8 ก.พ. 2022 เวลา 14:58 • ปรัชญา
การที่จะตอบคำถามลักษณะนี้ เมื่อมีความถามว่า ความคิดเกิดขึ้นมาจากสมองหรือจิต ก็อยากถามกลับไปว่า เรารู้จักคำว่าจิตนั้นมากน้อยแค่ไหน ที่จริงแล้วตัวตนของเราก็คือจิต ..จิตของผู้ที่มีกรรม ที่เกิดมาชดใช้กรรม กรรมที่สะสมไว้กับธาตุทั้งสี่ รวบรวมขั้นมา ก่อเป็นเรือนกายใก้จิตอาศัย เมื่อเกิดมา ก็มาหัดเดิน หัดกิน หัดพูด หัดเรียน เรียนไปตามยุคสมัย เรียนจดจำไปเพื่อไปทำมาหากิน มีอารมณ์พอใจไม่พอใจ คอยกำกับว่าชอบทำอะไร ไม่ชอบทำอะไร มันไหลออกจากธาตุสี่ เป็นลักษณะของอารมณ์ ปกคลุมกายวิญญาณทั้งหก อารมณ์ที่เกิดขึ้น ที่กาย กายเจ็บ กายป่วย อารมณ์ราคะ อารมณ์ชอบใจ ไม่ชอบใจ เวลามันเกิดขึ้น อารมณ์มันก็ปรุงแต่งเรื่องราวนั้นๆไปเรื่อย จิตมีสติระลึกรู้จักมั้ยว่า นั่นคืออารมณ์กรรม ที่ไหลออกมาจากธาตุสี่ เป็นเสียงเป็นความคิดเห็น ส่งไปให้จิต จิตก็เชื่ออารมณ์ ใช้กายวาจาใจไปตามอารมณ์
คราวนี้ หากเราเปรียบเทียบอารมณ์นั้นเหมือนคลื่น เข้ามากระทบกาย ผ่านวิญญาณทั้งหก ที่ว่าไปสัมผัสรูปรสกลิ่นเสียง ปกติจิตของปุถุชน ไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ความนึกคิดได้ เกิดอารมณ์พอใจไม่พอใจ ว่านั้นคืออารมณ์ จึงเชื่ออารมณ์ทำไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น เกิดเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
เรื่องราวของคำว่า จิต ..มีครูบาอาจารย์ ท่านไปผ่าตัด ทำบายพาส ผ่าตัดนิ่ว ผ่าตัดหลัง ท่านบอกว่า ยาสลบ ข่มจิตฉันไม่ได้หรอก ท่านผ่าตัดเสร็จ ท่านก็มาเล่า เรื่องราวที่หมอทำอะไรบ้าง หมอคุยกันเรื่องอะไร ท่านก็มาเล่าให้เป็นวิทยาทาน เรื่องของจิตที่ฝึกมาดี นั้น สามารถควบคุมกายได้อย่างไร ครั้งหนึ่งผ่าตัดหลังดามเหล็ก วันรุ่งขึ้น ท่านทำให้ดู ลุกมานั่งฉันข้าว เป็นปกติ ท่านทำให้ดูเป็นตัวอย่างการศึกษา เรื่องราวของจิต จิตบังคับกาย เคยถามเรื่องของการแยกกาย ท่านบอกว่า เราจะทำจิตหนีเวทนาก็ทำได้ แต่มันไม่ได้เป็นการลบล้างบัญชีกรรม ที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ ท่านก็บอกว่า ต้องยอมรับเวทนที่เกิดขึ้น เพื่อชดใช้อดีตกรรมที่เคยทำเค้าไว้ ให้เกิดเป็นอโหสิกรรม แล้วก็ส่งจิตของเจ้าเวรนายไปเกิดในสถานที่ดีๆ
เรื่องราวของจิตมันมีเรื่องพิศดารมาก จิตที่ท่านยกขันธ์ห้าออกไปจากจิตได้ จิตของท่านก็สามารถเข้านิโรธได้ เข้านิโรธได้ ก็ยังต้องไปศึกษาเรื่องราวต่างๆอีก ซึ่งเป็นเรื่องของธรรม ก็จดจำมาเล่าให้ฟังจากที่ครูบาอาจารย์ท่านสนทนาให้ฟัง
เรื่องราวเหล่านี้ มันก็ยากที่จะบอกกล่าว กับคนในยุคนี้ เพราะเราเป็นยุคสมัยที่ผู้คนสนใจมุ่งเรื่องของวัตถุ สร้างสรรค์วัตถุ อะไรๆมากมาย แล้วก็พากันแก่ตายไป ไม่รู้ว่าไปไหน
ความคิดมาจากอารมณ์ที่ปรุงแต่ง อารมณ์มันก็ปรุงแต่งสมองไปด้วย เป็นมายาของโลกที่อยู่กับกาย ที่ตั้งขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เป็นมายาปรงแต่ง ให้หลงให้จิตนั้น สร้างเวรกรรม สังขารนี้หมดสภาพ จิตก็ต้องแบกกรรม ไปตามทางอบาย
เรื่องของสมอง มันก็เกี่ยวเนื่องเรื่องของกาย เกิดมามีกายสมบูรณ์ไม่สมบูรณ์ หรือกายวิบัติ ใช้กายงานไม่ได้เป็นปกติ มันก็เกิดมาจากกรรมอดีตที่ทำมา
หนังสือตำราเขียนๆกันต่อมา มันแค่ใช้สายตาสังเกตเห็น ไม่ใช่มาจากจิตของผู้ที่ประพฤติประพฤติธรรม ที่รู้จักเรียบเรียง พิจารณา เหตุต่างๆที่ไหลเป็นมายา เกิดขึ้นในตัวตน มันเป็นปัญญาธรรม ทีควรค่าแก่การศึกษาให้แก่จิตของตน ได้เข้าใจเรื่องราวที่จิตตนมาอาศัย จะได้ไม่หลงมายาที่เกิดขึ้นในตัวตนชั่วขณะหนึ่ง
โฆษณา