4 ก.พ. 2022 เวลา 02:32 • ยานยนต์
☢️☢️☢️ 1936 DKW SB200 ☢️☢️☢️
⚜️⚜️ แนวทาง “2 ล้อมวลชน” จากกลุ่ม Auto Union ⚜️⚜️
🚀🚀 มันแปลกตาดี...รถเยอรมนี “เฟรมปั๊ม” บ้านเรานั้นเผยตัวออกมาให้เห็นค่อนข้างยาก “คันนี้” เพื่อนฝรั่งคนหนึ่ง ขุดมันขึ้นจากกรุ...“มรดก” ตกทอดผ่านเจเนเรชั่นที่ก็ต้องการขัดเกลามันให้โดดเด่นเตะตา เหมือนเมื่อครั้งที่ถูกถอยเอี่ยมออกห้างหรู ข้อมูลอ้างอิงจากหลายแหล่งข่าวถูกรวบรวมอ้างถึง ในขณะที่ทีมบูรณะที่ได้รับการไหว้วานก็อาสา กอบๆ โกยๆ ให้เป็นชิ้นงานตามประสาเซียนเจนสนาม...พักใหญ่!!!...“ทีมปั้น” และ “ทีมข้อมูล” ก็ปรับจูนมาตรงกัน เลขเครื่องยนต์ เลขเฟรม และ เพลทคอ ถูกใช้เป็นกุญแจไขรหัสที่ถูกซุกซึมไว้หลายซีกโลก “ผม” ทำหน้าที่ถอดความผ่าน “รหัสอราบิค” จนรู้ตื้นลึกว่าโมเดลนี้คือ...DKW SB200 ปี 1936…!?!?!
มุมมองสุดพิสมัยในแบบฉบับของเยอรมนี หน้าปสริง เฟรมปั๊ม 2 พอร์ท เกียร์มือ
🚀🚀 DKW หนึ่งในกิจการเครื่องจักรกลหนักของเยอรมนีนาม Dampf-Kraft-Wagen โปรดักส์ที่เปิดตัวครั้งแรกนั้นเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงบนโครงสร้างที่แสนเบา โรงงานของ DKW นั้นประสบความสำเร็จด้านยานยนต์อย่างมากในช่วงปี 1916-1930 ทว่า ก็เริ่มให้ความสนใจกับตลาดรถจักรยานยนต์แบบ 2 จังหวะมาตั้งแต่ปี 1928 ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกแรกที่พัฒนานั้น ใช้ชิ้นส่วน อุปกรณ์จากรถยนต์นั่นเอง...
🚀🚀 1932 DKW ควบรวมกิจการกับ Audi, Wanderer และ Horch ซึ่งรู้จักกันในนามกลุ่ม Auto Union ทำการผลิตจักรยานยนต์เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะหลากหลายโมเดลออกสู่ตลาดเยอรมนี และไม่ลืมสร้างมันแบบพิเศษเพื่อเข้าสู่การแข่งขันในเวทีโลกเฉกวิถีของ 2 ล้อที่ควรจะถือเป็นธรรมเนียมเปิดตัวในตลาดโลก ซึ่งนั่นก็เรียกว่าสามารถสร้างชื่อเสียงให้รถแบรนด์นี้ติดตลาดโลกได้อย่างไม่ยากเย็นนัก...หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) เยอรมนีถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย กลุ่มของ Auto Union แยกย้ายกันไปคนละทิศทาง พร้อมกับเหน็บแบบการผลิตจาก DKW ไปด้วยเช่นกัน...IFA คือแบรนด์การค้าในเยอรมนีตะวันออก (East Germany) ในขณะที่ DKW เปลี่ยนฐานการผลิตมาอยู่ที่ Zschopau เยอรมนีตะวันตก (West Germany) แบรนด์การค้าทั้ง DKW และ MZ คือในเบิกทาง
หน้าสปริงที่แข็งแกร่งขึ้น (ใช้ปี 1936-1938) กระโหลกไฟ/ ไมล์ลอย แตรกลางเฟรม คือภาพลักษณ์ที่เด่นชัดของโมเดลปี 1936
เครื่องยนต์พอร์ทไอเสียคู่ขนาด 190 ซี.ซี. รหัส “T200” คือขุมพลังขับเคลื่อน ด้านบนจะเห็น “ยกวาล์ว” สำหรับคายแรงอัดในห้องเผาไหม้
