1 สัปดาห์หลังการคลอดฉุกเฉิน
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน ใครจะคิดว่าจะได้ผ่าคลอดฉุกเฉิน หลังจากสัปดาห์ที่ 27 ได้รับทราบจากหมอเฉพาะทางว่าลูกในครรภ์คุณแม่นั้นน้ำหนักไม่ได้เพิ่มขึ้นตามอายุครรภ์ จึงต้องเฝ้าติดตามกันแบบอาทิตย์ต่ออาทิตย์ จนสัปดาห์ที่ 29 มีนัดติดตามอาการเป็นสัปดาห์ที่สอง แต่การติดตามอาการคราวนี้เป็นการติดตามแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง จนเวลาเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 พยาบาลได้โทรติดต่อว่าจะทำการผ่าตัดฉุกเฉินด่วนในทันที ตอนนั้นตัวผมเองไร้สติไปชั่วขณะ ในใจคิดได้อย่างเดียวว่าลูกที่ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้ากันนั้นจะจากไปเสียก่อน แต่เช้าของอีกวันพยาบาลได้โทรมาบอกว่าปลอดภัยทั้งแม่และลูก ผมค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่กับลูกที่น้ำหนักแรกคลอดไม่ถึง 1กิโลกรัมนั้นก็ยังทำให้ผมนั่งน้ำตาซึมได้ทั้งวัน เป็นห่วงว่าลูกจะมีอาการอะไรผิดปกติบ้างมั้ย สมอง หัวใจ ปอด ลำไส้จะทำงานได้เป็นปกติมั้ย วิตกไปต่างๆ นานา
หลังจากการคลอดผ่านมาได้ 3 วัน ผมกับภรรยาได้คุยกับพยาบาลที่เฝ้าลูกเพื่อติดตามดูอาการของลูกที่ต้องนอนอยู่ในห้องวิกฤตหรือ icu แล้วก็ทำให้สบายใจว่าลูกแม้จะออกมาตัวเล็ก น้ำหนักตัวไม่ถึง 1 กิโลกรัมและคลอดก่อนกำหนดตั้ง 2 เดือน ยังเรียกได้ว่าสมบูรณ์ แข็งแรงดี เพียงแต่สารอาหารไปไม่ถึงลูกในขณะตั้งครรภ์ จึงต้องเอาออกมาเลี้ยงข้างนอกแทน และคุณแม่ต้องเริ่มปั้มนมตั้งแต่วันแรกที่ออกมาจากห้องผ่าตัดในทันที เพื่อให้มีอาหารเตรียมไว้ให้ลูกเมื่อลูกพร้อมที่จะรับอาหารได้
หลังจากคุณแม่ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน ภารกิจหลักก็คือการปั้มนมให้เพียงพอต่อความต้องการในการกินของลูกครบ 8 มื้อในแต่ละวัน ตามที่คุณหมอกำหนด จากวันแรกที่คุณแม่ปั้มนมได้ไม่ถึง 1 mL ก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จน 1 สัปดาห์คุณแม่ปั้มนมได้ถึง 2 ออนซ์ต่อหนึ่งรอบของการปั้มนม และต้องปั้มทุกๆ 3 ชั่วโมง ผมซึ่งเป็นพ่อก็ไม่สามารถที่จะทำแทนได้ สิ่งนี้จึงเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งของคุณแม่ จนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเต็มที่สักคืน เป็นความเหนื่อยที่มีความสุข เป็นกิจกรรมของพ่อแม่ที่ทำเพื่อลูก เพื่อได้อยู่เป็นครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันตลอดไป
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
