Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Nachos Talk คุยไปเรื่อยกับนาโชส์ :)
•
ติดตาม
7 ก.พ. 2022 เวลา 08:13 • กีฬา
มันน่าแปลกใจนะ ที่คนส่วนใหญ่มองว่า การลาออก การเลิกทำ บางอย่าง เป็นความล้มเหลว
ระยะหลังมานี้ผมเห็น คอนเทนต์พัฒนาตัวเองตามโซเชียลมีเดียมากมาย ที่มักจะผลักดันให้คนเราสู้
ผลักดันให้คนเราพยายาม ไม่ท้อถอย ไม่ยอมแพ้
ผมชอบนะ การให้กำลังใจกับคนที่กำลังพยายามต่อสู้ในสมรภูมิของเขาอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ดี
เพราะว่าในแต่ละวันคนเรา เจอปัญหา อุปสรรคมากมายอยู่แล้ว การได้กำลังใจเหมือนเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้สู้ต่อได้
แต่คอนเทนต์ที่ “กดดัน” ให้คนต้องทำ ต้องสู้ ห้ามถอย ห้ามเลิกนี่ ผมไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่
การพยายาม กัดฟันสู้ ในเส้นทางที่ใช่ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และควรทำ
แต่กับเส้นทางที่ไม่ใช่สำหรับคนๆ นั้นล่ะ การพยายาม ฝืนทนกล้ำกลืน อาจจะไม่ใช่ “คำตอบ” ที่ถูกต้องนัก
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีชายร่างเล็กอยู่คนหนึ่งชื่อ “มาซาคาสุ โอคาเบะ”
โอคาเบะ ชื่นชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ และใฝ่ฝันจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ในวัยเด็ก เขาค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการ “เลี้ยงบอล” มากกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน
เขาจึงใช้เวลามากมายนับร้อยชั่วโมงเพื่อศึกษาการเลี้ยงบอลจากนักเตะระดับโลก และทุ่มเทไปกับการฝึกฝนเลี้ยงบอล
ด้วยพรสวรรค์ที่มีบวกกับความทุ่มเทพยายาม
ทำให้ทักษะการเลี้ยงบอลของโอคาเบะนั้น แพรวพราวมาก
เขาสามารถเลี้ยงบอลหลบคู่แข่ง 2-3 คนได้อย่างสบายๆ
เขาโดดเด่นมากในระดับเยาวชน แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นเขาก็ได้พบความจริงอันโหดร้ายครับ
เมื่อพรสวรรค์ของเขาถูกความแตกต่างทางด้านร่างกายบดบัง
168 เซ็นติเมตรคือส่วนสูงของโอคาเบะ ซึ่งถือว่า “ตัวเล็ก” เมื่อเทียบกับมาตรฐานนักฟุตบอลของญี่ปุ่น
และในการที่จะประสบความสำเร็จในโลกฟุตบอล มันต้องการอะไรที่มากกว่า “เลี้ยงบอลเก่ง” เพียงอย่างเดียว
ซึ่งนั่นทำให้โอคาเบะ ตัดสินใจเปลี่ยนไปเล่น “ฟุตซอล” แทน
สนามฟุตซอลนั้นเล็กกว่าสนามฟุตบอลมาก และเป็นกีฬาที่เน้นความคล่องตัวมากกว่า
“ตัวเล็ก” จึงไม่ได้มีผลแตกต่างขนาดนั้น
การเปลี่ยนเส้นทางครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
โอคาเบะประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถคว้าแชมป์ในประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ
แถมยังได้ไปค้าแข้งที่ยุโรป อย่างประเทศสเปน ในช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วย
แต่ด้วยความที่สมัยนั้น รายได้ของนักกีฬาฟุตซอล ไม่ได้มากมายเหมือนกับนักฟุตบอล
ทำให้โอคาเบะต้องทำอาชีพเสริมควบคู่ไปด้วย อย่างการเป็นครูสอนเตะฟุตบอล
และการได้สอนวิชาฟุตบอลที่เขาสั่งสมมาตลอดให้กับเด็กๆ นี่เอง ได้ทำให้เขาพบเจอกับความเป้าหมายใหม่ในชีวิต
เขาตระหนักดีว่า แม้เขาจะตัวเล็กแต่ก็สามารถเลี้ยงบอลได้ยอดเยี่ยม
ดังนั้นถ้าคนที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่าได้เรียนรู้วิชาเลี้ยงบอลจากเขาไป จะสุดยอดแค่ไหนกัน
ความรู้สึกนี้แหละครับที่จุดประกายให้เขา เลิกเล่นฟุตซอล และหันมาเปิดโรงเรียนสอน “เลี้ยงบอล” โดยเฉพาะไปเลย
โอคาเบะ เดินสายไปทั่วประเทศเพื่อสอนการเลี้ยงบอลให้กับเยาวชน และตั้งใจจะเดินทางไปสอนเด็กๆ ทั่วโลก
เขาเผยแพร่คลิปวิดีโอสอนการเลี้ยงฟุตบอล ผ่านยูทูปแชนแนลของเขาที่มีชื่อว่า “Dribble Designer OKABE”
และด้วยสกิลการเลี้ยงบอลขั้นเทพ ทำให้โอคาเบะ โด่งดังเป็นพลุแตก คลิปวิดีโอของเขามียอดเข้าชมกว่าร้อยล้านครั้ง
ทำให้มีสตาร์ดังระดับโลกหลายต่อหลายคนเดินทางมาขอวัดฝีมือกับโอคาเบะ
แล้วทุกคนที่มาดวลต่างก็ชื่นชมในเทคนิคการเลี้ยงบอลของเขา
ขนาด “เนย์มา” ซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิลยังยอมรับ
ปัจจุบัน โอคาเบะ มองว่าตัวเองเป็น “นักออกแบบการเลี้ยงฟุตบอล” และมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ
แม้แต่นักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นหลายๆ คน รวมไปถึง “วินิซีอุส จูเนียร์” ดาวรุ่งพุ่งแรงของ เรอัล มาดริด ก็ยังต้องเดินทางมาขอวิชาจากโอคาเบะ
จากตอนแรกที่มีความฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่สุดท้ายหันเหมาเป็น “อาจารย์” สอนฟุตบอลแทน
ถามว่า โอคาเบะล้มเหลวในการวิ่งตามความฝันไหม
ไม่เลย นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
เขาค้นพบตัวเอง และเลือกเดินทางในเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเองมากกว่า
โอคาเบะชอบการเลี้ยงฟุตบอลมากที่สุด และเขามีความสุขในการถ่ายความรู้ของตนให้กับผู้อื่น
ไม่ว่าจะ “นักฟุตบอลอาชีพ” หรือ “นักออกแบบการเลี้ยงบอล” ที่สอนวิชาการเลี้ยงบอล สุดท้ายแล้วก็ “ฟุตบอล” เหมือนกัน
พอพูดถึงการหันเหเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ ทำให้นึกถึง “พระเอกนักบู๊” จากฮอลลิวูดคนหนึ่งครับ
“เจสัน สเตแธม” นักแสดงชาวอังกฤษ สายบู๊ ที่ผมคิดว่าคงไม่ต้องการให้แนะนำตัวใดๆ
เพราะเขามีผลงานการแสดงภาพยนตร์แอคชั่นมานับไม่ถ้วน
และเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เรียกได้ว่า ถ้าเป็นคอหนังแอคชั่น จะต้องเคยเห็น เจสัน ผ่านตามาบ้างอย่างแน่นอน
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ก่อนที่จะเข้าสู้วงการนักแสดง
เขาเคยเป็น “นักกีฬากระโดดน้ำ” มาก่อน
แถมยังไม่ได้แค่เล่นขำๆ แต่จริงจังถึงขนาดเคยเป็นนักกีฬาตัวแทนทีมชาติอังกฤษเลยทีเดียว
เจสัน ชื่นชอบการเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ เขาทุ่มเทเต็มร้อยเสมอเมื่อเป็นเรื่องของกีฬา
เล่นกีฬามาแทบจะทุกชนิด ฟุตบอล เทนนิส ยิมนาสติก ไปจนถึงศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนง
ไม่ว่าจะ กังฟู หรือ คาราเต้
จนได้เข้าสู่เส้นทางของนักกีฬากระโดดน้ำอย่างเต็มตัว
ด้วยความทุ่มเทพยายามในสิ่งที่รัก ทำให้เจสัน ติดทีมชาติอังกฤษในที่สุด
เพียงแต่ว่าเมื่อต้องเจอกับ “กำแพง” ของระดับโลกแล้ว เขาไม่สามารถทำผลงานได้ดี
จนหลุดทีมชาติ อดไปแข่งโอลิมปิค รายการที่เขาอยากลงแข่งมากที่สุด
เจสัน ผิดหวังมาก จนถึงกับรีไทร์ตัวเองเลยทีเดียว
และเปลี่ยนไปเดินเข้าสู่เส้นทาง “นายแบบกีฬาแทน”
เขาได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังๆ มากมาย
จนสุดท้ายก็ได้รับโอกาสให้ไป ทดสอบหน้ากล้อง ในภาพยนตร์ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง “กาย ริชชี่”
และเมื่อเจสันเข้าสู่วงการนักแสดงอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นก็คืออย่างที่เรารู้กันนั่นแหละ
มีผลงานภาพยนตร์แอคชั่น บู๊ล้างผลาญ ออกมาให้ผู้ชมสายบู๊ได้เสพกันแทบจะทุกปี ต่อเนื่องกันมาจะ 20 ปีแล้ว
คงไม่มีใครกล้าบอกว่าการที่ เจสัน ยอมถอยจากเป้าหมายในวัยเด็ก แล้วหันเห มาสู่ “เส้นทางใหม่” ที่ไม่เคยเคยวาดฝันไว้
เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด หรือเป็นความล้มเหลวอย่างแน่นอน
จากเรื่องของทั้งโอคาเบะ และ เจสัน มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
ทั้งคู่รู้ว่า “เมื่อไหร่ควรถอย เมื่อไหร่ควรเลิก”
เมื่อรู้ตัวว่าเส้นทางที่ตัวเองกำลังเดินอยู่นั้น “ไม่ใช่” อีกต่อไป
ก็ไม่ฝืน ดึงดัน จะเดินต่อ แต่เลือกเดินเส้นทางใหม่ที่สดใส และ “ใช่” กว่า
บางครั้ง ความฝัน ที่เราเคยมีในวัยเด็ก อาจจะเปลี่ยนไปเมื่อเราโตขึ้น
และบางที ฝันที่มีอาจจะไม่เหมาะกับความสามารถของเรา
“การทบทวนตัวเอง” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคนี้ครับ
ฟังเสียงของหัวใจ และค้นหาจุดแข็งของตัวเอง ให้เจอ
แล้วเราอาจจะได้พบเส้นทางใหม่ ที่ “ใช่” กว่าเดิมก็ได้
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว
การเลิกกิจการ การรีไทร์ การลาออก เพื่อไปเดินเส้นทางอื่น
มันไม่ได้หมายความว่า เราล้มเหลวเลย
เราแค่ “เปลี่ยนเส้นทาง” เท่านั้นเอง
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย