Blockdit Logo (Mobile)
ชตระกูล ศรีสวัสดิ์
•
15 ก.พ. 2022 เวลา 13:55 • ไลฟ์สไตล์
พรุ่งนี้​หยุดๆ... ขอมาเล่ามุกในการไล่ปูตินออกจากตำแหน่ง โดยประธานการประชุมนายทหารรัสเซียที่ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงปูตินได้ล่ะ...
ผมขอเอาวาระการประชุมของนายทหารทั้งหมดของรัสเซีย ที่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนอันประกอบด้วยนายทหารที่เกษียณอายุแล้ว..มานำเสนอกันนะครับ
ปมของปัญหาคือจดหมายนี้ถูกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 31 มกราคมและมันยังคงอยู่บนเว็บไซต์ทางการของการประชุมเจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดของรัสเซีย หากนายทหารรัสเซีย Ivashov คนนี้ชี้แจงว่าเขาไม่ได้เขียนทำไมเว็บไซต์จึงไม่ออฟไลน์
1
ในขณะที่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ก็เข้าหารือเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนในมอสโก (7 กุมภาพันธ์ 2565)
ก่อนที่รัสเซียจะส่งกำลังทหาร 70% สำหรับการบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
1
กองทัพสหรัฐฯ ก็คาดว่าก่อนเดือน พฤษภาคม เมืองหลวงของยูเครน เคียฟ จะถูกยึดภายใน 72 ชั่วโมง
1
ในช่วงเวลาวิกฤต ทหารผ่านศึกผู้รักชาติและภักดี ได้ขอเป็นประธานการประชุม "All-Russian Officers' Conference" โดยพลตรี Leonid Ivashov ที่เกษียณอายุราชการเป็น​ประธาน... และได้ตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกถึง วลาดิมีร์ ปูติน
1
โดย​ระบุชัดเจนว่ารัสเซียเป็นฝ่ายที่จัดส่งกองกำลัง...
เจ้าหน้าที่ผู้รักชาติเพื่อต่อต้านสงครามรัสเซีย - ยูเครน... ขอให้ปูติน...ลาออก
1
มันเป็น...เพราะ....
สงครามคือ "โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่" และ "อาชญากรรมร้ายแรง" Ivashov ได้ชี้ให้เห็นในจดหมายเปิดผนึกว่ารัสเซียและสหภาพโซเวียตเคยเข้าร่วมในสงครามที่ "ถูกบังคับ" ในอดีต และโดยปกติแล้ว....พวกเขาไม่มีทางเลือก
1
ต่างกับครั้งนี้...
เขากล่าวว่า “มีอะไรที่จะคุกคามการดำรงอยู่ของรัสเซียในทุกวันนี้ เราเห็นมีแต่ภัยคุกคามที่แน่ชัดว่าประเทศอยู่ในชายขอบของประวัติศาสตร์ มีการลดลงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ๆสำคัญทั้งหมด รวมทั้งประชากร และการเกิดที่ลดลงฮวบๆตามสถิติโลก”
Ivashov ชี้ให้เห็นว่าภัยคุกคามภายนอกแม้ว่าจะไม่สำคัญก็ตาม
เสถียรภาพทางยุทธศาสตร์โดยรวมยังคงมีการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์อย่างน่าเชื่อถือจากกองกำลังของ NATO ยังไม่ได้รวมตัวกัน และยังไม่มีกิจกรรมที่คุกคามใดๆ
อดีตหัวหน้าสถาบันภูมิรัฐศาสตร์แห่งรัสเซียให้เหตุผลว่า ยูเครนในฐานะประเทศเอกราชที่มีสิทธิที่จะปกป้องตนเองทั้งรายบุคคลและส่วนรวม
และสถานการณ์รอบ ๆ ยูเครนเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวสำหรับกองกำลังภายในประเทศของรัสเซีย(เพียงบางส่วน)
โดยธรรมชาติแล้ว หากยูเครนต้องการเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรกับรัสเซีย มันแทบไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าแบบจำลองของรัฐ และระบบพลังงานนั้นน่าดึงดูดใจ
เขาเขียนโดยสังเกตว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกไม่ยอมรับการผนวกไครเมียและเซวาสโทพอล โดยรัสเซีย...
