5 ก.พ. 2022 เวลา 12:35 • ธุรกิจ
LVD150: 20 ข้อคิดจากหนังสือแปดสิ่งที่คนเก่งมากๆมีร่วมกัน ตอนที่ 2 (ข้อ 11-20) #แปดสิ่ง
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันต่อจากเนื้อหาตอนที่แล้ว กับบทความ “20 ข้อคิดจากหนังสือแปดสิ่งที่คนเก่งมากๆมีร่วมกัน” ตอนนี้จะเป็น ข้อ 11-20 ครับ จริงๆจะอ่านตอนไหนก่อนก็ได้ เพราะมันก็ไม่ได้ต่อเนื่องกันครับ รับรองว่าเนื้อหายังเข้มข้นเหมือนเดิมแน่นอน ลองตามมาชมได้เลยครับ
คือมันอย่างนี้ครับ…
ก่อนอื่น ผมต้องบอกก่อนว่าสำหรับตอนนี้ ผมอาจจะผสมความคิดส่วนตัวไปมากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยกันขยายมุมมอง ดังนั้น เนื้อหาที่ผมเลือกมารีวิวจึงเป็นเนื้อหาที่ผมชอบและคิดว่าตัวเองมีแนวคิดต่อยอดได้ และก็อยากจะบอกว่าเนื้อหาในหนังสือมีมากกว่านี้เยอะเลยครับ ถ้าอ่านแล้วชอบต้องหาเล่มจริงมาอ่านกันครับ เริ่มเลยนะครับ
11. "กล้าที่จะถูกเกลียด" = กล้าแสดงจุดยืน
แล้วจุดยืนของคุณจะ "กรอง" คนที่ไม่ใช่หรือไม่เกี่ยวกับจุดยืนของคุณออกไป และดึงดูดคนที่มี "จุดยืน" แบบเดียวกันเข้ามา อย่ายอมเพราะเกรงใจ ไม่เกรงใจไม่ใช่แปลว่าต้องหยาบคายก้าวร้าว แค่แสดงจุดยืนอย่างซื่อสัตย์และอ่อนน้อมก็ได้อยู่ครับ
12. เป็นเด็กน้อย ต้องเน้นผลลัพธ์ อย่าเน้นวิธีการ
ผมคิดว่า "เน้นผลลัพธ์" จริงสำหรับทุกวัยไม่ใช่แค่กับเด็กหรอกครับ จริงสำหรับทุกคนโดยเฉพาะถ้าจะเริ่มอะไรใหม่ ยิ่งถ้าเป็นน้องๆใหม่ๆ ก็อย่าพึ่งตกหลุมพราง "ค้นหาตัวเอง" ถ้าอยู่ในโลกการทำงานแล้ว มัวแต่ค้นหาวิธีการที่ถูกสำหรับตัวเอง ซึ่งมันไม่เจอหรอกครับ เราจะค้นเจอตัวเองจากการทำจริงเท่านั้น ท้าทายตัวเองด้วยผลลัพธ์ ถ้าทำได้ คุณจะได้รางวัลในตัวคุณเอง แล้วค่อยคิดว่ามันใช่หรือไม่ใช่ก็ยังไม่สาย ยังไม่ทำแล้วมัวแต่ค้นหามันจะสายไปเพราะเจ้านายจะไม่รอและไม่ให้ทำแล้ว
13. ข้ออ้างสุดเท่... Do my BEST
จริงๆเป็นคำเล็กๆในหนังสือครับ แต่มันตรงกับใจผมเหลือเกิน ผมเองก็คืดมาเสมอว่า "Do my best" "ฉันทำดีที่สุดแล้ว" มันเป็นยันต์ที่ทำให้เรารู้สึกผิดน้อยลงเท่านั้น มันเป็นการบอกตัวเองว่า "ฉันทำได้แค่นี้แหละ" ที่เหลือมันช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นเป้าหมายแล้วพูดว่าจะทำให้ดีที่สุด อาจแปลว่าลึกๆคุณยอมแพ้ไปแล้ว นอกจากนี้ถ้าทำไม่ได้แล้วอ้างว่า do my best มันจะทำร้ายตัวคุณเองซ้ำสอง เพราะคุณจะไม่เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้นเลย ก็มันสุดแล้วฉันทำได้แค่นี้ ดันเอาคำเท่ๆมาวางเป็น upper limit ทั้งๆที่มันไม่มีจริง... "อย่าอ้างด้วยการ Do my best ...แล้วจงทำให้ลูกค้าร้องว่าสุดยอดออหมาดังๆ"