🚀🚀 ไลน์การผลิตหนึ่งที่เราสนใจถูกโฟกัสไปที่เครื่องยนต์พอร์ทไอเสียคู่บล๊อก “T” ที่ทำการผลิตในปี 1933-1938 โครงสร้างเฟรมเหล็กปั๊มขึ้นรูปสอดประสาน และยึดติดด้วยน็อตร้อยคือเอกลักษณ์ของแบรนด์การค้า DKW ไปโดยปริยาย โช้คอัพหน้าสปริงเกอร์คานสวิงโช้คคอคือรายละเอียดที่เพิ่มอรรถประโยชน์ เครื่องยนต์ขนาด 190 ซี.ซี. 7 แรงม้า ภายใต้ปริมาตรกระบอกสูบขนาด 60 x 68 มม. คือขุมพลังขับเคลื่อนผ่านชุดเกียร์มือแบบ 3 สปีดที่ต้องพิเศษไม่แพ้กัน...SB200 เลือกสั่งงานผ่านชุดเกียร์มือ (Handshift) ทางด้านขวาตั้งแต่ออกห้าง มันเป็นรถปีลึกที่วางระบบการทำงานของส่วนต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งความพิเศษนั้นรวมถัง “คานเบรกหลัง” ที่สั่งงานผ่านส้นเท้า เพิ่มตัวยกวาล์วไล่แรงอัดในห้องสันดาป และคาร์บูเรเตอร์ที่บางปีกลับเลือกใช้ของ Amal แทนที่จะเป็น BING อย่างที่ควรจะเป็น...
เดิมทีรุ่นนี้ (1936/ Normal) ต้องเป็นชุดเกียร์มืออย่างเดียว ทว่า คันนี้ได้อานิสงค์ออปชั่นเกียร์เท้าจากรุ่น Sport 250 มาเพิ่มอรรถประโยชน์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
มันแปลกดีนะ...เบรกหลังวางตำแหน่งคันเบรกไว้อย่างนี้ ซึ่งต้องใช้ส้นเท้าเป็นตัวกด...งงดี !!!
🚀🚀 ในไลน์การผลิตละเอียดซึ่งถูกจัดบางตามปีนั้น จุดขายที่ “ชุดไฟ” ก็ได้รับการพัฒนาควบคู่ มันเริ่มต้นตากไฟทุ่นปั่น...ผ่าน...คันเอ้าท์ ที่ปรับประแสไฟเลี้ยงเครื่องยนต์ให้สม่ำเสมอ SB200 เริ่มด้วยกระแสขนาด 50 วัตต์ในปี 1934 ก่อนพัฒนาขึ้นเป็น 75 วัตต์ในปี 1935 และสำหรับโมเดลปี 1936/ SB200 Luxus (elektrischem Anlasser) พัฒนามันได้สูงสุดที่ 100 วัตต์ (รุ่นมาตรฐานกำลังไฟที่ 75 วัตต์) ซึ่งมันช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงระบบไฟส่องสว่างก็ดูเด่นชัดถนัดตาในเวลาค่ำคืนกลางหุบเขา...แสนเปลี่ยว...ว
ไฟท้ายกลมๆ พิมพ์นิยม ยังคงอยู่ในสภาพดี แบรนด์ของ Hella เจ้าบ้าน
เบาะเดี่ยว เบาะเบิ้ล มีทั้งเบาะยางของ PAGUSA และเบาะหลังแท้ของ Denfild ให้เลือกใช้
🚀🚀 ภาพลักษณ์ภายนอกในไลน์ของ SB200 นั้นเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก (มีเฉพาะสีสันของถังเชื้อเพลิงและการจัดวางรายละเอียดของอุปกรณ์เสริม อาทิ ไมล์ แตร และกล่องเครื่องมือ) เครื่องยนต์มีการพัฒนาเพิ่มปริมาตรกระบอกสูบเป็น 300 ซี.ซี. 9 แรงม้าในปี 1934 ทว่า กลับเป็นปีเดียวที่ทำการผลิต...กระทั่งภายใต้เครื่องยนต์รหัส “T” ขนาด 250 ซี.ซี. ที่น่าสนใจอย่างรุ่น Sport 250 คือรถเพิ่มออปชั่นที่คลอดในปี 1937-1938 นอกเหนือจากเครื่องยนต์ปริมาตรใหม่มี่ 68x68 มม. “ชุดเกียร์เท้า” คือของใหม่ที่ติดตั้งไว้เพิ่มเติม ทางเลือกที่ถูกปรับให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นคือ...จุดขาย!!! มันได้รับการขานรับทันที ไม่แปลกหากโมเดลนี้จะสามารถกระตุ้นยอดขายให้ DKW ประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม ยอดการผลิตไลน์กว่า 60,000 คัน...คือ “ตัวเลขอารบิค” ที่บอกคุณค่าในชาติพันธุ์ของ...SB200 ดีอยู่แล้ว…!?!?!
แฮนด์คอนโทรลซ้าย/ ขวา แปลกตาตรงที่ปรับฟิดคอยึดติดไว้กับถังน้ำมันเชื้อเพลิง
แคร้งเครื่องฝั่งซ้ายออกแบบได้ดุดัน มีเฉพาะคันสตาร์ท เนื่องจากเกียร์/ เบรก วางไว้ฝั่งเดียวกัน
⚜️⚜️⚜️ DKW ENGINE Code ⚜️⚜️⚜️
ENGINE No. Code Model Year
337501-338500 T200 SB200 1933/34
370001-374000 TL200/300 SB200/300 1934
490001-500000 T200 SB200/250 1934/35
520001-530000 T200 SB200 1935/36
600001-610000 T200/250 SB200 1936
610001-620000 T200 SB200 1936
717401-719900 T200 SB200 1937
719901-720400 T250 SPORT 250 1937
720401-722550 T200 SB200 1937
722551-723550 T200 SPORT 250 1937/38
723551-723750 T200 m. Anlasser SB200 Luxus 1936/37
723751-730000 T200 SB200 1937/38
735001-736310 T250 SB250 1938
736311-736550 T200 m. Anlasser SB200 Luxus 1938
736551-738500 T250 SB/ SPORT 250 1938
738501-740000 T250 SB 250 1938
830001-830500 T250 SB250 1938
***619256 T200 SB200 1936
เฟรมหลังแข็งแบบเหลี่ยมที่ปั๊มขึ้นรูป กับกล่องเครื่องมือพิมพ์มาตรฐาน
คาร์บิวฯ BING กรองกลมของเจ้าบ้าน ทว่า มีออปชั่น Amal ให้เลือกใช้ได้ตามปี
⚜️⚜️ S p e c i f i c a t i o n ⚜️⚜️
 
รถ / รุ่น DKW/ SB200
ปีผลิต 1933-1938
เจ้าของ เพื่อนฝรั่ง
เครื่องยนต์ T200/ 1 สูบ 2 จังหวะ 190 ซี.ซี. 7 แรงม้า
กระบอกสูบ/ ช่วงชัก 60/68 มม.
ระบบไฟ หน้าทองขาว (คัทเอ้าท์)
ระบบเกียร์ 3 เกียร์ (มือ/ เท้า Sport 250)
ระบบคลัตช์ เปียก (หลายแผ่น)
ระบบขับเคลื่อน โซ่
ระบบโช้คอัพ (หน้า/หลัง) Springer / Rigid
ระบบเบรก (หน้า/หลัง) ดรัมเบรก (ดุมเสี้ยว / บนล้อ 3.25 X19 นิ้ว)
ความเร็วออกห้าง 90 กม./ ชม.
⚜️⚜️ อ้างอิง
: THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown
เพลทคอ โค๊ตเลขเครื่อง 619256/ เลขเฟรม 381651/ 7แรงม้า 190 ซี.ซี. 125 kg. ที่มาของข้อความขยายว่า...DKW SB200 (Normal) ปี 1936
โฆษณา