10 ก.พ. 2022 เวลา 08:55 • ปรัชญา
เมื่อไม่นานมานี้ตัวผมได้มีโอกาสได้เข้าอบรมการซ้อมดับเพลิงประจำปีขององค์กรที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งการอบรมก็ผ่านไปด้วยดีรับ ได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานจากท่านวิทยากรในเวลาด้วยกัน
แม้จะเป็นเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งวันแต่ความรู้นี้คงช่วยให้ผมเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่เกี่ยวกับเพลิงไหม้ได้ไปตลอดชีวิต ผมจึงรู้สึกขอบคุณทีมงานวิทยากรเป็นอย่างสูง
โดยในช่วงเช้าของวันที่อบรมนั้น ท่านวิทยากรได้เริ่มด้วยการอธิบายว่าไฟนั้นมีกี่ประเภท อะไรบ้างและสามารถใช้ถังดับเพลิงชนิดไหนดับแล้วจะได้ผลชะงัด ตอนนั้นแหละที่ผมคิดขึ้นในใจว่า
มีไฟประเภทไหนบ้างละที่ถังดับเพลิงใดๆในโลกไม่สามารถที่ให้มันมอดลงได้
ความคิดตอนแรกแค่เพียงนึกสนุกเท่านั้นเองครับ แต่ลองคิดให้ลึกแล้วมันดันไปไกลเสียนี่ จึงได้เขียนบทความเรื่องนี้ขึ้นมาให้ทุกท่านได้อ่านและลองถกกันสิว่า ที่ผมว่ามานั้นคิดเห็นเป็นอย่างไร และอยากจะเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมบ้าง
ไฟที่ผมนึกถึงก็คือไฟในใจของเรานั้นเองครับ ทุกคนมีกองไฟอยู่ในใจ หลายครั้งที่เรามักจะพูดกันติดปากว่า 'เป็นคนมีไฟ' อะไรทำนองนั้น ซึ่งผมเองก็มีไฟเหมือนกันคือไฟอันแรงกล้าที่จะเป็นนักเขียนให้ได้ในสักวัน ผมขอเรียกว่าไฟแห่งการตามรอยความฝันนะครับ แน่นอนว่าทุกท่านสามารถตั้งชื่อกองไฟใหญ่น้อยของตนได้ตามสะดวก
มาจนถึงตอนนี้ท่านคงมีคำถามว่า นี้นะหรือไฟที่ไม่สามารถดับได้ แต่จะไปดับมันทำไมเล่าในเมื่อมีมันอยู่ก็ดีแล้ว ขออภัย ผมเห็นด้วยเป็นอย่างสูง ผมเองก็ไม่คิดจะหาวิธีมาดับไฟที่ดีเช่นนี้หรอกครับ
แต่ไฟในใจนั้นมีหลายประเภทเช่นเดียวกับไฟที่ท่านวิทยากรอธิบายในวันที่อบรม
แล้วไฟในใจประเภทไหนละที่ควรรีบดับลงเสียให้ไว
ทุกท่านครับ ทุกท่านคงรู้อยู่แล้วว่าสิ่งไหนดีหรือชั่วดังนั้นผมคงไม่ตอบอธิบายเยอะมากมายนัก ขอยกตัวอย่างสักหน่อยเท่านั้น ไฟประเภทที่ไร้ประโยชน์แถมให้โทษก็คือ ไฟแห่งความอิจฉา ไฟแค้น อะไรแบบนี้แหละครับ ท่านอาจรู้จักหรือพบเห็นชื่อเหล่านี้ได้ในละครหลังข่าว ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้มีส่วนใดๆกับการตั้งชื่อเรื่องละครนะครับ
เอาละครับ พอแยกออกแล้วสิ่งต่อมาคงต้องหาวิธีดับมันใช่ไหมครับ ทำอย่างไรดี หากมันเป็นระยะเริ่มต้นเราอาจใช้ถังดับเพลิงธรรมดาดับลงได้ นั้นสำหรับไฟปกติ
แต่สำหรับไฟร้ายในอกแล้วละก็คนที่จะดับได้คือเจ้าของกองไฟนั้นครับ ผมขอแนะนำให้เริ่มจากการนั่งในที่เงียบๆก่อนกับสมุดหรือกระดาษสักแผ่น ปากกาสีอะไรก็ได้ จากนั้นผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆนึกถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา หลายวัน หลายเดือน หรือหลายปีก่อน ไล่เรียงมาเรื่อยๆผ่านมาถึงปัจจุบัน
ในระหว่างไล่เรียงเรื่องราวจากอดีตนั้น ท่านคงพบเห็นเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์แทรกอยู่ในนั้นบ้างเป็นระยะๆ มากน้อยแล้วแต่คนไป นั้นแหละครับที่ผมอยากให้จับจ้องมันเอาไว้ เพราะมันอาจจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ไฟที่ไร้ประโยชน์ลุกโชนขึ้นได้ และบ้างคนมันก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น เราก็มาถึงขึ้นตอนถัดไปครับ คร่าวนี้ถึงคิวกระดาษเปล่ากับปากกาของเราแล้ว ผมข้อยกตัวอย่างของผมนะครับ
เหตุการณ์เมื่อราวๆเกือบๆสองปีก่อน ผมเคยฉิจฉาเพื่อน ซึ่งเพื่อนของผมคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะสำเร็จไปหมดโดยที่เขาไม่ต้องพยายามมากนัก นี้จึงเป็นเหตุให้ผมรู้สึกอิจฉาต่อเขามาก เพราะตัวผมเองทำอะไรก็ติดขัดไปเสียหมด เห็นแล้วใช่ไหมครับ มันง่ายๆแค่นี้เอง แค่เท่านี้ก็เหมือนจุดไฟกองน้อยขึ้นมาแล้วหากมันอยู่ใกล้กับกองฟางแล้วละก็มันจะลุกลามอย่างรวดเร็วจนเรานึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อครู่มันยังเป็นแค่กองไฟกองเล็กๆกองนึงเท่านั้น
เอาละครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
เริ่มแรกเขียนไปที่หัวกระดาษ
หากฉันกำลังมีไฟแห่งความอิจฉาอยู่ในใจ ตัวฉันจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
จากนั้นท่านก็เริ่มเขียนเลยครับ เรียงกันลงมาเลย กี่ข้อก็ได้แล้วแต่ท่านจะนึกออก แต่ผมขอรับประกันได้เลยว่ามันจะน้อยมาก หรือไม่มีอยู่เลย และผมเองก็ไม่มีอยู่เลยครับ ผมนั่งนึกอยู่นานมากเพื่อพิสูจน์ว่าไฟกองนี้มันไร้ประโยชน์และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ กระดาษผมว่างเปล่า
หลังจากหน้าแรกอันว่างเปล่า ท่านก็พลิกกระดาษมาอีกด้านครับ และเขียนลงไปแบบกลับกันว่า
หากฉันดับไฟกองนี้ลงได้ มิให้มันก่อตัวจนเกินควบคุม ฉันจะได้รับประโยชน์ใดบ้าง
กติกาเหมือนข้อก่อนหน้าครับ ท่านสามารถเริ่มได้เลย กี่ข้อก็ได้แล้วแต่สะดวก บ้างที่มันอาจจะเป็นสิบๆข้อก็ได้นะครับ ผมเองก็เริ่มว่างปากกาลงบนกระดาษแล้ว หน้านี้ผมไม่ได้ปล่อยว่างไว้เพราะมันมีหลายข้อให้เขียนลงไป
1.หากฉันดับมันลงได้ฉันจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ทุกร้อนในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
2.เพื่อนคนนี้คือเพื่อนรักของฉัน หากฉันรู้สึกอิจฉาต่อเขาเท่ากับว่าฉันผิดต่อเขาด้วยและไม่ใช่เพื่อนที่ดีเลย
3.หากฉันลองมองอีกมุม บางที่เขาอาจจะพยายามอย่างมากโดยที่ฉันไม่เห็นก็ได้ และคงมากกว่าฉันแน่แท้ ดังนั้น ฉันจะพยายามให้มากขึ้นและสักวันฉันจะสำเร็จได้เรื่องที่ฉันมุ่งหวัง
4.หากฉันควมคุมมันได้เท่ากับว่าฉันได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวฉันในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
และนี้ก็คือคร่าวๆนะครับ จริงๆมีอีกมากมายเหนือจะนับ
ทั้งหมดนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ไฟนั้นมีทั้งที่ดีและร้าย หากดีให้รีบสุมฟืนเข้าอย่าให้มอดเด็ดขาด หากเป็นไฟที่ไร้ประโยชน์ก็ให้รีบดับลงให้ไว้ที่สุด
และขอยํ้า คนที่จะดับมันได้ชะงัดที่สุดก็คือตัวคุณเองครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบ ทุกท่านสามารถแสดงความคิดเห็นกับผมมาได้นะครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดกันครับ
จะเป็นเกียรติอย่างสูงหากได้อ่านแนวคิดของทุกท่าน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา