31 ม.ค. 2022 เวลา 10:50 • ธุรกิจ
เรียนรู้เทคนิค สร้างแครักเตอร์ให้เป็นตำนาน ของผู้สร้าง Hello Kitty
หลายคนต้องเคยรู้จักและได้ยินชื่อของ Hello Kitty อย่างแน่นอน เธอถูกสร้างขึ้นในปี 1974 โดยบริษัท Sanrio ประเทศญี่ปุ่น
Hello Kitty นับว่าเป็นตัวละครที่โด่งดังมาก เพราะไม่ว่าจะไปจับมือกับใครก็ได้รับการตอบรับที่ดีเสมอมา และถึงแม้ว่าเธอจะปรากฏตัวมาแล้วเกือบ 50 ปี แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากแฟนคลับอยู่เสมอ
แล้วบริษัท Sanrio ทำอย่างไรถึงทำให้ Hello Kitty รวมถึงแครักเตอร์อื่น ๆ ในเครือ เป็นตำนานได้ขนาดนี้ ?
THE BRIEFCASE จะสรุปเป็นประเด็นให้ฟัง
โดยเทคนิคที่บริษัท Sanrio ใช้ในการทำการตลาด และสร้างแครักเตอร์ต่าง ๆ ให้เป็นตำนาน สรุปออกมาง่าย ๆ ได้ 4 เทคนิคด้วยกัน นั่นก็คือ
1. ธุรกิจที่สำเร็จต้องทำการตลาดเชิงรุก และพัฒนาแบรนด์อยู่เสมอ
การปรับเปลี่ยนสินค้าให้ทันสมัยขึ้น ไม่ใช่ความคิดที่แย่ และไม่ได้เป็นเพียงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจที่ตายแล้วเท่านั้น แต่เป็นการทำให้บริษัทเห็นทิศทางของอนาคตมากขึ้น
นั่นทำให้ Sanrio ที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างแครักเตอร์ Hello Kitty ต่อยอดเชิงรุก ไปพัฒนาแครักเตอร์อื่น ๆ ที่มีเอกลักษณ์ และเรื่องราวเป็นของตัวเองขึ้นมาอีกหลายตัว เช่น กบเคโระ (Kerokerokeroppi), เจ้าไข่จอมขี้เกียจ (Gudetama) และเจ้าหมาซินนามอโรล (Cinnamoroll)
Sanrio พบว่า การเติบโตของธุรกิจการสร้างตัวละครไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคิดถึงของเหล่าแฟนคลับเพียงอย่างเดียว เพราะการพัฒนาตัวละครเพื่อหาแฟนคลับใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทได้เหมือนกัน
2. อย่ากลัวที่จะทดลอง
แน่นอนว่าการพัฒนาแบรนด์จำเป็นต้องใช้เงินทุนเยอะขึ้น จึงทำให้บางบริษัทเลือกที่จะไม่พัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับพบว่าสินค้าเหล่านั้นล้าสมัยและไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้อีกต่อไป..
Sanrio ได้ใช้แนวคิดที่หลากหลายเพื่อขยายแบรนด์ไปสู่ตลาดใหม่ ๆ เช่น การสร้าง Hello Kitty Men ในตลาดสหรัฐอเมริกา หรือการสร้างคาเฟในแคลิฟอร์เนีย และก็ยังคงความพยายามในการสร้างตัวละครใหม่ ๆ ขึ้นมา จนทำให้สามารถเจาะกลุ่มตลาดใหม่ ๆ ได้
3. อย่าลืมฐานแฟนคลับปัจจุบัน
หลายบริษัททำการพัฒนาหรือรีแบรนด์ โดยมองข้ามฐานแฟนคลับปัจจุบัน ถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมาก เพราะในบางทีการเปลี่ยนสิ่งเดิมที่คนชอบอยู่แล้ว อาจเป็นการทำลายเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ไปโดยไม่รู้ตัว..
Sanrio ยังคงให้ความสำคัญกับฐานแฟนคลับของคิตตี้เหมือนเดิม แม้เวลาจะผ่านไปเท่าไรก็ตาม ซึ่งจะเห็นได้จากการจัดงานฉลองครบรอบ 45 ปีของคิตตี้
และในอนาคตเราอาจเห็นงานฉลองครบรอบ 50 ปีของเธออีกก็ได้..
4. ปากต่อปาก เป็นเครื่องมือการโฆษณาที่ยั่งยืน
สิ่งที่น่าสนใจคือ Hello Kitty ไม่ได้ใช้การโฆษณาในรูปแบบเดิม ๆ แต่กลับใช้การโฆษณาในรูปแบบปากต่อปาก ส่งผลให้ Hello Kitty ได้รับความนิยม และสามารถสร้างมูลค่าได้อย่างยาวนาน
เช่น การที่ Sanrio เจ้าของ Hello Kitty ไม่ได้ใช้การทำโฆษณาตรง ๆ
แต่เน้นไปที่การทำงานร่วมกับเหล่าคนดัง อย่าง Lady Gaga, Britney Spears และ Mariah Carey โดยการสนับสนุนเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับถ่ายรูป
แม้กระทั่ง Avril Lavigne ยังตั้งชื่อเพลงว่า Hello Kitty จนทำให้บรรดาแฟนคลับ ทั้งแฟนคลับศิลปินและแฟนคลับของ Hello Kitty เองพูดถึงกันแบบปากต่อปาก
ในปัจจุบันตัวละครที่เกิดขึ้นภายใต้ครอบครัวของ Sanrio มีมากถึง 80 ตัวด้วยกัน แต่ละตัวถูกสร้างให้มีเรื่องราวที่แตกต่างกัน รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพื่อตอบสนองความชอบที่หลากหลายของผู้คน
ผลการโหวตอันดับในปี 2020 ปรากฏว่า
อันดับ 1 คือ ซินนามอโรล ได้คะแนนโหวตมากถึง 1,387,152 คะแนน
อันดับ 2 คือ ปอมปอมปุริน 1,288,245 คะแนน
อันดับ 3 คือ โปเชโกะ 1,013,927 คะแนน
ในส่วนของคิตตี้ที่เป็นตัวละครยุคบุกเบิกของครอบครัว Sanrio ตกไปอยู่ที่อันดับ 5 ด้วยคะแนน 839,904 คะแนน แต่ถ้ามองไปที่ตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา คิตตี้ ก็ยังเป็นอันดับ 1
แต่ครอบครัว Sanrio ไม่ได้มีเพียงแค่ความคาวาอีเท่านั้น
ในปี 2010 ได้มีการสร้างตัวละครที่เกรี้ยวกราดและแตกต่างจากแนวเดิม นั่นก็คือ อั๊กเกรทซูโกะ (Aggretsuko) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ตัวละครที่เกิดมาเพื่อเอาใจวัยทำงานจริง ๆ
อั๊กเกรทซูโกะ คือผู้หญิงวัย 25 ปี ที่ต้องเจอกับความเครียดในที่ทำงาน และระบายออกมาด้วยการร้องเพลงเดทเมทัล เป็นตัวละครแนวเสียดสีสังคมการทำงานนั่นเอง
นอกจากนี้ Sanrio ยังจับมือกับ Netflix เพื่อสร้างแอนิเมชันให้กับ อั๊กเกรทซูโกะ และเริ่มออกอากาศในปี 2018 เนื่องจากผลตอบรับที่ดีทำให้มีการสร้างซีซันเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี และล่าสุด ซีซัน 4 ก็เพิ่งจบลงไปเมื่อปลายปี 2021 ที่ผ่านมา
ต้องมาดูกันว่า เส้นทางของบริษัท Sanrio และอาณาจักรของ Hello Kitty จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้
แต่ก็เชื่อว่า แม้วันเวลาจะผ่านไป เอกลักษณ์ความน่ารักสดใสของ Hello Kitty รวมถึงแครักเตอร์อื่น ๆ ของ Sanrio ก็น่าจะยังเป็นตำนานครองใจ ใครหลายคนไปอีกนาน..
References
โฆษณา