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความล้มเหลวของนโยบายต่างประเทศของรัสเซียและการขาดความน่าดึงดูดใจภายในประเทศ
1
เขาเชื่อว่าการใช้กำลังกับยูเครนจะเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของรัสเซียเองในฐานะรัฐ จนอาจทำให้รัสเซียและยูเครนเป็นศัตรูกันตลอดไป ก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งสองฝ่าย และพุ่งเข้าสู่ความขัดแย้งกับกลุ่มประเทศ NATO
โดยเฉพาะความขัดแย้งกับตุรกี
1
ตุรกี อาจใช้โอกาสนี้ที่จะ "ปลดปล่อย" ไครเมียและเซวาสโทพอล และอาจรุกรานเข้าสู่คอเคซัส
นอกจากนี้ รัสเซียจะเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุด จนกลายเป็นคนโกงในประชาคมระหว่างประเทศ และอาจถูกปลดออกจากสถานะเป็นรัฐอิสระ
สุดท้าย...เขาจบลงด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ปูตินอย่างรุนแรง
ในความเห็นของเรา ผู้นำของประเทศนี้ตระหนักดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะนำประเทศออกจากวิกฤตอย่างเป็นระบบ จึงตัดสินใจปลุกระดมความตึงเครียดให้ใกล้เกิดสงครามเพื่อหันเหความสนใจของประชาชนจากปัญหาภายในประเทศ
นายพลผู้มีชื่อเสียงรายนี้กล่าวว่าเขากำลังขอให้ปูตินละทิ้งนโยบายอาชญากรรมที่ยั่วยุให้เกิดสงคราม และขอให้ลาออกใน(เกียรติ)นามของนายทหารรัสเซีย
และบล๊อคต่อไปนี้เป็นคำแปลจดหมายเปิดผนึก(แบบงูๆปลาๆของกระผม)ของนายพลผู้เที่ยงธรรม
1
ในการประชุมนายทหารของรัสเซียต่อประธานาธิบดีและพลเมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย
ทุกวันนี้ มนุษย์อาศัยอยู่ท่ามกลางความคาดหมายของสงคราม สงครามคือการสูญเสียชีวิต ,การทำลาย ,ความทุกข์ทรมานของประชาชนจำนวนมาก ,การทำลายวิถีชีวิต ,การล่มสลายของระบบชีวิตของชาติและประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี้อาจเป็นมหาสงคราม เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ และบางคนก็มีความผิดฐานก่ออาชญากรรมร้ายแรง ดังนั้น รัสเซียจึงเป็นศูนย์กลางของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
รัสเซีย (สหภาพโซเวียต) ได้ต่อสู้กับการบังคับ (ให้เกิด) สงครามมาก่อน แต่บ่อยครั้ง...เมื่อผลประโยชน์ที่สำคัญของรัฐและสังคมตกอยู่ในความเสี่ยง และไม่มีทางเลือกอื่น
อะไรที่คุกคามการมีอยู่ของรัสเซียในทุกวันนี้ และมีภัยคุกคามเช่นนั้นจริงหรือไม่?
1
พูดได้คำเดียวว่า มีภัยคุกคามที่แท้จริง กลับซ่อนในประเทศที่กำลังจะสิ้นสุดในประวัติศาสตร์ ในพื้นที่ที่สำคัญทั้งหมด มันรวมทั้งประชากรที่ยังคงเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการสูญพันธุ์ของประชากรที่กำลังทำลายสถิติโลก และการเสื่อมสภาพอย่างเป็นระบบ และในระบบที่ซับซ้อนอาจทำความเสียหายต่อองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง จนอาจทำให้ทั้งระบบล่มสลายได้
เราเชื่อว่านี่ต่างหาก...เป็นภัยคุกคามหลักที่สหพันธรัฐรัสเซียเผชิญอยู่
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นภัยคุกคามจากบุคคลภายในของรัฐ ด้วยคุณภาพของอำนาจ และสภาพของสังคม
สาเหตุของการก่อตัวล้วนเป็นเรื่องภายใน
โมเดลของรัฐนี้ใช้การไม่ได้ อำนาจและการจัดการใช้การไม่ได้โดยสิ้นเชิงและไม่เป็นมืออาชีพ สังคมอยู่เฉยๆ และไม่มีความรู้สึกร่วมกัน และไม่มีประเทศใดสามารถอยู่ได้นานในรัฐนี้
อย่างไรก็ตาม การประเมินของผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กุญแจสู่ภัยคุกคามโดยตรงต่อการดำรงอยู่ของรัสเซียและผลประโยชน์ที่สำคัญของรัฐ
โดยรวมแล้ว เสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ ยังคงรักษาไว้ได้
อาวุธนิวเคลียร์ได้รับการควบคุมอย่างน่าเชื่อถือ และไม่มีกองกำลังของ NATO ที่ก่อตัวขึ้นและไม่มีกิจกรรมอื่นใดที่คุกคาม
ดังนั้น สถานการณ์วิกฤตในยูเครนจึงเป็นเรื่องแรก และสำคัญที่สุด
แต่นี้กลับเป็นการหลอกลวงและความเห็นแก่ตัวของกองกำลังภายในประเทศบางแห่ง รวมทั้งสหพันธรัฐรัสเซีย ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างเด็ดขาดของรัสเซีย (ในสมัยของเยลต์ซิน) สหภาพโซเวียตจึงสลายตัวและยูเครนกลายเป็นรัฐอิสระ เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และอยู่ภายใต้มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญยูเครน และมาตรา 51 ของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติที่รับรองสิทธิในการป้องกันตนเองทั้งแบบรายบุคคลและส่วนรวม
1
แต่บรรดาผู้นำของสหพันธรัฐรัสเซียยังไม่ยอมรับผลการลงประชามติเกี่ยวกับเอกราชของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์แห่งยูเครนตะวันออกและสาธารณรัฐโดเนตสค์ แต่ได้เน้นย้ำหลายครั้งว่าดินแดนและประชาชนของพวกเขาเป็นของประเทศยูเครน
1
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงได้แสดงความปรารถนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะรักษาความสัมพันธ์ตามปกติกับเคียฟ โดยไม่เน้นความสัมพันธ์พิเศษกับสาธารณรัฐประชาชนลู่หานสค์และสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์
แต่ ขอให้วางใจ ..ปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเคียฟในภาคตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาที่ UN หรือ OSCE แน่นอน
เพื่อให้ยูเครนเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นกัลยาณมิตรของรัสเซีย ยูเครนต้องแสดงให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจของรูปแบบการปกครองของรัฐและระบบพลังงานของรัสเซีย
1
แต่รัสเซียไม่ได้ทำเช่นนั้น รูปแบบการพัฒนาและกลไกนโยบายต่างประเทศของความร่วมมือระหว่างประเทศทำให้เพื่อนบ้านเกือบทั้งหมดแปลกแยกและมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ดังเช่น การได้มาซึ่งไครเมียและเซวาสโทพอลของรัสเซีย ซึ่งยังไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ (กล่าวคือ โลกส่วนใหญ่ยังคงถือว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน) เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่านโยบายต่างประเทศของรัสเซียไม่ยืนนิ่ง นโยบายภายในประเทศก็เช่นกัน
การบังคับ "ด้วยความรัก" ของสหพันธรัฐรัสเซียและผู้นำผ่านคำผูกขาดที่ไม่ละเมียดละไมและการคุกคามด้วยกำลังนั้น ไร้จุดหมายและอันตรายอย่างยิ่ง
จนเกิดคำถามมากมาย เช่น...การใช้กำลังทหารเพื่อต่อต้านยูเครนทำให้เกิดคำถามว่ารัสเซียมีสถานะเป็นรัฐจริงๆหรือไม่?
มันจะทำให้รัสเซียและยูเครนเป็นศัตรูกันอย่างมหันต์ ...ในอนาคตหรือปล่าว?
1
สุดท้าย คนหนุ่มสาวหลายพันคน (อาจถึงหลายหมื่น) เสียชีวิต ซึ่งจะส่งผลต่อประชากรในอนาคตของประเทศที่ใกล้สูญพันธุ์
ในสนามรบ หากเกิดเหตุการณ์นี้ กองทัพรัสเซียจะไม่เพียงเผชิญหน้าทหารกับยูเครนเท่านั้น รวมถึงชาวรัสเซียจำนวนมาก แต่ยังรวมถึงกองทหารและยุทโธปกรณ์ของเหล่าประเทศ NATO ในหลายประเทศ และสมาชิกของพันธมิตรจะต้องประกาศสงครามกับรัสเซียอย่างแน่นอน
อย่างเช่น ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐตุรกี Erdogan ได้ทำให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นว่าฝ่ายใดที่ตุรกีจะต่อสู้
และเป็นที่คาดหวังได้ว่ากองทัพภาคสนามและกองยานของตุรกี กองทัพทั้งสองจะได้รับคำสั่งให้ปลดปล่อยไครเมียและเซวาสโทพอล และอาจจะบุกคอเคซัส
นอกจากนี้ รัสเซียจะถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศอย่างชัดเจน โดยอาจถูกคว่ำบาตรอย่างรุนแรง กลายเป็นรัฐที่ขี้โกงในประชาคมระหว่างประเทศ และอาจถูกปลดออกจากสถานะเป็นรัฐอิสระ
1
คำถามคือ อะไรคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดและความเป็นปรปักษ์ครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในยามสงคราม?
1
จำนวนและกำลังของกองกำลังที่รวมตัวกันทั้งสองด้าน ที่ดูไม่น้อยกว่า 100,000 ในแต่ละด้าน
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ รัสเซียยังดื้อข้ามพรมแดนด้านตะวันออกเพื่อส่งกองกำลังไปยังชายแดนยูเครน
โดยเชื่อว่าผู้นำระดับประเทศตระหนักดีว่าพวกเขาไม่สามารถยกประเทศออกจากระบบวิกฤตที่อาจนำไปสู่การลุกฮือของประชาชนและเปลี่ยนแปลงอำนาจของประเทศด้วยการสนับสนุนของคณาธิปไตย (เจ้าหน้าที่ทุจริตสื่อที่กระตือรือร้นที่มีอำนาจตัดสินใจเสริมนโยบายที่จะทำลายความเป็นมลรัฐของรัสเซียอย่างสมบูรณ์และกวาดล้างประชากรพื้นเมืองของประเทศ)
สงครามที่ใช้เป็นวิธีการแก้ปัญหานี้ ใช้เพื่อรักษาอำนาจการต่อต้านไว้ชั่วคราวและปกป้องความมั่งคั่งที่ถูกปล้นไปจากประชาชน แต่นี้เป็นคำอธิบายเดียวที่เราคิดได้
1
ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย โปรดทราบว่าเราเป็นนายทหารของรัสเซีย​ เราเรียกร้องให้ยกเลิกนโยบายอาชญากรรมของการยั่วยุสงคราม
ซึ่งจะทำให้สหพันธรัฐรัสเซียอยู่ตามลำพังกับกองกำลังผสมของตะวันตกตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐรัสเซีย
ดังนั้น...กรุณาแจ้งการลาออกของคุณ
ประธานการประชุม "All-Russian Officers' Conference" โดยพลตรี Leonid Ivashov .
โฆษณา