Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
7 ก.พ. 2022 เวลา 13:06 • ปรัชญา
1. ครูบาอาจารย์..ทำบุญกุศลน้อมนำถวาย ครูบาอาจารย์ ชี้แนะเรื่องกาย อารมณ์ จิต
..ชี้เรื่องราวการประพฤติปฏิบัติธรรม.. ( 6 กพ. 65)
..กายนิ่ง คือ กายบุญ..
..จิตเฉย ..จิตที่มีปัญญาในธรรม
…พอจิตเฉย..ดีเนี่ย …. อารมณ์กรรมกรรมต่างๆ ก็ไม่มีมา
…เมื่อจิตเฉย…เข้มแข็งดีแล้ว……ก็นำเรื่องราวต่างๆมาพิจารณาว่า..
…ทำไม..ต้องมีอารมณ์ ..
…ทำไมต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้
..ก็เป็นเรื่องราวของการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้น ..ก็มาพิจารณา นั้นก็คือ จิต..จิตที่เป็นจิตที่แท้จริงที่เกิดขึ้น
จิต ตะ กะ ริ นัน ตัง ปะ ริ ยา โต จิต ตะ นัน ทะ นัน โต กุต ตะ พัง สัง ขะ โห จิต ตะ นา บุต ธะ กะ รุ ณา พัน ตา สัก กะ ริ ยา โต โห ตุ..
เราผู้เป็นบุตรของคุบิดามารดา เป็นการรับอาสาอีกครั้งหนึ่ง มาสร้างบุญ สร้างกุศล โดยนำเรือนกายของคุณบิดามารดามาสร้าง คุณความดีให้กับธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดาที่ให้เรามา จิตเรามาอาศัยเรือนกายคุณบิดามารดา เราก็นำกายนี้ มาสร้าง เป็นกายบุญ ..
..กายนิ่ง คือ กายบุญ..
..จิตเฉย ..จิตที่มีปัญญาในธรรม
ทุกครั้ง การกระทำเช่นนี้ เมื่อกายนิ่งจิตนิ่งเฉยดี แล้ว เราก็ ภาวนา..พุทโธ..ขึ้น
เมื่อมีภาวนา ..พุทโธ.. จิตเราก็อยู่ในเรือนกายที่เป็นบุญ แล้วจิตก็ สร้างบารมี ติดถึง..พระพุทธโธ..นั้นเอง
เมื่อจิตเกิดขึ้น.. กายที่ดี ..ก็เกิดขึ้น
การสร้างบุญสร้างกุศล ตาทั้งสองข้าง เหมือนกล้องถ่ายรูป ถ่ายรูปในการสร้างบุญสร้างกุศล ในวันนี้..
..หูของเรา ก็ได้ยินเสียงของตัวเองว่า กายนิ่ง จิตเฉย..
เอ๊ะ..กายนิ่งจิตเฉย..มีไว้ เอาไปทำอะไรบ้าง เอาไว้..สร้างบุญ สร้างกุศล สร้างบารมี..หนีกรรม..ก็ส่วนหนึ่ง..
..แต่ปัจจุบันนี้ เราต้องไป คบค้าสมาคมต่างๆ ไปสัมผัสสิ่งที่มีชีวิต และ ไม่มีชีวิต..เราจะมีความพอใจ และ ไม่พอใจเกิดขึ้น
..สิ่งไหน..ไม่พอใจ ..เราจะทำอย่างไร ..จิตของก็มีความโมโห มีความทิฐิในเรื่องเหล่านั้น..
..เราก็ใช้เรื่องราว..เหล่านี้..เป็นที่จดจำ ..เราเคยทำบุญน่ะ เราเคยทำยังไง..ความไม่พอใจ ความโมโหเกิดขึ้น ทิฐิเกิดขึ้น…กายนิ่ง จิตเฉย ..จิตเคลื่อนที่มาอยู่ไม่มีอะไร ..
..จิตเฉย คือ จิต..ไม่มีอะไร ..ไม่นึกคิดอะไร ความไม่พอใจก็ไม่มี หรือ ใครจะมาชี้หน้าว่าเราต่างๆ เราก็หยุดได้ โดยจิตเฉยนั้นเอง ก็ฝึกหัด ปฏิบัตินี้ไป ตลอดทั้งชีวิต หรือ ว่าฝึกเพื่อค่อยๆ กระทำไป วันนี้ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ได้นำเรือนกายมานั่งตรงนี้ ได้เห็นภาพ ของตนเอง เห็นสิ่งที่เรามองออกไป คือ พระภิกษุสงฆ์ ภัตตาหาร มิตตาหาร ที่นำมาสร้างบุญสร้างกุศล ก็ทำให้เรา เกิดความจำที่ดีเกิดขึ้น..
เอ๊ะ..ความจำนี้ มาจากไหน..ตาที่เราถ่ายรูป หูเราได้ยินเสียง ส่งไปให้จิต
..จิตก็เป็นภาพ..เป็นสีหนึ่งที่ติดอยู่กับแม่ทั้งสี่
..เมื่อติดอยู่กับแม่ทั้งสี่ นี้มีประโยชน์อะไรบ้าง..
..จดจำ..เมื่อเวลามีทุกข์เกิดขึ้น หรือ เจ็บป่วยทุกข์ทรมานเกิดขึ้น
..ก็จำภาพเนี่ยเกิดขึ้น เช่นขณะนี้ ..กายนิ่ง จิตเฉยเกิดขึ้น ..
..เราก็จะบรรเทาเรื่องราวต่างๆได้
..แล้วก็ยัง..ยิ่งไปทำเรื่องราวของรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งตอบแทน ความกตัญญูรู้คุณของกายมาก สูงที่สุด เช่น กล่าวคำว่า กายบิดามารดาของข้าพเจ้า มาไหว้พระสวดมนต์ เสียงก็สูง .. กายบิดามารดาของข้าพเจ้าน้อมถวายปัจจัย ภัตตาหาร และมิตตาหารต่อภิกษุสงฆ์ เสียงก็สูงอีก คำว่าบิดามารดาต้องกล่าวให้เป็น
ถ้าอยากจะรู้จักคุณบิดามารดาที่แท้จริง ต้องนำเวทานบิดามารดา มาประพฤติปฏิบัติธรรม เดินตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะเรียก คำ บิดามารดาเต็มปากแล้ว นอบน้อมมากขึ้น ไม่ใช่ว่า พ่อแม่..พูดกันเฉยๆ เหมือนกับว่า พูดเล่นกับเพื่อนฝูง มันไม่มีความนอบน้อม เข้าไปถึงจิตของเรา
เมื่อทำได้มากๆ ต้อง..เอาจิตไปเรียก..บิดามารดาของเรา ..ทำทุกอย่างเพื่อเป็นประโยชน์ ให้แก่จิตเพื่อ นำเรื่องราวเหล่านี้ ต่อไป ใช้ในชาติต่อไป หรือ ชาติปัจจุบัน ..ไม่ได้หนีไปไหน ทำให้แก่จิตของเรา ถ้าเราไม่ทำ เราจะมีว่า วาจาอย่างนี้เกิดขึ้นมั้ย แล้วก็จะมีกาย ที่เป็นมนุษย์เกิดขึ้นบ้างมั้ย กายครบอาการสามสิบ แต่ไม่มีปัญญา พูดว่า กายบิดามารดากราบพระ กายบิดามารดาสร้างบุญสร้างกุศลอ ะไรต่างๆ ไม่เคยนึกถึง นึกถึงแต่ว่า เรื่องราวต่างๆ
บางคนทำบุญ ก็ทำแบบบุญ แบบลุกลี้ลุกลน เหมือนกับ เอากายบุญมาทำ ไม่เจาะจงว่า สิ่งนั้น คือ..
.. กายของบิดามารดา.. จะทำบุญทั้งที ..ต้องกายนิ่ง ..กายมนุษย์จับได้ ทำให้นิ่งได้ ..
เพราะฉะนั้น กายมนุษย์เนี่ย ไม่มีกายไหน ที่เข้าแดนพระนิพพาน ..มีแต่กายมนุษย์เท่านั้น
..ฉะนั้น กายมนุษย์ อยากไปอบายภูมิก็ไปได้ อยากเกิดเป็นสัตว์ก็ได้ หรือ จะเกิดเป็นเทวดา เป็นเทพก็ได้ อยู่ที่วาจา และการกระทำของเรา เราต้องใช้จิต สร้างบุญ สร้างบารมี ไม่ใช่ใช้ อารมณ์มากราบพระ..กราบพระมือก็กราบพระ ..แต่ตามองไปไหนไม่รู้ จิตไปคิดถึงเรื่องบ้านเรื่องช่องอะไรต่าง แล้วจิตไปไหน จิตก็ไปตามอารมณ์ที่มันสั่ง..
..อารมณ์กเกิดมาจากแม่ทั้งสี่นั้นเอง เราไปจำเรื่องราวต่าง แม่ทั้งสี่ก็ปล่อยมาเป็นอารมณ์ อารมณ์ก็สั่งจิต..จิตของเราไปทำเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นกรรมดี กรรมชั่วเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องระมัดระวังเรื่องราวของการจะทำดี ขอให้ทำดีที่สุดแล้วกันที่เราจะทำได้ทุกครั้ง การกระทำเช่นนี้ เมื่อกายนิ่งจิตนิ่งเฉยดี แล้ว เราก็ ภาวนา..พุทโธ..ขึ้น
เมื่อมีภาวนา ..พุทโธ.. จิตเราก็อยู่ในเรือนกายที่เป็นบุญ แล้วจิตก็ สร้างบารมี ติดถึง..พระพุทธโธ..นั้นเอง
เมื่อจิตเกิดขึ้น.. กายที่ดี ..ก็เกิดขึ้น
การสร้างบุญสร้างกุศล ตาทั้งสองข้าง เหมือนกล้องถ่ายรูป ถ่ายรูปในการสร้างบุญสร้างกุศล ในวันนี้..
..หูของเรา ก็ได้ยินเสียงของตัวเองว่า กายนิ่ง จิตเฉย..
เอ๊ะ..กายนิ่งจิตเฉย..มีไว้ เอาไปทำอะไรบ้าง เอาไว้..สร้างบุญ สร้างกุศล สร้างบารมี..หนีกรรม..ก็ส่วนหนึ่ง..
..แต่ปัจจุบันนี้ เราต้องไป คบค้าสมาคมต่างๆ ไปสัมผัสสิ่งที่มีชีวิต และ ไม่มีชีวิต..เราจะมีความพอใจ และ ไม่พอใจเกิดขึ้น
..สิ่งไหน..ไม่พอใจ ..เราจะทำอย่างไร ..จิตของก็มีความโมโห มีความทิฐิในเรื่องเหล่านั้น..
..เราก็ใช้เรื่องราว..เหล่านี้..เป็นที่จดจำ ..เราเคยทำบุญน่ะ เราเคยทำยังไง..ความไม่พอใจ ความโมโหเกิดขึ้น ทิฐิเกิดขึ้น…กายนิ่ง จิตเฉย ..จิตเคลื่อนที่มาอยู่ไม่มีอะไร ..
..จิตเฉย คือ จิต..ไม่มีอะไร ..ไม่นึกคิดอะไร ความไม่พอใจก็ไม่มี หรือ ใครจะมาชี้หน้าว่าเราต่างๆ เราก็หยุดได้ โดยจิตเฉยนั้นเอง ก็ฝึกหัด ปฏิบัตินี้ไป ตลอดทั้งชีวิต หรือ ว่าฝึกเพื่อค่อยๆ กระทำไป วันนี้ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ได้นำเรือนกายมานั่งตรงนี้ ได้เห็นภาพ ของตนเอง เห็นสิ่งที่เรามองออกไป คือ พระภิกษุสงฆ์ ภัตตาหาร มิตตาหาร ที่นำมาสร้างบุญสร้างกุศล ก็ทำให้เรา เกิดความจำที่ดีเกิดขึ้น..
เอ๊ะ..ความจำนี้ มาจากไหน..ตาที่เราถ่ายรูป หูเราได้ยินเสียง ส่งไปให้จิต
..จิตก็เป็นภาพ..เป็นสีหนึ่งที่ติดอยู่กับแม่ทั้งสี่
..เมื่อติดอยู่กับแม่ทั้งสี่ นี้มีประโยชน์อะไรบ้าง..
..จดจำ..เมื่อเวลามีทุกข์เกิดขึ้น หรือ เจ็บป่วยทุกข์ทรมานเกิดขึ้น
..ก็จำภาพเนี่ยเกิดขึ้น เช่นขณะนี้ ..กายนิ่ง จิตเฉยเกิดขึ้น ..
..เราก็จะบรรเทาเรื่องราวต่างๆได้
..แล้วก็ยัง..ยิ่งไปทำเรื่องราวของรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งตอบแทน ความกตัญญูรู้คุณของกายมาก สูงที่สุด เช่น กล่าวคำว่า กายบิดามารดาของข้าพเจ้า มาไหว้พระสวดมนต์ เสียงก็สูง .. กายบิดามารดาของข้าพเจ้าน้อมถวายปัจจัย ภัตตาหาร และมิตตาหารต่อภิกษุสงฆ์ เสียงก็สูงอีก
..คำว่าบิดามารดาต้องกล่าวให้เป็น อยากจะอโหสิกรรมต่างๆนี่ ควรจะทำโดยตัวของตัวเอง ไม่ใช่ขอให้หลวงพ่อหลวงแม่ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยทำ ไม่มีใครเค้า..ลอก..ลอกเอาสีที่ติดอยู่เป็นกรรม ในเนื้อหนังของเราออกไปได้ นอกจากเราจะ ใช้น้ำธรรม ที่สร้างขึ้นมาโดยจิตของเราเท่านั้น ที่จะไปล้าง ..
แล้วใครจะไปช่วยเราได้ มีมั้ย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ไสยศาสตร์ต่างๆ ไม่มีใครเค้าช่วยเราได้ ..
..เราต้องช่วยตัวของตัวเอง ให้มีกายเป็นบุญ
..แล้วก็สร้างจิต ให้มีปัญญา โดยธรรม..เกิดขึ้น..จิตเฉย ..นั่นแหละ..จิตของธรรม
..เหมือนกับ องค์พระสิทธัตถะ ที่ไปนั่งอยู่กลางป่า..กายนิ่งเป็นเสา เป็นฤาษี จิตเฉย..
…พอจิตเฉย..ดีเนี่ย …. อารมณ์กรรมกรรมต่างๆ ก็ไม่มีมา
…เมื่อจิตเฉย…เข้มแข็งดีแล้ว……ก็นำเรื่องราวต่างๆมาพิจารณาว่า..
…ทำไม..ต้องมีอารมณ์ ..
…ทำไมต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้
..ก็เป็นเรื่องราวของการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้น ..ก็มาพิจารณา นั้นก็คือ จิต..จิตที่เป็นจิตที่แท้จริงที่เกิดขึ้น
ถ้ามาบอกว่า เกิดแก่เจ็บตาย ไปนั่งอุปโลกน์ สมมุติขึ้นมา ..มายาเกิดขึ้น ..นั้นแหละ คือ ข้าพเจ้ามีปัญญาที่จะรู้จัก เรื่องราวของกรรม เหมือนกับเรื่องราวตามหนังสือ ที่เค้าปรุงแต่งขึ้นมา ที่เขียนหนังสือขึ้นมา แล้วเราก็ไปอ่าน..
.. แล้วก็ไปจำ กลายเป็นจิต..อวดดีเกิดขึ้น เห็นตังเองดีแล้ว ..อวดเก่ง
เราต้องทำด้วยตัวของตัวเอง รอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมมาเจ้า เรารู้แล้วก็ปฏิบัติตามนั้น
..มีอยู่ที่เราจะทำให้รอยถึงที่สุด..