14. “ไม่มีใครแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้หรอก คนที่บอกว่าทำได้นั้นน่าจะกำลังโกหกตัวเองอยู่ ส่วนหัวหน้าที่พร่ำบอกว่าต้องรู้จักแยกแยะกับลูกน้องที่ครอบครัวกำลังเดือดร้อน เป็นหัวหน้าที่อ่อนประสบการณ์”
ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้ สุดท้ายเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานมันเกี่ยวเนื่องกันเป็นชีวิตของเรา คุณหรือผมอาจจะเก็บกดเรื่องส่วนตัวที่ลำบากใจไว้ได้ขณะทำงาน แต่มันก็ไม่ได้หายไปไหน และงานที่เราทุกคนทำก็ล้วนแต่ทำเพื่อให้วัตถุประสงค์ส่วนตัวอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งสิ้น จะครอบครัว จะพ่อแม่ จะลูกหรือคนรัก ดังนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่แยกมันออกจากกันได้เด็ดขาด หนังสือแนะนำว่าคนเป็นหัวหน้าต้องฝึกฟังสิ่งที่ไม่ได้พูดด้วย นั่นแหละคือทักษะของคนที่สุดยอดบอส
15. คำเตือนสำหรับ Work Life Balance แบบเช้าชามเย็นชาม
การยึดติดกับคุณค่าของคุณที่ไม่ได้สร้างมูลค่าให้ใครอาจกลับมาทำร้ายคุณ พอคุณเช้าชามเย็นชาม คุณก็ชอบอยู่ใน Comfort Zone เพราะคุณรักษา ‘Balance’ ได้ดี แล้วคุณก็พัฒนาเป็นพนักงานแบบ “พื้นๆ” ที่มีมากมายจนล้นตลาด และสัจธรรมที่ว่า “สิ่งใดมีมาก สิ่งนั้นหมดคุณค่า” ก็จะทำงาน คุณจะกลายเป็นทรัพยากรที่ทดแทนได้ แปลอีกทีคือ หาเมื่อไรก็ได้ และก็ไม่แปลกที่บริษัทจะไม่ยอมเสียเงินแพง เพื่อพัฒนาหรือลงทุนหรือรักษาคุณเอาไว้ เพราะว่าคน “พื้นๆ” มันมีอยู่ล้นตลาด
16. “อย่าคิดว่าสิงโตไม่กินคุณ เพราะคุณไม่กินมัน”
หนึ่งในคำคมที่ผมชอบที่สุดในเล่มนี้เลย มันเตือนผมได้ดีว่า อย่าไว้ใจใครหรืออะไรก็ตามที่คุณคิดว่าเขาไม่น่าจะทำแบบนี้กับคุณ ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ไว้ใจใครนะครับ แต่อย่าไว้ใจจนลืมว่าต้องมีจุดตรวจสอบหรือวิธีควบคุม บางครั้งการที่คุณไม่รัดกุมลืมตรวจสอบ ไม่ตั้งกฎเกณฑ์ ก็อาจเป็นการบอกกับคนอื่นว่าทำแบบนั้นที่ว่าผิดก็ได้ แล้วถ้าทำแบบนั้นที่ว่าผิดครั้งแรกแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะคุณไม่มีกระบวนการตรวจหรือควบคุม ก็ไม่แปลกที่มันจะเกิดขึ้นอีกไปเรื่อยๆ… ซึ่งก็ไม่แปลกนะ เพราะคุณเปิดช่องเอง และยืนยันเองว่าทำได้จากการไม่ควบคุม วางเนื้อล่อไว้พอสิงโตมันเริ่มหิว มันก็กิน
17. “ถ้าอายุน้อย อย่าเพิ่งเน้นไอเดียล้ำๆ จงเน้นไอเดียที่อยู่ในวิสัยซึ่งปฎิบัติได้อย่างเฉียบคม”
(1) ตอนยังขาดประสบการณ์ ความคิดอาจจะสดใหม่แต่อาจจะปฎิบัติได้ยาก ยังคิดไม่ครบ loop ก็เพราะขาดประสบการณ์นั่นแหละ
(2) ดังนั้น ก็ควรเริ่มจากการลงมือทำโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขเยอะ อย่าไปคิดว่าจะทำได้ต้องมีเรื้องนั้นเรื่องนี้ก่อน ทำไปภายใต้ข้อจำกัด
