6 ก.พ. 2022 เวลา 08:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Shin Godzilla (2016) - การจัดการปัญหาในช่วงวิกฤติ ผ่านความหายนะของ Godzilla
" สะท้อนมุมมองฝั่งการเมืองในการแก้ปัญหาช่วงวิกฤติได้อย่างน่าสนใจ... ทั้งยังมีบริบทคล้ายกับการระบาดของ Covid-19 "
สวัสดีครับทุกท่าน... ล่าสุดผมมีโอกาสได้ชม Shin Godzilla (2016) อันที่จริงๆ ผมเคยดูรอบแรกเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่ปรากฏว่าดูไม่จบ... หลังจากที่ได้ดูอีกรอบ ปรากฏว่าดันชอบซะงั้น 😂 รู้สึกว่าหนังมีมุมมองที่น่าสนใจ จนอยากจะนำมาพูดคุยครับ
ยิ่งเมื่อนึกถึงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ทุกประเทศโดน Covid-19 โจมตีจนระบบสาธารณสุขแทบล่ม... ต้องบอกว่า หลายๆ ช็อตในหนังนี่แทบจะเทียบซีนต่อซีนได้เลยกับสิ่งที่รัฐบาล / หน่วยงานรัฐได้เผชิญเลย 🤣
[ เรื่องย่อ ]
Shin Godzilla (2016) ได้รับการกำกับโดย Hideaki Anno และ Shinji Higuchi โดยเนื้อเรื่องเริ่มต้นที่วันดีคืนดี เกิดอุบัติเหตุในอุโมงค์ใต้น้ำที่เป็นถนนตัดผ่านอ่าวโตเกียว ซึ่งทุกคนต่างสับสนถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ และต่อมาก็พบว่า นี่คือฝีมือของอสุรกายขนาดยักษ์ที่มีความสูงถึง 118.5 เมตร
หลังจากนั้นอสุรกายตัวนี้ก็ได้สร้างความโกลาหลวุ่นวายและเข้าทำลายบ้านเมืองอย่างย่อยยับจากนอกเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวง โดยหนังจะโฟกัสถึงการทำงานของรัฐบาลญี่ปุ่นในการรับมือกับอภิมหาสัตว์ประหลาด เพื่อปกป้องประเทศให้รอดพ้นจากหายนะครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
[ ความรู้สึกหลังชม ]
Shin Godzilla (2016) มีฟีลลิ่งของหนัง Thriller / Sci-fi ผสมการเมืองเข้มข้น ซึ่งหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับรูปแบบหนังแบบนี้ อีกทั้ง Trailer ที่เผยตัวอย่างออกมา ก็ไม่ได้โชว์อย่างชัดเจนว่าจะเป็นหนังโทนการเมือง จึงอาจทำให้หลายท่านเข้าใจผิดได้ว่า หนังจะมาเป็นแนวแอ็คชั่นเต็มสูบ
จุดแรกที่ชอบในเวอร์ชั่นนี้ คือ "มุมมองการแก้ปัญหาจากฟากการเมือง" ซึ่งเป็นมุมมองที่เราอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า ปกติรัฐบาล - หน่วยงานรัฐขนาดใหญ่ เขาทำงานกันอย่างไรในช่วงเกิดวิกฤติ... หนังเล่าถึง เหตุการณ์ที่มีตัวประหลาดยักษ์ (ที่ทุกคนไม่รู้จักมาก่อน) บุกเข้าโจมตีญี่ปุ่น ส่งผลให้ประเทศเกิดวิกฤติจากหายนะที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว (คล้ายกับตอนเจอโควิดหลายระลอกที่ผ่านมา 🤣)
หนังฉายภาพถึงความสับสน / อลหม่านในรัฐบาล ปัญหาข้อกฏหมาย ปัญหาการทำงานแบบเป็นลำดับชั้นที่ไม่เวิร์คในภาวะวิกฤติ การตัดสินใจอันยากลำบากจากความเสี่ยงในทุกทางเลือก (ไม่ว่าเลือกทางไหน จะมีผู้เสียผลประโยชน์จากการตัดสินใจเสมอ) และทุกวินาทีที่ผ่านไป... ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
เรียกได้ว่าระหว่างที่ดูไป ภาพตอนโควิดระบาดในประเทศก็ลอยขึ้นมาทันที ปัญหาเหล่านี้ ไม่มีใครรู้มาก่อน ทำให้ยากแก่การตัดสินใจ... อย่างไรก็ตาม หนังก็นำเสนอถึงวิธีแก้ปัญหา นั่นคือ
" การหาคนที่มีศักยภาพในรับมือมาทำหน้าที่บัญชาการ พร้อมกับเตรียมแผนรับมือ เพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาที่จะเกิดในระลอกถัดไป ก่อนที่มันจะมาซ้ำเติมปัญหาเดิมให้แย่ลงอีก... "
หลังจากที่ได้ ผู้ตัดสินใจที่ดี ก็ดูเหมือนทางรัฐบาลญี่ปุ่น (ในเรื่อง) จะเริ่มตั้งตัวติด และมีการทำงานที่ flow กว่าเดิม จากการจัดการที่เหมาะสมกับสถานการณ์
นอกจากประเด็นการวิพากษ์การเมืองโดยอาศัย Godzilla เป็นบริบทของความหายนะ... Godzilla ก็ถูกใช้เป็นสัญญะที่สามารถตีความได้หลากหลายความหมาย เราสามารถตีความได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะ "ปัญหาจากนิวเคลียร์ / ภัยพิบัติ / สิ่งแวดล้อมที่แย่ลง / ตัวแทนจากพระเจ้า" ด้วยมุมมองนี้ก็ทำให้หนังดูมีความเป็นปรัชญาไปในตัวด้วย
Godzilla โผล่ขึ้นมากลางอ่าวโตเกียว ราวกับพระเจ้า
หนังมีฟีลลิ่งของความตลกร้ายในการวิพากษ์การเมือง หลายๆ ซีน ก็ขำหึหึในลำคอ เพราะรู้สึกว่าจิกกัดได้แสบจริงๆ ที่สำคัญยังมีการจิกกัด - แซะประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมหามิตรอย่าง "สหรัฐ" ซึ่งไม่ค่อยจะเจอหนังจากฟากเอเชียที่จิกกัดอเมริกาในแง่มุมนี้ (ส่วนใหญ่จะเป็นหนังจากฝั่งอเมริกาจิกกัดตัวเองมากกว่า)
หลังจากที่ได้ชมหนัง ก็พอทำให้เข้าใจในความรู้สึกของญี่ปุ่นมากขึ้นที่มีความลำบากในการดำเนินนโยบาย จากการที่ต้องเกรงใจลูกพี่ใหญ่ในฐานะผู้วางรากฐานให้กับญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2... ดังนั้นญี่ปุ่นน่าจะขาดอิสระในการบริหารนโยบายทางต่างประเทศมากพอสมควร แถมวิธีการแก้ปัญหาในเรื่องของลูกพี่ใหญ่ในช่วงท้ายนี่ก็สร้างความเจ็บปวดใจให้กับญี่ปุ่นจริงๆ 😭
การใช้อาวุธของกองกำลังป้องกันตัวเอง เพื่อหยุด Godzilla
ในส่วนของภาพรวมเรื่อง หนังดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว เข้มข้น น่าติดตาม อาจจะมีปัญหาในช่วงต้นที่ผู้ชมจับต้นชนปลายลำบาก ทั้งยังรัวญี่ปุ่นกันอย่างรวดเร็วชนิดอ่านซับไม่ทัน ส่วนในช่วงท้ายเรื่องก็มีการรวบรัดตัดตอน + ใส่ความเป็นหนังฮีโร่ ทำให้ตัวเรื่องดูไม่สอดคล้องกับอารมณ์ช่วงต้น จนดูแปลกไปบ้าง
สำหรับภาพรวมของการแสดง ถือว่าอยู่ในระดับใช้ได้ อาจจะมีบางคนที่หลุดโทน ดูแข็ง / ล้นแบบญี่ปุ่นไปบ้าง แต่ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่
Yutaka Takenouchi ในบท Hideki Akasaka ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ - แสดงได้สมบทบาทเลย
ในส่วนของ Visual Effect และตัว Godzilla ต้องยอมรับว่าตัว CG หรือการจำลองหลายๆ อย่างไม่ได้เนียนตามากเท่ากับฟากฮอลลีวู้ด แต่ว่าก็ถือว่า ทำออกมามีความสมจริง
ส่วนในพาร์ทมุมกล้องและ Sound Effect ก็ถือว่าน่าสนใจ ดูเหมือนว่าจะมีการนำเอามุมกล้องและ Sound ของ Godzilla ในเวอร์ชั่น Original มาใช้ เพื่อ Tribute ถึงเวอร์ชั่นคลาสสิคด้วย
ซีนที่ผมประทับใจและหดหู่เป็นพิเศษในเรื่องคือ "ซีนตอน Godzilla ปล่อยลำแสง (Atomic Breath) ทำลายเมือง" หนังนำเสนออำนาจทำลายล้างของ Godzilla ได้อย่างน่าสะพรึง ส่งผลให้โตเกียวกลายเป็นทะเลเพลิงในชั่วพริบตา ซึ่งสะท้อนถึงโศกนาฏกรรมจากพลังทำลายล้างของนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นเคยได้รับได้เป็นอย่างดี
[ การโชว์ศักยภาพของ JSDF ผ่านภาพยนตร์ ]
อีกอย่างที่น่าสนใจคือ การได้เห็นบทบาทของ "กองกำลังป้องกันตนเอง (JSDF)" ที่มีซีนค่อนข้างเยอะ ทั้งในการประสานงานร่วมกับรัฐบาล และในระดับการใช้กำลัง โดยมาทั้งรถถัง ปืนใหญ่ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบ...
