ความดี
ในโลกยุคที่มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยความเร่งรีบ เต็มไปด้วยการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นเลิศ ตั้งแต่การแย่งชิงเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลชั้นนำ การสอบเข้าโรงเรียนประถมที่เชื่อว่าสามารถสร้างพื้นฐานการศึกษาที่ดีให้เด็กๆ เพื่อวิ่งเข้าเส้นชัยไปสู่ โรงเรียนมัธยมชั้นเยี่ยมและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปลายทางของสิ่งเหล่านี้คือ “ความสำเร็จ” แต่จะมีสักกี่คนที่ฉุกใจคิดถึงช่วงเวลาระหว่างทางแห่งความสำเร็จนั้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เด็กๆ ที่ถูกโปรแกรมให้เรียนมากกว่าเล่น อาจเติบโตมาแบบขาดทักษะหลายด้านในชีวิต
พ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อหารายได้ให้เพียงพอต่อการจ่ายค่าเล่าเรียนทั้งในโรงเรียนปกติ และ โรงเรียนสอนพิเศษ หลายคนขวนขวายซื้อหาอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกมีความสะดวกสบายในการเรียน จนแทบไม่มีเวลาสังเกตพฤติกรรมของลูกตัวเอง
หลายครอบครัวจ้างพี่เลี้ยง จ้างแม่บ้าน ให้ช่วยดูแลลูกหลาน ซึ่งหากได้คนคุณภาพดีลูกหลานก็จะได้รับการสอน การบอกเล่าในเรื่องที่ดี แต่มีไม่น้อยที่โชคร้ายได้คนไม่ดีที่ยัดเยียดพิษให้เด็กๆ พิษที่ว่านี้คืออะไร กริยามารยาทที่ไม่เหมาะสม การพูดคำหยาบคายจนติดเป็นนิสัย การไม่ใส่ใจผู้อื่น ไม่มีระเบียบวินัย ขาดความเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่าหรือที่เราเรียกว่า ก้าวร้าว นั่นเอง
ในสังคมออนไลน์ เราจะเห็นวัยรุ่น วัยทำงาน ส่วนใหญ่ใช้ภาษาหยาบสื่อสารถึงกันและกันอย่างเป็นปกติ มีไม่น้อยที่ออกมาด่าทอคนที่ “คิดต่าง” อย่างรุนแรง จนเรื่องฟ้องร้องหมิ่นประมาทกลายเป็นคดีที่อยู่ในชั้นศาลมากที่สุด
สังคมที่ดีและปกติสุขคือสังคมที่อุดมไปด้วยคนดี!!
แล้วเราจะสร้างคนดีขึ้นมาได้อย่างไร มีเกณฑ์อะไรมาตัดสินว่านี่คือคนดี และนี่คือคนไม่ดี
Global Merit 5 หรือ ความดีพื้นฐานสากล 5 ประการ เดิมทีเคยเป็นแกนหลักของการดูแลอบรมลูกหลาน แต่ยุคสมัยก้าวไปสู่ความเร่งรีบทำให้เกิดการหลงลืมเพิกเฉยพื้นฐานสำคัญเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย
ความดีสากลที่โลกต้องการ ไม่ใช่เรื่องทำยาก แต่ต้องใส่ใจที่จะทำ โดยเฉพาะคนที่มีสถานะ พ่อแม่ ครู อาจารย์ ปู่ย่าตายาย หรือแม้แต่กระทั่งผู้ยึดอาชีพพี่เลี้ยงเด็กทุกๆ คน ควรที่จะปลูกฝังให้เด็กๆ เรียนรู้จดจำสิ่งเหล่านี้ไว้ นอกจากตำราเรียน
นิยามคำว่า “คนดี” ของแต่ละศาสนาอาจจะแตกต่างกัน ลักษณะของการ “ทำความดี”ของแต่ละความเชื่อก็ต่างกัน แล้วอะไรคือคุณลักษณะของ “คนดีที่แท้จริง” ที่โลกของเราต้องการ
ข้อปฏิบัติเบื้องต้นของคนทุกเพศทุกวัย หากปฏิบัติเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย เป็นกิจวัตรประจำวัน จิตใจจะผ่องใสสามารถแยกแยะเรื่องผิดเรื่องถูก มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมรอบตัว ประโยชน์สูงสุดก็จะเกิดกับตัวเองและคนอื่นๆ ประกอบไปด้วย
ความสะอาด หมายถึงการละความสกปรกทั้งกาย วาจา และ จิตใจ สะอาดกายไม่ใช่แค่การอาบน้ำ แต่สะอาดไปถึงพฤติกรรมทางกาย คือ ไม่ฆ่า ไม่ลักทรัพย์ ไม่เจ้าชู้ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ความสะอาดวาจาก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่แปรงฟัน แต่คือการไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ หรือนินทาว่าร้ายใคร ใจสะอาดคือไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงมัวเมาอบายมุข
เป็นระเบียบ เมื่อกาย วาจา จิตใจสะอาด ความคิดก็ย่อมสะอาดตามไปด้วย การจัดระเบียบข้าวของเครื่องใช้ได้ ก็จัดระเบียบความคิดตัวเองได้ สามารถจัดระเบียบการพูดการเขียนตามมา รวมถึงอิริยาบททั้ง 4 คือ ยืน เดิน นั่ง นอน
สุภาพ การจัดระเบียบความคิด การพูด และ อิริยาบททั้ง 4 ได้ดี ก่อให้เกิดความสุภาพ ทั้งการแต่งกาย กริยามารยาทจึงทั้งสุภาพและปราณีต เมื่อได้ทำซ้ำๆ จะมีความสำรวม ร ะวังในทุกเรื่อง การจัดลำดับการพูดถูกต้อง รู้จักเลือกใช้คำ ปรับน้ำเสียงได้สุภาพอ่อนโยนน่าฟัง
ตรงต่อเวลา เวลาเป็นเรื่องสำคัญการจัดระเบียบได้ ทำให้สามารถบริหารเวลาได้ดี กลายเป็นคนตรงต่อเวลา ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้ผู้ที่ต้องติดต่อนัดหมายด้วย
สมาธิ คนที่มีความตรงต่อเวลาได้ใจย่อมเป็สมาธิ ยิ่งฝึกสมาธิกำกับไปด้วยใจจะยิ่งใสมีประสิทธิภาพยิ่งมีประสิทธิภาพในการกระทำใดๆ ได้สำเร็จลุล่วงโดยง่าย
Global Merit 5 หรือ ความดีสากล 5 ประการนี้ ไม่ขัดแย้งกับลัทธิศาสนาหรือศีลธรรมใดๆในโลก ไม่ขัดแย้งข้อกฏหมายของประเทศไหน เพราะกฏหมายมีไว้เพื่อจัดระเบียบสังคมอยู่แล้ว ไม่ขัดแย้งกับนโยบายการปกครอง เพราะทุกสังคมไม่ต้องการคนชั่ว อยากได้เฉพาะคนดี
ไม่ขัดแย้งกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเพราะการฝึกเหล่านี้ เริ่มต้นจากตัวเองโดยไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่บั่นทอนสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย แม้แต่ในสถานการณ์ควบคุม โควิด 19 ทุกประเทศทั่วโลกก็ยังนำหลักของความสะอาดและการมีระเบียบมาใช้เพื่อปกป้องประชากร
หากวันนี้เราพร้อมใจกันนำหลักการ Global Merit 5 มาใช้ สังคมแห่งความสงบสันติสุขที่จางหายไปจะมีโอกาสฟื้นคืนมาได้ไม่ยากเลย
ความดี คนดี สังคมที่ดี
เรียบเรียงโดย ......ฟ้า’พระจันทร์
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