(3) ที่บอกว่าอย่าไปมีเงื่อนไขเยอะ เพราะไม่มีใครเขาเชื่อมือคนที่ยังไม่มีประสบการณ์เท่าไรหรอก เขาก็อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญหรือทรัพยากรมา ดังนั้น โชว์ฝีมือภายใต้ข้อจำกัด ใช้ไอเดียสดใหม่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในข้อจำกัด ดูน่ารักและน่าปั้นกว่ามากมาย
(4) สุดท้าย ไอเดียล้ำๆหาได้มากมายในอากาศ ไอเดียที่เจ๋งเกิดเป็นผลิตภัณฑ์จริงๆกลับมีแค่หยิบมือ สิ่งล้ำๆที่เห็นในโลกไม่ได้เกิดจากไอเดียล้ำๆ แต่เกิดจากการลงมือทำแบบไม่ยอมแพ้ที่ลับคมผลึกไอเดียจนคมกริบ
18. “ลูกน้องดีๆ แลกมาด้วยใจ ส่วนนายดีๆ และมาด้วยผลงาน”
การได้ทำงานกับทีมที่ดี ย่อมดีมากๆ ทีมที่ดีมีแนวโน้มจะสร้างผลงานที่ดี หน้าที่ของเราคือ รักษาทีมที่ดีเอาไว้ ฟังและเข้าใจ งานที่ดี เงินที่ดี และตัวเราที่เป็นนายที่ดี ควรจะรักษา “ใจ” ของทีมไว้ได้
การได้ทำงานกับนายที่ดี นายที่ดีย่อมเลือกทีมที่ดี คือ คนที่สามารถสร้างผลงานได้โดยไม่มีเงื่อนไขเยอะ นายที่ดีนอกจากจะส่งเสริมให้เราเก่งขึ้นแล้ว ยังส่งเสริมให้ก้าวหน้า ซึ่งดีในระยะยาว ถ้าเจอนายดีก็ควรเลือกนายที่ดีมากกว่าผลประโยชน์ระยะสั้น
19. “ความขยัน ไม่ได้ประกันว่าคุณจะก้าวหน้า แค่ประกันว่าคุณจะไม่อดตาย
ความกระหายพัฒนาตัวเองประกันได้ว่าคุณจะก้าวหน้า แต่ไม่ได้ประกันว่าจะก้าวกระโดดเปลี่ยนชีวิต
การเสี่ยงทำสิ่งใหม่ๆ ประกันได้ว่าจะได้ประสบการณ์ในเวลาสั้นๆ แต่ไม่ได้ประกัยว่าจะประสบความสำเร็จ
ท้ายที่สุดจำต้องใช้ทั้งสามอย่างคือ ขยัน พัฒนาตัวเอง และเสี่ยงริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ถึงจะ “พอมีหวัง” เป็นคนใหม่ได้” ตามนั้นครับ
20. “พี่เอาแน่นอน อาจแปลว่า “ไม่”
จะนัดผู้ใหญ่ให้ อาจแปลว่า “ไม่”
เดี๋ยวเรานัดคุยกัน อาจแปลว่า “ไม่”
ส่ง quotation มา อาจแปลว่า “ไม่”
เราจะรีบพินารณา อาจแปลว่า “ไม่”
เดี๋ยวเอาเข้าที่ประชุม อาจแปลว่า “ไม่””
คำพูดที่ไม่มีเวลากำกับ แปลว่า “ไม่” อย่าคิดไปเองอย่างได้ยิน ความหมายจริงๆอยู่ในการกระทำ จริงๆเอาไป apply กับเรื่องอื่นได้ด้วยครับ
#แปดสิ่ง เป็นหนังสืออีกเล่มที่พออ่านจบแล้วรู้สึกยังไม่อยากให้จบ เลยได้แต่มาเขียนต่อเพื่อโอบรับหลายข้อคิดเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราอีกครั้ง หลายๆเรื่องผมอาจจะเอามาขยายความอีกในโอกาสต่อๆไป เพื่อนๆที่อ่านแล้วก็สามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ เพื่อนๆที่ยังไม่อ่านลองหามาอ่านกันครับ หวังว่าทุกท่านจะชอบและได้ประโยชน์ครับผม
Happy Learning
ขอบคุณครับ
ชัชฤทธิ์
โฆษณา