12 ก.พ. 2022 เวลา 15:06 • หนังสือ
คิดว่าหลายคนคงเคยรู้จัก
หนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” กันมาบ้างแล้ว
วันนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับ
การเงินทั้ง 4 ด้านในหนังสือเล่มนี้กันค่ะแต่คงต้องบอกก่อนว่าแต่ละอาชีพล้วนมีข้อดีอยู่ในตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชอบและมีความสุขกับอาชีพแบบไหนมากกว่า เพราะถ้าคุณทำงานแล้วไม่มีความสุข นั่นก็หมายความว่าอาชีพนั้นคงไม่เหมาะกับคุณ!!!
ในหนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดในด้านการเงินซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ได้จริงๆ
ให้เรานึกถึงภาพสี่เหลี่ยม สี่ช่อง
โดยแบ่งเป็น ซ้าย-บน / ขวา-บน
และ ซ้าย-ล่าง / ขวา-ล่าง
▪️ซ้าย-บน ( ด้าน E ) Employee ได้แก่ ลูกจ้าง พนักงานประจำ หรือเรียกกันว่า “มนุษย์เงินเดือน” รายได้จะขึ้นอยู่กับผลงาน ความขยัน หน้าที่และประสบการณ์ โดยต้องขายเวลาเพื่อแลกกับเงินเดือนและสวัสดิการ คนที่เลือกทำงานประเภทนี้ ต้องการความมั่งคงปลอดภัยและต้องการรายได้ที่แน่นอน แต่เงินเดือนมีเพดานจำกัด!!
▪️ซ้าย-ล่าง ( ด้าน S ) Self Employ เจ้าของ “ธุรกิจส่วนตัว” เช่น ช่างที่เปิดร้านซ่อมต่างๆ , ร้านรับทำป้ายโฆษณา เป็นต้น ธุรกิจนี้ต้องเปิดร้านตลอด ซึ่งหากจำเป็นต้องปิดร้านก็จะขาดรายได้ และเมื่อสอนลูกจ้างจนเก่งแล้ว ก็มักจะลาออกไปเปิดร้านเป็นของตัวเอง
▪️ขวา-บน ( ด้าน B ) Business owner เจ้าของธุรกิจ จะมีความเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้จะไม่เอาเวลาไปแลกกับเงิน แต่จะเอาเวลาไปแลกกับระบบธุรกิจ มีความสามารถควบคุมระบบได้ และสามารถจ้างให้คนอื่นทำงานแทน แบ่งเป็น 3 ระบบ คือ
-ระบบที่พัฒนาและสร้างขึ้นมาเอง เช่น ธุรกิจชายสี่หมี่เกี๊ยว
-ระบบแฟรนไชส์ เช่น ซื้อระบบแฟรนไชส์ของร้านกาแฟอเมซอน มาบริหารเอง
-ระบบการตลาดแบบเครือข่าย จ่ายเงินเพื่อเข้าไปในระบบที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องระวังเพราะบางธุรกิจเครือข่ายมีความเสี่ยงสูง
▪️ขวา-ล่าง ( ด้าน I ) Investor
เป็นนักลงทุน เช่น ลงทุนในหุ้น คริปโต
คนเหล่านี้ไม่ต้องทำงาน แต่ให้เงินทำงานแทน เน้นการลงทุนเพื่อให้เกิดกำไร โดยไม่ต้องรอจนเกษียณ สามารถมีรายได้จากการลงทุนขณะที่ยังอยู่ในวัยทำงานได้เลย
ฉันขอสรุปสั้นๆ ดังนี้
📌 ผู้ที่ร่ำรวยได้จริงๆ และไม่เหนื่อย จะต้องอยู่ (ฝั่งขวา) กลุ่ม B และ I ซึ่งจะเป็นผู้มีอิสระภาพทางการเงินอย่างแท้จริง 

