12 ก.พ. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
5 เทคนิคสร้าง Work-Life Balance อย่างมีประสิทธิภาพสไตล์ XO
2
เชื่อว่าคนทำงานหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Work-Life Balance กันมาแล้ว
นั่นคือ การบาลานซ์ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้สมดุลกัน ซึ่งถึงแม้ทุกคนจะมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
แต่ทุกคนนั้นย่อมสร้างสิ่งที่เรียกว่าสมดุลให้ชีวิตได้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน บางคนให้ความสำคัญกับงานเป็นหลัก บางคนแบ่งเวลามาเพื่อดูแลครอบครัว
ในขณะที่บางคนก็ใช้เวลาเพื่อไล่ตามความฝัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนเราสามารถให้ความสำคัญกับทุกอย่างได้
จากบทความที่ผ่านมา คงจะได้เห็นแล้วว่า Exotic Food หรือเราชาว XO ได้ทำการขยายความสุขในการทำงานเพื่อให้พนักงานได้ใช้ชีวิตแบบ Work-Life Balance มากขึ้น
วันนี้เราจึงอยากมาแชร์ 5 เทคนิคสำคัญ ที่จำช่วยให้ทุกคนนั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ไปพร้อมๆกับการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
1) หาจุดที่พอดีกับตนเองให้ได้
2
แน่นอนว่าสมดุลในการใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นย่อมไม่เท่ากัน การที่จะแบ่งทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวแบบครึ่ง-ครึ่งนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลายคนต้องการ
ดังนั้น หากเราจะชอบทุ่มเทให้กับงานมากกว่า ก็ต้องไม่ลืมที่จะต้องใช้ชีวิตของตนเองด้วย
อาจจะลองให้ความสำคัญที่งาน 60% และเรื่องส่วนตัว 40% ก็ย่อมได้
ขอเพียงแค่จุดที่พอดีนี้เป็นจุดที่เราพึงพอใจและคิดว่าสามารถทำได้ ไม่หนักจนฝืนตนเองจนเกินไป
2) ขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนระหว่างงานและเรื่องส่วนตัว
3
สิ่งที่หลายๆคนเคยประสบ คือการที่บางทีเราเผลอกังวลเรื่องส่วนตัวในเวลาทำงาน หรือบางทีอาจจะเผลอเช็คงานทั้งๆที่กำลังนอนชิลๆอยู่ที่บ้าน
2
ดังนั้น วิธีการจัดการที่ดีที่สุด คงจะเป็นการแบ่งแยกสิ่งที่ต้องทำในเวลางานกับเวลาใช้ชีวิตของตนเองออกจากกันอย่างเด็ดขาด
ตั้งใจกับการทำงานเมื่ออยู่ในเวลางาน และให้เวลากับตัวเองและครอบครัวอย่างเต็มที่เมื่อหมดเวลางาน เพื่อให้ตนเองได้โฟกัสในการใช้ชีวิตในแต่ละพาร์ทให้มากยิ่งขึ้น
3) หัดพูดปฏิเสธให้เป็นและขอความช่วยเหลือบ้าง
3
หลายๆคนมักจะเคยได้รับคำไหว้วานจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ ให้ช่วยทำงานนั่นอีกนิด นี่อีกหน่อย จนกลายเป็นความเคยชินและยากจะปฏิเสธ
1
จนหลายครั้งงานที่ได้ช่วยทำ กลายเป็นงานประจำทั้งที่ไม่สมยอม จนเผลอไปกระทบกับช่วงเวลาที่จะต้องใช้ชีวิต
1
การปฏิเสธงานนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดเมื่อเราประเมินแล้วว่าไม่สามารถรับงานเพิ่มเติมจากที่ทำอยู่ได้แล้ว
1
ในขณะเดียวกันเราต้องร้องขอความช่วยเหลือบ้างเมื่องานที่เราถืออยู่นั้นมีข้อจำกัดที่เราไม่สามารถฝืนทำคนเดียวต่อไปได้
1
ซึ่งแน่นอนว่า 2 สิ่งนี้เป็นเรื่องยาก แต่หากเราทำจนเริ่มคุ้นชินเราจะพบว่านี่คือการแก้ปัญหาเรื่องงานที่นอกจากจะทำให้เรามีเวลามาเต็มที่กับชีวิตแล้ว ยังช่วยลดความกดดันในการทำงานอีกด้วย
ให้พึงระลึกเสมอว่างานที่ดีนั้น ไม่ได้เป็นงานที่ต้องพร้อมเสร็จสรรพจากเราเพียงคนเดียว หากแต่ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนที่ดีจากเพื่อนร่วมทีมด้วย
ดังนั้น จงอย่าได้กลัวที่จะต้องปฏิเสธหรือขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
4) พยายามไม่คิดเรื่องงานตลอดเวลา
2
ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จ หากเรามั่นใจว่าเราได้ทำอย่างสุดความสามารถและส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว
คงจะไม่เป็นการดีเท่าไหร่ที่เราจะมัวแต่หมกมุ่นรีเช็คงานจนกินเวลาพักผ่อนส่วนตัว บางคนหนักถึงขั้นเก็บเอางานไปฝันก็มีมาแล้ว
1
ดังนั้น การคิดเรื่องงานตลอดเวลานอกจากจะส่งผลเสียต่อสมองแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
จงลดความเพอร์เฟ็กต์หรือความสมบูรณ์แบบลงบ้าง จงเชื่อมั่นในตนเองว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว และเอาเวลาที่มาคิดทบทวนจนวนลูปนั้น เปลี่ยนเป็นการให้กำลังใจตัวเองโดยไปหาอาหารดีๆกินซักมื้อกับคนที่เรารักบ้างจะดีกว่า วางเรื่องงานลงบ้าง มันคงไม่หนีหายจากเราไปไหนหรอก
1
5) ทำสิ่งที่ทำให้ตนเองมีความสุข
2
สุดท้ายแล้วเทคนิคที่สำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้นการทำในสิ่งที่ทำให้ตนเองมีความสุข
ความสุขของบางคนคือการได้ออกไปเที่ยวในที่ใหม่ๆ ความสุขของหลายๆคนคือการได้ออกไปปาร์ตี้หรือทานมื้อค่ำแสนอร่อยกับคนที่บ้าน หรือของใครบางคนอาจจะเป็นการได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ครบ 8 ชั่วโมง
ไม่ว่าความสุขของเราคืออะไร จงอย่าลืมที่จะเติมเต็มจิตใจของตนเอง ด้วยการทำอะไรที่เราชอบบ้าง และพยายามปรับ mind set ของเราให้รู้สึกยินดีที่หมดเวลางานบ้าง
เพราะทุกครั้งหลังเลิกงาน นั่นคือเวลาที่คุณจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าอีกครั้ง
ที่กล่าวมาข้อต้นคือ 5 เทคนิคที่เราชาว XO ได้ทำกันตลอด เพื่อเพิ่ม Work-Life Balance สมดุลแห่งการทำงานและการใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
1
สุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณผู้อ่านจะมีวิธีบาลานซีวิตอย่างไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องหาวิธีที่พอดีกับตนเองให้มากที่สุด เพราะสมดุลที่ดีที่ดีที่สุดย่อมไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวคุณเอง
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา