9 ก.พ. 2022 เวลา 00:14 • ดนตรี เพลง
หากพูดถึงวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก หลายคนคงนึกถึงวง The Beatles เป็นแน่
ด้วยยอดขายแผ่นเสียงที่มีมากกว่า 1 พันล้านแผ่นทั่วโลก รวมทั้งวง The Beatles เป็นที่รู้จักของผู้คนทุกยุคทุกสมัยแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยอัลบั้ม Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ที่ได้วางตลาดในปี 1967 ถูกนิตยสาร Rolling Stone จัดให้อยู่อันดับ 1 ของอัลบั้มเพลงที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล
วง The Beatles ประกอบด้วยสมาชิก
จอห์น เลนนอน ร้องนำและมือกีตาร์
พอล แม็กคาร์ตนีย์ ร้องนำและมือเบส
จอร์จ แฮร์ริสัน มือกีตาร์
ริงโก สตาร์ มือกลอง
จุดเริ่มต้นของวง The Beatles เป็นที่ชัดเจนว่าเริ่มมาจาก จอห์น และ พอล ได้ฟอร์มวงกันขึ้นมา โดยมี ไบรอัน เอพสเตน ผู้จัดการวงผลักดันจนวงประสบความสำเร็จขึ้นมา แต่สิ่งที่ยังค้างคาใจคนจำนวนมากคือ สาเหตุที่ทำให้วง The Beatles ต้องปิดฉากลง ทั้ง ๆ ที่ยังมีแฟน ๆ ให้การสนับสนุนจำนวนมาก
บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะ พอล เจ้ากี้เจ้าการกับเพื่อนในวงมากเกินไป
บ้างก็บอกว่า จอห์น ติสท์แตกเอาแน่เอานอนไม่ได้
บ้างก็บอกเป็นเพราะ โยโกะ แฟนของ จอห์น ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของวงต้องขาดสะบั้น
บ้างก็บอกว่า จอร์จ จริงจัง เคร่งขรึมมากเกินไป
บ้างก็บอกว่า ริงโก สตาร์ ต้องการแสดงหนังและดนตรีในแนวทางของตัวเอง
บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะ ไบรอัน เอพสเตน ผู้จัดการของวงผู้เปรียบเสมือนเป็นพ่อของวง The Beatles ได้เสียชีวิตลง ทำให้สมาชิกในวงขาดเสาหลักที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ให้เป็นหนึ่ง
4
เหตุผลเหล่านี้คือ สิ่งที่แฟน ๆ นักวิเคราะห์ต่างพูดถึง แต่ก็ไม่มีใครทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเหตุผลไหนกันแน่ หรือแท้จริงแล้วทั้งหมดนี้อาจเป็นสาเหตุทั้งหมดที่ The Beatles วงแตกก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยินเหตุการณ์เบื้องหลังในช่วงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นในวง อันนำมาสู่การปิดฉากวงในเวลาต่อมา
เมื่อไม่นานมานี้สารคดี The Beatles : Get Back ได้ถูกนำมาฉายทาง Disney + โดยตัวสารคดีจะพาเราย้อนกลับไปดูเบื้องหลังการสร้างสรรค์อัลบั้ม Let It Be อันเป็นอัลบั้มลำดับที่ 12 ซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้ายของวง The Beatles โดยตัวสารคดีสร้างมาจากฟุตเทจที่บันทึกวิดีโอโดย ไมเคิล ลินด์เซย์-ฮอกก์ เมื่อปี 1969 ด้วยความยาวกว่า 55 ชั่วโมง และเทปที่ถูกบันทึกเสียงที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนอีกกว่า 140 ชั่วโมง ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัยอย่างดีของบริษัท Apple Crops มานานกว่า 50 ปี และในตอนนี้ภาพเหล่านี้ก็ได้ถูกนำมาถ่ายทอดให้เราได้เห็นในสารคดี The Beatles : Get Back
6
สารคดี The Beatles : Get Back ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับชื่อดังที่เคยกำกับหนังไตรภาค the lord of the rings ตัวสารคดี The Beatles : Get Back ถูกทำออกมาให้เหลือความยาว 6 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 3 ตอน
แต่ละตอนมีความยาว 2 ชั่วโมง
ตัวสารคดีพูดถึงเรื่องราวในปี 1969 วง The Beatles ไม่ใช่วงเด็กหนุ่มวัยใสอีกต่อไป แต่พวกเขาคือวงดนตรีซุปเปอร์สตาร์ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกมากว่า 10 ปี แต่ด้วยแฟนเพลงเคร่งศาสนาได้ต่อต้านเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ออกสื่อของ จอห์น และ พอล อีกทั้งข่าวการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของ ไบรอัน เอพสเตน ผู้จัดการผู้เป็นเสาหลักของวง ทำให้วง The Beatles ตัดสินใจไม่แสดงคอนเสิร์ตเลยตั้งแต่กลางปี 1966 พวกเขาต้องการหยุดพักใจ ทำงานแต่ในสตูดิโอ เพื่อหาทางผลิตอัลบั้มใหม่ออกมา แล้วพวกเขาก็ออกอัลบั้มได้ถึง 5 อัลบั้มด้วยกัน ในจำนวนนี้มีอัลบั้ม Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ที่ถูกจัดว่าเป็น อัลบั้มเพลงที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาลอยู่ด้วย
2
ในช่วงปลายปี 1968 ไมเคิล ลินด์เซย์-ฮอกก์ ผู้กำกับที่เคยถ่ายทำ MV เพลง Hey Jude ให้ The Beatles ได้ยื่นข้อเสนอที่จะจัดคอนเสิร์ตให้กับทางวง โดยมีข้อแม้ว่าต้องยอมให้เขาบันทึกภาพเบื้องหลังระหว่างซ้อม ระหว่างผลิตงานเพลง ระหว่างการอัดเสียงอัลบั้ม Let It Be
พอล รู้สึกว่าตัวเองและวงห่างหายจากการเล่นคอนเสิร์ตมานาน จึงอยากกลับมาแสดงและพบเหล่าแฟน ๆ อีกครั้ง พอลได้โน้มน้าวให้ทางวงเห็นด้วยกับความคิดนี้ แล้ววง The Beatles จึงตอบรับกับโปรเจกต์นี้
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การที่สมาชิกในวงไม่ได้เล่นดนตรีด้วยกันมานานหลายปี เมื่อกลับมารวมตัวกันใหม่ ทำให้เห็นว่าแต่ละคนมีแนวทางความคิดวิธีทำงานแตกต่างกันไปคนละทาง ในสารคดีเราจะได้เห็นความเป็นผู้นำของ พอล ที่พยายามให้วงกระตือรือร้นทำนู้นทำนี้เพื่อที่จะได้เพลงออกมาดีที่สุด แต่มันก็ทำให้ จอร์จ ที่เครียดอยู่แล้วกับการที่มีช่างภาพมาคอยบันทึกภาพตลอดเวลาอดรนทนไม่ไหว ประกาศลาออกจากวงแล้วเดินจากไปอย่างดื้อ ๆ ส่วนจอห์นที่พยายามให้วงไปต่อได้ก็ไม่ได้สนใจกับปัญหาใด ๆ มากนัก นอกจากโยโกะที่ตัวติดเขาแจตลอดเวลา ในขณะที่ ริงโก ที่เงียบรับฟังเสียงเพื่อนทุกคนและอยากให้อัลบั้มนี้เสร็จได้ทัน ด้วยเหตุผลที่ตัวเขาเองมีคิวต้องไปถ่ายหนัง The Magic Christian ต่อ
2
ในสารคดีทำให้เราเห็นว่าปัญหาต่าง ๆ ในวงไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมา แต่มันสะสมมานานหลายปีแล้ว เพียงรอวันที่ปะทุขึ้นมา และการรวมตัวซ้อมในอัลบั้ม Let It Be นี้ก็คือวันที่มันระเบิดออกมา
2
ความจริงแล้วอัลบั้ม Let It Be ในตอนแรก พอล ตั้งใจจะตั้งชื่ออัลบั้มว่า Get Back เพื่อเป็นการประกาศการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของวง The Beatles แต่เมื่อมารวมตัวกันแล้วก็เห็นเส้นทางเดินของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไปทั้งความคิด ความชอบ เต็มไปด้วยความขัดแย้ง จึงยากที่จะทำงานร่วมกันไปต่อได้ พอล จึงตั้งชื่ออัลบั้มนี้ใหม่ว่า Let It Be (ช่างมัน!) อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
5
ด้วยความขัดแย้งมากมายทำให้อัลบั้ม Let It Be ทำท่าจะล่ม คอนเสิร์ตที่คิดว่าจะมีก็อาจต้องงดไปโดยปริยาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมตึงเครียด ไม่มีความชัดเจน
แต่ด้วยมิตรภาพที่ผูกพันกันมานาน 10 ปี ทั้ง 4 ก็ยินยอมลดอัตราของตัวเอง เพื่อที่จะผลักดันทำอัลบั้มนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ เพราะทุกคนต่างก็ต้องการทำงานให้ออกมาดีที่สุด จนนำไปสู่การแสดงดนตรีสดอันเป็นตำนาน Rooftop ที่ชั้นดาดฟ้าของสำนักงานใหญ่ Apple Crops บริษัทค่ายเพลงของพวกเขาเอง เมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี 1969 โดยมิได้นัดหมายใครล่วงหน้า การแสดงคอนเสิร์ต Rooftop ในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงคอนเสิร์ตร่วมกันครั้งสุดท้ายของวง The Beatles ก่อนที่ทั้ง 4 คนจะแยกย้ายไปตามทางเดินของตัวเอง
6
สารคดี The Beatles : Get Back ไม่ใช่สารคดีที่ชี้นำให้เราเห็นภาพลักษณ์ที่สวยหรูดูดี วงดนตรีระดับตำนาน แต่มันตีแผ่ความดิบ ความจริง ความซื่อตรง ความเป็นมนุษย์ที่สุด ให้เราได้เห็นการคิด การกระทำ คำพูด และความสัมพันธ์ของสมาชิกในวงว่าเป็นยังไง โดยไม่มีการชี้นำใด ๆ ว่าใครถูกใครผิด เราสามารถติดตามดูได้อย่างใกล้ชิดและทำให้เราได้รู้จักกับวง The Beatles ในแบบที่เราไม่รู้จักมาก่อน
เมื่อเราดูสารคดี The Beatles : Get Back จบแล้ว เราอาจค้นพบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวง The Beatles อาจไม่ใช้ตอนที่วงประสบความสำเร็จมีแฟนเพลงมากมายให้การต้อนรับ แต่อาจเป็นตอนที่วงถึงทางตันแล้ววงยังมีกันและกันก็เป็นได้ครับ
6
อ้างอิงเนื้อหาและรูปภาพจาก
สารคดี The Beatles : Get Back
โฆษณา