8 ก.พ. 2022 เวลา 13:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ในทางธรรม น่ะใช่ครับ ความจริงขั้นสูงสุดของธรรมชาติคือสุญญตา หรือนิพพาน แต่ในทางวิทยาศาสตร์น่ะไม่ใช่ เพราะวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าความว่างคือ space หรือที่ว่างในอวกาศ หรือในระบบสูญญากาศ ซึ่งคนละเรื่องกับความว่างในสุญญตา นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จักนิพพาน
สิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ขั้นสูงสุดคือ ทฏษฎีแห่งสรรพสิ่งที่ ( The theory of everything ) เป็นทฤษฎีที่สามารถอธิบายปรากฏการ์ณของทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นในระดับเล็กจิ๋วมากๆ ( ควอนตัม) หรือในขนาดใหญ่ระดับกาแล็คซี่ ที่มาของทฤษฎีนี้มาจาก นักวิทยาศาสตร์พบว่าแรงตามธรรมชาติที่มีในจักรวาล มีอยู่ 4 แรง คือ
1. แรงโน้มถ่วง ( เรารู้จักกันดี)
2. แรงแม่เหล็กไฟฟ้า ( แรงที่ยึด อิเล็กตรอน กับ นิวเคลียส )
3. แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม ( แรงที่ยึดโปรตอนกับนิวตรอนในนิวเคลียส)
4. แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน ( แรงที่เกิดจากการสลายตัวของกัมมันตภาพรังสี)
ตอนที่จักรวาลกําเนิด มาจาก bigbang แรงตามธรรมชาติทั้ง 4 มัน รวมกันเป็นแรงเดียว หลังจากนั้น เมื่อระยะเวลาผ่านไป แรงทั้ง 4 จึงแยกตัวออกมา แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาความสัมพันธ์ของมันหรือหา ทฤษฎีที่จะรวมมันเข้าไป ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถรวม 3 แรง คือแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบเข้มแบบอ่อนเข้าด้วยกันแล้วแต่ไม่สามารถรวมแรงโน้มถ่วง เข้าไปด้วยกันได้ แรงโน้มถ่วงเป็นแรงที่แปลกประหลาด เพราะมันมีผลในระดับจักรวาล ในระดับเสกลใหญ่ๆ มันทําให้ดาวเคราะห์โคจรรอบๆกัน ทําให้ดวงดาว กาแล็คซี่เกาะกลุ่มกันโดยไม่หลุดออกจากกัน แต่แรงโน้มถ่วงกลับไม่มีผลใดๆกับอนุภาคในระดับเล็กมากๆเช่น อิเล็กตรอน เลปตรอน ควากซ์ นัยว่า มันไม่เข้ากันกับแรงที่เหลือทั้ง3 ( นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ สงสัยว่ามันอาจจะไม่ใช่แรง ไอน์สไตน์บอกว่ามันคือสนามความโน้มถ่วง ที่เกิดจากการบิดเบี้ยวของที่ว่างในอวกาศ เนื่องจากวัตถุที่มีมวล)
ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถค้นพบ ทบ. ที่สามารถรวมแรงทั้ง4 ได้ แม้แต่ไอน์สไตน์เองก็ทําไม่สําเร็จในวาระสุดท้ายของชีวิต นักวิทยาศาสตร์สายควอนตัม เชื่อว่าทฤษฎีสตริง จะสามารถค้นพบความลับของจักรวาลและเป็น the theory of everything ได้ในที่สุด
โฆษณา