บาท ไม่ขาด ไม่เกิน
ปีแรก มูลค่าของพอร์ตเรายังคงเป็น 0 ดังนั้นเราต้องลงทุนเพิ่ม 10,000 บาทเพื่อที่จะให้มูลค่าพอร์ตก็จะเท่ากับ 10,000 บาท
ปีที่สอง, สมมุติว่าหุ้นราคาขึ้น ทำให้มูลค่าพอร์ตเดิมจากเดือนที่แล้ว 10,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 บาท ตามกลยุทธ์นี้ในปีที่ 2 เราจะต้องลงทุนเพิ่มเพียง 8,000 บาท เพื่อที่จะให้มูลค่าพอร์ตของเราเป็น 20,000 บาท ตามแผนที่จะให้มูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้น 10,000 บาททุกปี
แล้วถ้ามูลค่าก่อนปรับพอร์ตนั้นเกินเป้าที่เราตั้งไว้ ต้องทำอย่างไร?
ยกตัวอย่างเช่น ในปีที่ 5 เป้าหมายมูลค่าพอร์ตการลงทุนของเราคือ 50,000 บาท แต่มูลค่าพอร์ตการลงทุนของเราก่อนปรับพอร์ตคือ 51,000 บาท สิ่งที่เราต้องทำคือ ขายสินทรัพย์ออกมูลค่า 1,000 บาท เพื่อให้มูลค่าพอร์ตเราเป็นไปตามเป้านั่นเอง
ดังนั้นจะสรุปได้ว่า
หากมูลค่าพอร์ตเกินที่กำหนดไว้ = ขาย
หากมูลค่าพอร์ตต่ำกว่าที่กำหนดไว้ = ซื้อเพิ่ม
ทำไปเรื่อยๆเพียงเท่านี้เราก็จะได้ซื้อหุ้นมากในช่วงที่ตลาดตก และซื้อน้อยลงหรือได้ขายในช่วงเวลาที่ตลาดกำลังขึ้น
แล้วผลตอบแทนเป็นอย่างไร?
หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทน, ในระยะเวลาเท่ากัน การลงทุนแบบ VA ค่อนข้างจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนแบบ DCA
แต่! หากเปรียบเทียบผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินระยะยาวแล้วมักจะน้อยกว่าวิธีการ DCA, เพราะการลงทุนแบบ DCA เราจะได้ใส่เงินเข้าไปทุกๆเดือนทำให้มี position และการถือครองหุ้นที่เยอะกว่า ต่างจาก VA ที่หากพอร์ตขึ้นไปเยอะ การซื้อหุ้นเพิ่มก็จะน้อยตาม
แล้ว VA จะเหมาะกับใคร?
แน่นอนว่าวิธีการนี้คงไม่เหมาะกับการเทรดหรือถือระยะสั้นๆ หากจะให้ผลตอบแทนออกดอกออกผลมากที่สุดจะต้องเป็นการลงทุนระยะยาว และวิธีนี้เองก็เหมาะกับคนที่วินัยในการลงทุนสูง
⚠️ความเสี่ยงและข้อควรระวัง!⚠️
1. สินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นจะต้องเป็นขาขึ้นในระยะยาว, หากเป็นหุ้นควรเป็นหุ้นพื้นฐานดี เพราะหากเป็นขาลงยิ่งร่วง เราต้องยิ่งซื้อเพิ่ม หากร่วงไปเรื่อยๆ ดูไม่จืดแน่ๆครับ
2. อาจจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของเราเอง เพราะบางครั้งหากสินทรัพย์ที่เราลงทุนราคาร่วงหนัก ซึ่งทำให้มูลค่าพอร์ตเราต่ำกว่าที่เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้มาก เราก็จำเป็นจะต้องใส่เงินเยอะเพื่อที่จะให้มูลค่าพอร์ตเรากลับไปเป็นตามเป้าหมาย
References
https://www.investopedia.com/terms/v/value_averaging.asp
https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/262-dca-or-va
https://seekingalpha.com/article/4436821
กลุ่มคุยหุ้นFB "เศรษฐีหุ้นnewgen":
https://www.facebook.com/groups/306733624287404
เพจFacebookของผมเอง:
https://www.facebook.com/Themoneygamebytaninkunkamedee
ติดต่องานได้ที่ผ่านinbox page FB:
https://www.facebook.com/Themoneygamebytaninkunkamedee
หรืออีเมล:
tar747@gmail.com
contact email:
tar747@gmail.com
หุ้น
การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน
3 บันทึก
1
2
3
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย