7 มี.ค. 2022 เวลา 10:00 • ท่องเที่ยว
Chapter 30 : Talad Noi
ตลาดน้อย ที่มากไปด้วยงานอาร์ต
ตลาดน้อย คิดว่าคงมีคนไปเที่ยวกันมาเยอะละล่ะ เพราะมันอยู่ในกรุงเทพฯ นี่เอง เดินทางไปก็สะดวกมากๆ เราก็เลยไปมั่ง 😁 (จริงๆ ไปตั้งกะเดือน ก.พ. 2021 ละเพิ่งจะมีโอกาสเขียนถึง)
อยากเล่าเพราะมันเป็นทริปสั้นๆ ยามบ่ายที่ได้เดินเล่นกะเพื่อนๆ ในย่านเก่าของกรุงเทพฯ เป็นทริปที่รู้สึกสนุกและมีความสุขอีกทริปนึงเลยแหละ
เราว่าการที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่มันอึดอัดมากๆ อย่างตอนนี้ ใครๆ ก็พยายามหาทางผ่อนคลายความเครียดกัน และการคลายเครียดที่ดีมากๆ อย่างนึงก็คือการเที่ยว แต่เที่ยวต่างประเทศยังไม่ได้ ก็เที่ยวในบ้านเรานี่แหละ ยังมีสถานที่ที่เราไม่เคยไปอีกเพียบ ยิ่งในกรุงเทพฯ มีที่ที่น่าไปค้นหา น่าไปเยือนเต็มไปหมด
ช่วงเดือน ก.พ. 2021 สถานการณ์ Covid ในบ้านเราเริ่มดีขึ้น ทริปตลาดน้อยก็เลยเกิดขึ้นเพราะอยากเจอเพื่อนๆ อยากเม้ามอย อยากไปหาไรอร่อยๆ ทาน และอยากหนีออกจากความอึดอัดซักแป๊บ
คิดปุ๊บชวนปั๊บ ก็มากันจริงๆ ด้วย 🤣 กลุ่มเรามันมักจะต้องเป็นแบบนี้แหละ ถ้านัดกันแต่เนิ่นๆ โอกาสล่มนี่มีตลอด แต่ถ้า เห้ย พรุ่งนี้เลยมะ…เออไม่ล่มแฮะ ไม่รู้คนอื่นๆ เป็นแบบนี้เหมือนกันรึป่าว
หลังจากดูคนอื่นรีวิวมานาน ได้โอกาสไปเองมั่งละ เพื่อนที่ไปด้วยกันก็หาข้อมูลมาว่าเราควรต้องไปที่ไหนมั่ง โน้ตๆ ไว้ก่อน ไปไม่ไปอีกเรื่อง 😁 นัดวันเวลากันเรียบร้อยก็ลุยเลย
วันนั้นเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์ เพราะไม่อยากเจอคนเยอะ เราเอารถไปจอดที่โรงแรม River City แล้วเดินไปเจอเพื่อนๆ ที่ร้านกาแฟที่นัดกันไว้
จากที่จอดรถ เราก็เปิด google map เพื่อเดินไปยังจุดหมายโดยผ่านตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ซึ่งเป็นตรอกเล็กๆ ที่มีงานกราฟฟิตี้เท่ๆ และภาพเพนท์สีสันสดใสอยู่เต็มไปหมด
ตลาดน้อย (Talad Noi)
จากตรอกนี้เดินไปไม่ไกล ก็จะเจอกะร้านกาแฟที่เป็นจุดหมายของเรา และมักจะอยู่ในรูปถ่ายของทุกคนที่มาเที่ยวตลาดน้อย บ้านโซวเฮ่งไถ่
โซวเฮ่งไถ่ เป็นบ้านเก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนแบบ "สี่เรือน ล้อม ลาน" ในอดีตเคยเป็นบ้านพักอาศัยของเจ้าสัวจาด (พระอภัยวานิช) ซึ่งเป็นนายอากรรังนกชาวจีนฮกเกี้ยน
บ้านโซวเฮงไถ่
ปัจจุบัน บ้านหลังนี้มีอายุมากกว่า 220 ปี และอยู่ในการดูแลของทายาทรุ่นที่ 8 ของพระอภัยวานิช ตระกูลโปษยะจินดา ที่ยังอนุรักษ์บ้านหลังนี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชุมชน ขณะเดียวกันก็ได้ปรับปรุงพื้นที่ลานกลางบ้านให้เป็นโรงเรียนสอนดำน้ำด้วย
บ้านโซวเฮงไถ่
นั่งเม้ามอย ดื่มกาแฟ รับลมพัดโชยมาเบาให้พอหายเหนื่อย จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปยังร้าน Mother Roaster
โชคดีมากที่อากาศวันนั้นค่อนข้างเย็นสบาย ไม่ร้อนเลย มีลมอ่อนๆ พัดมาตลอดเวลา
Mother Roaster ร้านกาแฟชื่อดังอีกร้านของย่านตลาดน้อย
Mother Roaster
ร้านนี้มีกิมมิคตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านเลย เพราะแทนที่จะเจอร้านกาแฟ แต่เราจะเจอกับเศษอะไหล่ เศษเหล็กเก่าที่วางกองอยู่เต็มพื้นที่ชั้นหนึ่ง จนทำให้เราถามเพื่อนว่า นี่แกพามาถูกร้านแน่นะ…ใช่ร้านกาแฟจริงเหรอ 😱 แต่พอเดินขึ้นไปยังชั้นสองจะได้พบกับบรรยากาศของร้านกาแฟที่ตกแต่งได้น่านั่งมากๆ
Mother Roaster
มีเคาน์เตอร์กาแฟแบบ Slow Bar ด้วย แต่ช่วงนั้นทางร้านไม่อนุญาติให้นั่ง
Mother Roaster
มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เต็มไปหมดเลย มีที่นั่งทั้งส่วนที่อยู่ภายในร้าน และนอกร้าน มีต้นไม้ประดับประดาเต็มไปหมด ดูละสบายตามากๆ
Mother Roaster
ออกมานอกร้านละยังไม่หยุดถ่ายรูปกันเลย 😁
Mother Roaster
ร้านต่อไปที่พวกเราจะไปคือ ร้าน Patina Bangkok
Patina Bangkok
Patina Bangkok เป็นร้านที่อยู่ในบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ถ้าเดินผ่านแทบจะไม่รู้เลยว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟ
เดิมบ้านหลังนี้มีชื่อว่า "บ้านรัชต์บริรักษ์" เป็นเรือนแถวสถาปัตยกรรมจีนที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "บ้านเหลียวแล" และนำมาปรับโฉมเป็นร้านกาแฟ
Patina Bangkok
ตอนที่ไปถึงร้าน คนค่อนข้างเยอะ และเรื่องของเรื่องคือแบตโทรศัพท์เริ่มหมดละ เลยไม่ได้ถ่ายอะไรเลย 🥴 เสียดายมาก แต่ไม่เป็นไร ไว้กลับมาใหม่
จากนั้นพวกเราก็เดินไปที่ Warehouse 30 กันต่อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Patina เลย
ระหว่างทางเดินไป Warehouse 30 เจองานอาร์ตข้างถนน โคดเท่อ่ะ ต้องขอแชะไว้ซักหน่อย
Warehouse 30
Warehouse 30 เป็นโกดังเก่าที่ถูกดัดแปลงเป็น Community Complex ดีไซน์หลักๆ เป็นโครงเหล็กและสังกะสี โทนสีเทาดำตัดกับสีส้ม ดูดิบและเท่มาก
ภายในแต่ละโกดังก็จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของเก๋ๆ เต็มไปหมด พวกเราแวะเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ แต่ซื้อไรไม่ได้เลย ราคาแอบแรงเชีย 😅
เดินสุด Warehouse 30 จะเจอซอยข้างๆ ที่มีงานกราฟฟิตี้เก๋ๆ ซ่อนอยู่อีกแล้ว
จากนั้นเราเดินย้อนกลับไปแถวร้านโซเฮงไถ่เพื่อไปทานอาหารเย็นกันที่ร้าน River View ที่อยู่แถวนั้น
ร้านนี้เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากๆ ยิ่งชั้น roof top สามารถมองเห็นวิวแม่นำ้เจ้าพระยาช่วงที่เป็นโค้งจาก ล้ง 1919 ไปถึง Iconsiam สวยมากๆ แต่ไม่มีรูปให้ดูเลยเพราะมือถือได้ตายจากเราไปแล้ว 😭 แบตหมดไม่รู้ตัว
อย่างที่บอก ช่วงนั้นอากาศดีมากๆ เรานั่งทานอาหารไปให้ลมโกรกไปอยู่ที่ roof top ซึมซับบรรยากาศกันอยู่พักนึง เริ่มรู้สึกว่าอากาศมันเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนหนาวเลยอ่ะ เลยอยู่กันถึงแค่สองทุ่มก็ได้เวลาแยกย้าย และสัญญากันว่าทริปหน้าจะไปเที่ยววัดอรุณกัน (ซึ่งเล่าไปแล้วใน Chapter 29 😊)
ก็เป็นอันจบทริปตลาดน้อยแบบสั้นๆ ที่ได้ไปมานะคะ
แต่เรายังมีอีกที่ที่อยากจะพาทุกคนเที่ยว นอกจากร้านกาแฟ ร้านอาหารที่เราไป ยังมีอีกที่นึงที่สวยมากๆ ซึ่งเราบังเอิญโชคดีได้ไปเพราะน้องชายจัดงานแต่งงานที่โบสถ์นี้พอดี เมื่อเดือน พ.ย. 2020 เลยถือโอกาสพูดถึงซะเลย เพราะอยู่ในย่านตลาดน้อยเหมือนกัน
โบสถ์กาลหว่าร์
โบสถ์กาลหว่าร์ หรือ วัดแม่พระลูกประคํา โบสถ์เก่าแก่นิกายโรมันคาทอลิกทรงกอทิกซึ่งอยู่ในย่านตลาดน้อย
โบสถ์แห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์หลังแรก แต่เป็นโบสถ์หลังที่สาม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อทดแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกทิ้งร้างภายหลังเพลิงไหม้ใหญ่ในปี พ.ศ. 2407 โบสถ์ในปัจจุบันได้สร้างขึ้นโดยคุณพ่อแดซาลส์ ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2434
ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้มีอายุรวมแล้ว 129 ปี ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คาดว่าชื่อ "กาลหว่าร์" น่าจะมาจากคำว่า กัลวารีโอ เนินเขาที่ทำการตรึงพระเยซูที่กางเขนนั่นเอง
ปล. ขออนุญาตน้องชายในการนำรูปประกอบให้เห็นด้านในโบสถ์ 😁
โบสถ์กาลหว่าร์
ด้านในสวยงามอลังการมากๆ โชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นส่วนนึงของพิธีการศักดิ์สิทธ์ครั้งนี้ และได้เห็นความงามของโบสถ์แห่งนี้
จบทริปตลาดน้อยจริงๆ ละค่ะ 😁
จะว่าไป การเดินเที่ยวแบบชิลๆ 1 วันตอนบ่ายๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ นอกจากจะได้เจอเพื่อน ได้ออกมาเม้า หาไรอร่อยๆ ทาน ยังได้ออกกำลังกายนิดๆหน่อยๆ อีกด้วย แก้เครียดได้ดีสุดๆ เลย
ถ้าสถานการณ์ Covid ผ่อนคลายขึ้น และใครพอมีเวลา เราว่ากรุงเทพฯ ยังมีอะไรให้ออกไปค้นพบอีกมากมายเลยนะ ลองหาเวลาออกมาเดินเที่ยวกันเถอะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันในการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ 😊
โฆษณา