📌ส่วน (ฝั่งซ้าย) E กับ S จะต้องวิ่งอยู่ในวังวนไม่รู้จบ อาจไม่มีวี่แววของความร่ำรวย และอิสระภาพทางการเงิน หากตัวเองหยุดงาน รายได้ก็จะหยุด และในที่สุดธุรกิจก็จะหยุดลง
📌 B กับ S ต่างกันตรงที่ S ยังต้องทำงานเองอยู่เเม้จะเป็นนายตัวเอง ส่วน B เราสามารถจ้างคนมาบริหารแทนเราได้

💸💸ดังนั้นผู้ที่หวังความร่ำรวยมั่งคั่ง จะต้องหาหนทางเข้าสู่ธุรกิจฝั่งขวา ก็คือ B กับ I ให้ได้ 👊
👩🏻‍💼ฉันเป็นคนหนึ่งที่อยู่ ฝั่งซ้าย-บน
ด้าน E มาตลอด ฉันเป็นพนักงานประจำ ที่ต้องขายเวลาเพื่อแลกกับเงิน ในความเป็นลูกจ้าง ก็มีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีเงินเดือนประจำ มีโบนัส มีสวัสดิการต่างๆ วันหยุดวันลา ก็ยังมีรายได้ต่อเนื่อง มีความมั่นคงทางด้านจิตใจว่ามีเงินเข้าทุกเดือน ไม่ต้องเครียดว่าวันนี้จะมีรายได้พอมั้ย จะมีเงินจ่ายค่าเช่าที่มั้ยเจ็บป่วยแอดมิทเข้าโรงพยาบาลไม่ต้องเครียดว่าจะไม่มีเงินรักษา แต่ถามว่าทำงานกินเงินเดือนรวยมั้ย? อันนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนมากกว่า ถ้าขยันทำงานมีประสบการณ์เยอะ ก็มีโอกาสที่จะได้ปรับฐานเงินเดือนที่มากขึ้น ประหยัดอดออม ไม่ใช้เงินเกินตัว ก็สามารถมีเงินเก็บไว้ใช้ยามเกษียณได้
แต่จะให้ถึงขั้นรวย💰อยากได้อะไรซื้อได้หมด คงไม่ใช่วิถีมนุษย์เงินเดือนอย่างแน่นอน ( อันนี้ไม่รวมถึงคนที่บ้านมีฐานะอยู่แล้วนะจ้ะ)
จากการได้ศึกษาเงินทั้ง 4 ด้าน ทำให้ฉันไม่หยุดอยู่ที่ตัว E อย่างแน่นอน 🔥เพราะยุคนี้ไม่จำเป็นต้องมีอาชีพเดียว ฉันเพิ่มตัว B (Business owner )เข้ามาในชีวิต เพราะฉันต้องการ “รวยก่อนเกษียณ” 💵💵💵ฉันเลือกทำธุรกิจเครือข่ายแบบระบบ SLM (Singel Level Marketing) ซึ่งบริษัท Sharich Health ได้วางระบบให้หมดแล้ว นั่นคือธุรกิจอาหารเสริมชาริชม่า เป็นธุรกิจซื้อมาขายไป ไม่มีการกินหัวคิว ซึ่งฉันได้ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์และศึกษาเกี่ยวกับระบบมาเป็นอย่างดี ซึ่งธุรกิจนี้ไม่จำกัดอายุ เงินเดือนไม่มีเพดานจำกัด เป็นงานที่ฉันสามารถทำได้ตลอด ถึงฉันเกษียณก็ยังทำได้ต่อเนื่อง อยู่ที่ไหนก็ทำได้ขอให้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ฉันจะเที่ยวไปขายไป และมีเงินเข้าอย่างต่อเนื่อง ฉันจะใช้ชีวิตเกษียณอย่างมีความสุข🥰
“คุณค่าในชีวิต ไม่มีวันเกษียณ”
คุณล่ะ?? มีเงินใช้ยามเกษียณรึยัง
อย่าหวังเงินผู้สูงอายุที่ได้แค่หลักร้อย
ชีวิตบั้นปลาย อยากทำอะไร ต้องได้ทำ
เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร🔥
โฆษณา