6 ก.พ. 2022 เวลา 11:55 • คริปโทเคอร์เรนซี
รวม 7 สกุลเงินดิจิทัล ที่สามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมาย
การซื้อขายบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมในแวดวงการลงทุนอย่างมาก หลังมีการอนุญาตให้ซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมาย แต่สกุลเงินดิจิทัลในตลาดไม่ได้มีเพียงบิตคอยน์ ปัจจุบันสกุลเงินดิจิทัลบนโลกมีประมาณ 100 สกุลเงิน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของประเทศไทย ได้อนุญาตให้มีการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกกฎหมายทั้งสิ้น 7 สกุลเงิน
ส่วนสกุลเงินดิจิทัลที่ว่ามีอะไรบ้างนั้น ตามไปทำความรู้จักกัน
สกุลเงินดิจิทัล คืออะไร
สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เป็นสกุลเงินที่มีการทำงานบนระบบคอมพิวเตอร์ด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนเงินหรือการจัดเก็บผ่านฐานข้อมูลของระบบการจัดการสกุลเงินแต่ละชนิด ลักษณะคล้ายสกุลเงินทั่วไปแต่ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่มีการผลิตออกมาเป็นเหรียญหรือธนบัตร และไม่สามารถใช้ร่วมกับธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ของธนาคารหรือสถาบันการเงินได้
สกุลเงินดิจิทัล ที่สามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมายในไทย
ขุดบิตคอยน์
เทรดซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์
1. Bitcoin
สกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก ถูกสร้างขึ้นมาในปี 2552 โดยนักโปรแกรมเมอร์ชาวญี่ปุ่นซึ่งใช้นามแฝงว่า "ซาโตชิ นากาโมโต้" โดย Bitcoin (บิตคอยน์) ทำงานภายใต้ระบบ Blockchain เพื่อป้องกันการปั๊มเงิน ทั้งมีการกำหนดปริมาณเงินในระบบไว้ไม่เกิน 21 ล้านหน่วย ช่วยให้ไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมาในภายหลัง นอกจากนี้บิตคอยน์ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน และเป็นที่ยอมรับในซื้อ-ขายแลกเปลี่ยน
2. Bitcoin Cash (BCH)
เป็นสกุลเงินที่มีการพัฒนาแยกออกมาจากบิตคอยน์ เนื่องจากต้องการให้สกุลเงินดิจิทัลชนิดนี้มีค่าโอนที่ถูกลงและโอนได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน Bitcoin Cash ถือเป็นอีกสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับ และกลายเป็นเงินดิจิทัลมาแรง รวมถึงมีมูลค่าในตลาดสูง
3. Ethereum (ETH)
สกุลเงิน Ethereum ถูกสร้างในปี 2556 โดย Vitalik Buterin ผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการเงินดิจิทัล สกุลเงินชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายธุรกรรม โดยปัจจุบันมีสมาชิกที่ร่วมกันวิจัยพัฒนา Ethereum กว่า 116 บริษัท ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทชื่อดัง อาทิ Microsoft, Toyota และ Intel เป็นต้น
4. Ethereum Classic (ETC)
อีกหนึ่งสกุลเงินที่ถูกแยกตัวออกมาจาก Ethereum สร้างในปี 2559 เป็นเครือข่ายที่สามารถใช้ในการโฮสต์พร้อมรองรับการกระจายอำนาจ ซึ่งมีเทคนิคที่แตกต่างจาก Ethereum
5. Litecoin (LTC)
สกุลเงินดิจิทัลที่มาพร้อมจุดเด่นเรื่องความรวดเร็วในการประมวลผลทางการทำธุรกรรม เร็วกว่าบิตคอยน์ถึง 4 เท่า พร้อมค่าธรรมเนียมที่ถูกลงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ Litecoin ถูกสร้างขึ้นโดยนาย Charlie Lee อดีตวิศวกรของ Google และ Coinbase
6. Ripple (XRP)
เงินดิจิทัลที่มีความแตกต่างจากสกุลเงินอื่น ๆ เนื่องจากถูกออกแบบภายใต้ระบบ Private Blockchain ทำให้นักลงทุนไม่สามารถขุด Ripple ได้ เพราะผู้สร้างต้องการให้สกุลเงิน Ripple มีความเสถียรมากที่สุด เพื่อเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่ง Ripple เป็นที่ยอมรับเป็นวงกว้างของสถาบันการเงินและบริษัทชั้นนำทั่วโลก อาทิ Google หรือ Standard Chartered เป็นต้น
7. Stellar (XLM)
สกุลเงินที่ถูกพัฒนามาจาก Ripple สำหรับถ่ายโอนแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินหลัก ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั่วไป ที่ต้องการถ่ายโอนเงินจำนวนไม่มาก ทำให้ Ripple กลายเป็นสกุลเงินที่ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น
สมัครบัตรเครดิต พร้อมรับความคุ้มค่าทุกการใช้จ่าย…กรอกข้อมูลที่นี่
ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)
สำหรับผู้ที่ได้รับใบจากอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล มีดังนี้
BITKUB - บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด
BX - บริษัท บิทคอยน์ จำกัด
Satang Pro - บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
Huobi - บริษัท หั่วปี้ (ประเทศไทย) จำกัด
ERX - บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด
Zipmex - บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด
Upbit - บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด
Z.comEX - บริษัท จีเอ็มโอ-แซด.คอม
คริปโทนอมิคซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
ถึงแม้ปัจจุบันสกุลเงินดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่การลงทุนหรือซื้อขายแลกเปลี่ยนได้อย่างการขุดบิตคอยน์ ก็ยังมีความเสี่ยงสูง ฉะนั้นควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อนการลงทุน รวมถึงการสมัครบัตรเครดิตอีกหนึ่งตัวเลือกธุรกรรมทางการเงินที่ช่วยให้คุณสามารถใช้จ่ายได้สะดวกสบาย ทั้งมีสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นส่วนลด การสะสมคะแนนเพื่อแลกรับส่วนลดหรือของรางวัล และโปรโมชั่นผ่อนชำระ รับรองว่าตอบโจทย์ในทุกการใช้จ่ายของคุณแน่นอน
อ้างอิง
โฆษณา