..เดินก็ กายนิ่ง จิตก็เฉย ..เดินจงกรม
…ถ้าคิดอะไรขึ้น .นึกอะไรขึ้นมา….หยุดเดิน..ทันที
…แล้วสร้างใหม่ กายนิ่ง จิตนิ่ง เสียงของเราพูดออกไป ให้กระทบหูเรา ให้ส่งไปให้จิต จิตว่าอย่างไร จะเดินต่อ หรือ ว่าจะสร้างจิตให้เป็นพระ แม้แต่นั่งสมาธิก็ เช่นเดียวกัน ควรจะส่งเสียง เสียงตชค่อยๆให้ หู..เราได้ยิน เพื่อให้วิญญาณหูของเรา ส่งเสียงเข้าไปในจิต จิตจะได้พิจารณา..จะได้สร้างเกาะ กำแพง ไม่ให้อารมณ์ชอนไชเข้าไปในจิต
เดี๋ยว..ถ้าอารมณ์ชอนไชไป อารมณ์นั้นก็สั่งจิตให้ขยับเขยื้อน หรือ ทำให้เรื่องราวต่าง มีเรื่องราวมากมายก่ายกอง ที่อารมณ์ที่เราไปสะสมมาเป็นอารมณ์นั้นแหละ เค้าพาเราไป
วันนี้ บุตร..ได้นำ..นะโม..คือ กายบิดามารดา มาสร้างบุญสร้างกุศล เท่ากับ การตอบแทนกตัญญูรู้คุณของกายที่อาศัย มาสร้างบุญกุศลบารมี มิใช่นำกายมา วันหนึ่ง คืนหนึ่ง ไปหากิน หานอน วุ่นวายกับการกินกับการนอนเท่านั้น มิได้ สนใจว่า จิตออกจากสังขารแล้ว
เหมือนกับคน ที่บอกว่า ทุกข์จังเลยๆ ตายแล้ว คนนี้พ้นทุกข์ ขนาดมีสังขารอยู่ยังทุกข์ขนาดนี้ ถ้าจิตไม่มีสังขาร..จิตไม่มีสังขาร ลองพิจารณาซิว่า จิตต้องไปใช้ตัวกระทำตรงไหนบ้าง เกิดไปใช้ตัวกระเกิดขึ้น ที่แม่ทั้งสี่ประกอบเป็นตัวกระทำขึ้น อยู่ในอบายภูมิ จิตของเราก็ต้องไปอยู่ตรงนั้น มีแต่การลงโทษทุกลมหายใจเข้าออก เรียกใครก็ช่วยไม่ได้
ฉะนั้น เมื่อเรามีโอกาส เค้าให้โอกาสเราแล้วนะ ให้โอกาสเรามาก ให้มีกายครบอาการสามสิบสอง ให้สติสัมปชัญญะที่ครบถ้วน ทำไมไม่รีบเอาไป บุญบารมี..ทำไมไม่รีบเอาไป ทำไมเอา..แต่กรรมไป อยากได้แก้วแหวนเงินทองยศฐานบรรดาศักดิ์ไม่พอใจ ไปหาสิ่งที่ เค้าพาเรา..เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ คือ เกจิอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลาย นั้นแหละ ไปพึงเค้า เราได้อะไรจากเค้า ไม่เคยพิจารณา แห่แหนกันไป จิตเราก็จมอยู่ตรงนั้น
สมมุติว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เค้าให้ เรามา เรื่องโชคเรื่องลาภ มีคนร้อยคน เราก็อยู่ในนั้น จำนวนร้อยคน ..บังเอิญ เจ้าพ่อเจ้าแม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บันดาลให้เเรามีโชคอยู่คนเดียว ไอ้เก้าสิบเก้าคน เค้ามีกรรมกันหมดเลย เค้าเอาเงินทองมาให้เราใช่มั้ย เราก็กินเงินของกรรม…เค้าเข้าไป แล้วก็ต้องไปใช้หนี้เค้าอีก นั้นแหละ ก็อยากให้หยุดยั้งกันเสียที หันมาให้กายเป็นบุญ จิตมีธรรมเกิดขึ้น เราจะได้ไปสู่สภาพที่ที่งาม ก็ของแค่นี้ ถ้าจะกล่าวต่อคงจะแรงมาก ขอยุติจิตแค่นี้ก็แล้วกัน
ปัตติยานัง เต สังขะโห มาตา ติ กุ ระ ยา ตัง จิต ติ ยะ ตะ มัท ธะ วา โร โห ตุ..
สาธุ สาธุ สาธุ
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย