1 ก.พ. 2022 เวลา 02:33 • ความคิดเห็น
ไม่ทราบว่าครอบครัวน้องเป็นแบบไหน มันขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูของพ่อแม่เราด้วย ถ้าเขาเป็นแบบประเภทใช้อํานาจชอบควบคุม มันก็จะยากหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบอลุ่มอล่วยก็ยังพอคุยได้
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผมเชื่อว่าพ่อแม่ก็ยังรักลูกเสมอและพร้อมจะให้อภัย พ่อแม่บางคนรักลูกมากแต่แสดงออกไม่เป็น ลูกจึงมองไม่เห็นถึงความรักนี้ ความคาดหวัง ความหวังดีบางอย่าง ลูกก็จะไม่เข้าใจว่าเป็นความรักของพ่อแม่ เป็นช่องว่างระหว่างวัยเหมือนกับที่หลายคนบอก ผมเข้าใจความรู้สึกน้อง เพราะผมก็มีลูกที่คิดคล้ายๆกับคุณ ในทางกลับกันผมก็เข้าใจความรู้สึกพ่อแม่ของน้องเช่นกัน เพราะเขาผ่านประสบการณ์มามากทั้งชีวิต เขาอยากให้น้องประสบความสําเร็จในแบบที่เขาพิสูจน์หรือเห็นมาแล้ว เช่นอยากให้ลูกเป็นหมอ เป็นวิศวกร หรืออาชีพอื่นๆที่มั่นคง เขาไม่อยากให้ไปเป็นนักกีฬา eSports, ทํา contentsบน เน็ตหรือเล่น crypto เพราะเขาเห็นว่าเป็นอาชีพ ฉายฉวยไม่มั่นคง
ดังนั้นน้องลองพิจารณาดูว่า ที่เห็นไม่ตรงกัน ความคาดหวังไม่ตรงกัน มันคือเรื่องอะไรกันแน่? ถ้าน้องโตเป็นผู้ใหญ่พอ เราจะไม่เอาอารมณ์หรือความรู้สึกเป็นที่ตั้งแต่เราจะใช้เหตุผลในการพิจารณาดู ถ้าสิ่งที่พ่อแม่บอกให้ทําหรือให้เป็น น้องเห็นว่ามันไม่เข้าท่า หรือไม่ชอบ น้องต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะอธิบายให้พ่อแม่น้องเข้าใจ น้องต้องยกตัวอย่างหรืออธิบายได้ว่าน้องจะประสบความสําเร็จในเส้นทางของน้องได้ยังไง ผมเชื่อว่าพ่อแม่เขารับฟัง หาช่วงจังหวะเวลาดีๆ เวลาที่เหมาะสม เช่น เวลากินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เปลี่ยนความน้อยใจเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะพิสูจน์ให้เขาเห็นดีกว่า ปัญหามันอยู่ที่ว่า น้องจะทําได้หรือไม่? ทําให้เห็นว่า เราไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไป เราพร้อมที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า และเชื่อเถอะการน้อยใจ หนีออกจากบ้าน หรือทะเลาะกัน มันไม่ช่วยอะไรได้มากหรอก กลับจะเป็นปมปัญหาคาใจกันปล่าวๆ
โฆษณา