อ้างอิงข้อมูลจาก 2022 Military Strength Ranking ญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งทางทหารอยู่ลำดับที่ 5 ของโลก... ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มี "แสนยานุภาพทางทหาร (Military Power)" สูงมาก แต่อาจไม่ได้มีบทบาทในเวทีโลกเท่ามหาอำนาจรายอื่นๆ อันเนื่องมาจากข้อจำกัดทางกฏหมายที่เน้นให้บทบาทไปอยู่ที่การป้องกันตนเอง
ดังนั้นนี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการได้ชมประสิทธิภาพของกองทัพญี่ปุ่นผ่านภาพยนตร์ คล้ายๆ เหมือนกับที่เราเห็นกันในหนังฮอลลีวู้ดของกองทัพสหรัฐ !
[ Godzilla (2014) VS Shin Godzilla (2016) ]
เปรียบเทียบ Godzilla (2014) กับ Shin Godzilla (2016) ผมมองว่า Shin Godzilla (2016) มาในโหมดหนังการเมืองเข้มข้น ส่วนในเวอร์ชั่น 2014 ของฮอลลีวู้ดที่ถูกกำกับโดย Gareth Edwards จะฉายภาพถึงความอลหม่านในระดับประชาชนทั่วไป ทั้งสองเรื่องจึงนำเสนอความอลหม่านในปัญหาเดียวกัน แต่ฉายภาพมาจากคนละมุมมอง...
ส่วนตัวผมค่อนข้างชื่นชอบเวอร์ชั่น 2016 มากกว่า รู้สึกชื่นชอบมุมมองจากฝั่งการเมืองดี
Poster ของ Godzilla (2014) ที่ได้รับการกำกับโดย Gareth Edwards
[ สรุป ]
Shin Godzilla (2016) อาจจะไม่ได้เป็นหนังที่ดีและสนุกในสไตล์ Mainstream บู๊ล้างผลาญ แต่สนุกในแง่ความตึงเครียดจากบทสนทนา การจำลองสถานการณ์อันซับซ้อน และประเด็นเชิงการเมืองในสภาวะวิกฤติที่ไม่มีใครตั้งตัวทัน...
เชื่อว่าหากใครเป็นคอหนังการเมือง น่าจะชอบไปเลย แต่สำหรับแฟนหนังแอ็คชั่น อาจจะไม่ได้เหมาะกับหนังเรื่องนี้มาก นอกจากนี้หนังยังนำเสนอบริบทการเมืองญี่ปุ่นให้เหล่าคนนอก (อย่างพวกเรา) ได้เข้าใจมากขึ้น ทั้งยังแสดงให้เห็นว่า สำหรับประเทศใหญ่อย่างญี่ปุ่น ก็ยังมีปัญหาในการจัดการเช่นกัน
หลังจากที่ทุกคนผ่านสถานการณ์ Covid มาแล้ว เชื่อว่า หลายคนคงจะเก็ตฟีลลิ่งหนังกันมากขึ้น... จึงเป็นอีกเรื่องที่ถ้ามีโอกาส ก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ชมนะครับ เข้ากับบรรยากาศสถานการณ์โลกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ดี !
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก Godzilla
[ เพิ่มเติม : SHIN GODZILLA – เรียนรัฐศาสตร์กับก็อตจัง ]
ล่าสุดผมไปเจอกระทู้จากวิเคราะห์ Shin Godzilla (2016) ในมุมมองรัฐศาสตร์ ซึ่งน่าสนใจเลยทีเดียว และทำให้เราเข้าใจถึงการทำงานในระดับรัฐด้วย
ใครสนใจสามารถลองเข้าไปอ่านดูได้นะครับ
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา