11 ก.พ. 2022 เวลา 12:21 • ไลฟ์สไตล์
ช่วงเวลาที่ตึงเครียดของรัสเซียและยูเครน!
มาครงเลี่ยงสหรัฐอเมริกาเพื่อมาแอบพบกับรัสเซียและยูเครน แน่นนอนมุกนี้ไบเดนต้องรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
1
ล่าสุด สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนได้กระทบกระเทือนใจใครหลายๆ คน สถานการณ์ระหว่างสองประเทศก็ใกล้จะพังทลายเนื่องจากการประจำการของทหาร 100,000 นาย ขณะนี้บางประเทศยังคง"เฝ้าดู" ข้างสนาม ไม่หวังว่าเรื่องจะใหญ่โตขึ้น
ตามรายงาน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง เยือนรัสเซียในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ และไปเยือนยูเครนในวันรุ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของฝรั่งเศสคือการปรับสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน
แต่คราวนี้ โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ
1
ฝรั่งเศสข้ามพรมแดนโดยตรง ไม่บอกสหรัฐอเมริกา และในระหว่างการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน มีรายละเอียด 3 เรื่องที่ต้องให้ความสนใจ
เห็นได้จากลำดับการเยือนของมาครง
ทัศนคติของรัสเซียเป็นจุดสนใจของสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน สำหรับยูเครน การแลกเปลี่ยนนี้ไม่เท่ากันแต่เหมือนเป็นการปรับฝ่ายเดียวมากกว่า โดยเหมาะสมกว่าที่จะเรียกว่าความขัดแย้งในยูเครนเป็น เกมไตรภาคีระหว่างสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และสหภาพยุโรป
1
ต่อมา..การเดินทางไปฝรั่งเศสจะทำให้ไบเดนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในการตอบสนองต่อกระแสของสื่อเกี่ยวกับสงครามที่ใกล้จะเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน ประธานาธิบดียูเครนได้ประณามต่อสาธารณชน จนทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกาต้องพูดออกมา โดยกล่าวว่าสงครามไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน
เมื่อทำเนียบขาวแสดงถึงความอับอาย
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็ไม่รีรอที่จะเยือนสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และยูเครน โดย "ทำให้สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนเย็นลง"
พฤติกรรมของฝรั่งเศสในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่ออำนาจของสหรัฐฯ
1
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้ควบคุมประเทศต่างๆ ในยุโรปมาโดยตลอด ก่อนหน้านั้น สหรัฐฯ มักจะกระตือรือร้นที่จะยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างยุโรปและรัสเซียเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
ในท้ายที่สุด มาครงก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน
งานนี้เขาไม่เพียงเป็นตัวแทนของทัศนคติของฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของทัศนคติของสหภาพยุโรปทั้งหมดด้วย
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและโปแลนด์ ได้โทรศัพท์ไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เห็นได้ชัดว่าจะพยายามหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเจรจาระหว่างฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์
ท้ายที่สุด โปแลนด์และรัสเซียที่เป็น "ศัตรูเก่า" แต่..คราวนี้ ฝรั่งเศสใช้ความคิดริเริ่มในการโจมตีในนามของสหภาพยุโรปทั้งหมดและไม่ได้ "เล่นบท" โดยสหรัฐฯ อีกต่อไป
1
เนื่องจากยังมีความแตกต่างทางผลประโยชน์ระหว่างสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
1
พฤติกรรมของการข้ามพรมแดนสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ยังแสดงออกโดยตรงถึงทัศนคติของฝรั่งเศส และไม่เต็มใจที่จะดำเนินการต่อ เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ
พฤติกรรมของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสในครั้งนี้เปรียบเสมือนการแบ่งพรมแดนกับสหรัฐฯ และป้องกันไม่ให้สหภาพยุโรปกลายเป็น "คนโง่" ของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสประสบกับเหตุการณ์ "แถจนสีข้างถลอก" เรื่องเรือดำน้ำ ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของสหรัฐฯ
2
เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สหรัฐฯ ยอมเสียสละผลประโยชน์ของประเทศอื่น ๆ มาโดยตลอด ถึงแม้จะเป็นพันธมิตร สหรัฐฯ ก็ใช้อุบายลวงหลอกให้ฝรั่งเศส "เชื่อฟัง" อย่างสมบูรณ์
และการกระทำเหล่านี้ยังทำให้ทั้งสองประเทศ แปลกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่มาครงขึ้นสู่อำนาจ เขาเคยพูดถึง "ความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์" เสมอ
เขาแอบร้องเพลงต่อต้านวอชิงตัน และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า NATO "เป็นเสือกระดาษเท่านั้น"
1
อันที่จริง ตราบใดที่ฝรั่งเศสยึดมั่นในสโลแกน "เอกราช" สหรัฐฯ ก็จะยังคงต่อสู้กับฝรั่งเศสต่อไป
เมื่อเทียบกับภูมิหลังดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่ Macron ได้ดำเนินการดังกล่าวเพื่อริเริ่ม และเพื่อป้องกันไม่ให้สหภาพยุโรปสูญเสียสิทธิ์ในการพูดทั้งหมด และมีเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่จะปฏิบัติตาม
การประชุมในฝรั่งเศสครั้งนี้ทำให้รัสเซียสามารถริเริ่มในประเด็นรัสเซีย-ยูเครนได้อีกครั้ง ซึ่งเห็นอย่างชัดเจนว่า....เป็นสิ่งที่ไบเดนไม่ต้องการเห็น
3
โฆษณา