16 ก.พ. 2022 เวลา 10:08 • ธุรกิจ
part time job (สอนหนังสือ) #01
เตรียมเนื้อหาไปสอนน้องๆ
จุดเริ่มต้นการหารายได้จากการสอนของผมเริ่มในสมัยอยู่ม.ปลาย ช่วงแรกๆคุณแม่เป็นคนหาลูกค้าหรือเด็กที่จะมาเรียนให้ผม ไม่ว่าจะเป็นเด็กประถมต้น-ปลาย, เด็กม.ต้น หรือแม้กระทั้งเด็กม.ปลายด้วยกันเอง ในมุมมองของผม การสอนเปรียบเสมือนการถ่ายทอดความเข้าใจของบุคคลหนึ่งสู่อีกบุคคลนึง ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือการมองในมุมมองของนักเรียน ว่าเขาน่าจะต้องเน้นหรือทวนตรงไหนเป็นพิเศษ มีจุดไหนบ้างที่เขามีโอกาสพลาด ผมคิดว่าการที่เรามองในมุมของผู้ถูกสอน เป็นการใส่ใจทั้งต่อตัวเขาและตัวเราเองด้วย
หลังจากผมมีประสบการณ์การสอนมากขึ้น ผมก็เริ่มอัปค่าตัวของตัวเองจาก 200 เป็น 350 บาท/ชม. รับเด็กต่างโรงเรียนมากขึ้น หรือแม้กระทั่งมีสอนตัวต่อตัวที่บ้านของนักเรียนเอง (การไปสอนที่บ้านจะได้เงินเยอะกว่า ได้เกือบๆ 500 บาทเลยทีเดียว) ผมสอนไปเรื่อยๆจนเริ่มมีน้องที่อยากมาเรียนเป็นรายเดือน มาจองไว้เลยว่าเดือนนี้เรียนวันไหนบ้าง เรียนกี่วันนับเป็นชม.ๆไปเลย ผมจึงได้เริ่มตั้งเรตเป็นรายเดือนขึ้นมา โดยคิดเป็น 400-450 บาทต่อชม. โดยถ้าเรียนคนเดียวจะคิด 450 แต่ถ้ามาตั้งแต่ 2-3 คนขึ้นไป ผมก็คิดเรต 400 ต่อคน
มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมได้สอนเด็กเยอะมากๆ คือน้องสาวของผมได้ชวนเพื่อนๆทั้งห้อง ที่เรียนวิชาคณิตไม่เข้าใจ สาเหตุน่าจะมาจากอาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง ผนวกกับน้องของผมและเพื่อนๆพยายามอ่านเองก็ยังสับสนอยู่ดี แม่ผมดำเนินเรื่องขอห้องเรียน(ออกแนวๆเป็นห้องคลาสสอนสดตามสถาบันกวดวิชา) ส่วนผมเตรียมเนื้อหาการสอน บอกตรงๆเลยว่าตอนนั้นแอบกดดัน เพราะไม่ค่อยสอนน้องเขาเยอะขนาดนี้มาก่อน จะทำยังไงให้น้องทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสอนและสื่อออกมา ความเครียดมันเริ่มขึ้น ณ จุดๆนั้นเอง
ถึงวันที่ผมไปสอนจริงๆ เปิดประตูเข้าไปก็มีน้องๆนั่งรอในห้องเต็มแล้ว ผมขอเสริมนิดนึงคือ ตอนที่ไปสอน ผมได้ชวนเพื่อนมาด้วย เนื่องจากเพื่อนคนนี้เก่งคณิตพอๆกับผม แถมยังอธิบายทฤษฎีได้เก่งกว่าผมเยอะเลย (ส่วนตัวผมไม่ชอบพาร์ททฤษฎีของวิชาคณิตศาสตร์เลย) แรกๆตอนเริ่มสอนน้องๆตั้งใจฟังดี เข้าใจกันซะส่วนใหญ่ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาสำคัญ ที่น้องๆเขาไม่เข้าใจ น้องสาวผมเป็นคนแรกที่เปิดประเด็นคำถามว่า "ตรงนี้พี่เกฟแก้ยังไง แล้วทำไมต้องแก้แบบนี้" ผมก็อธิบายไปทีละขึ้นตอนใหม่อีกรอบ แต่ผมยังรู้สึกว่าน้องยังไม่เข้าใจพอ ผมจึงคิดกลับกันว่า ถ้าผมเป็นน้องผมคงเข้าใจไปแล้ว ไม่ใช่นะครับ5555 คือถ้าเราเป็นน้องทำไมเรายังไม่เข้าใจจุดนี้นะ มันโยงไปถึงเรื่องไหนหรือเปล่าที่เรายังไม่ได้พูดถึง
เมื่อเราเริ่มเข้าใจผู้ฟังมากขึ้น เราก็จะเป็นผู้พูดที่ดีขึ้นเอง ผมเริ่มปรับวิธีการสอนใหม่ ไม่สอนตามตำราและเนื้อหาที่น้องๆเรียน หลังจากพักเบรคอะไรเสร็จ ผมเริ่มทวนเนื้อหาแค่จุดสำคัญที่น้องๆมักพลาด อธิบายโจทย์ตามความเข้าใจของผมเอง ไม่ใช่ตามเนื้อหาที่สอนว่าต้องทำแบบนี้ และอย่างสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ผมให้แนวและการบ้านให้น้องๆไปฝึกทำก่อนสอบ เป็นประมาณการเก็งข้อสอบนั้นเอง (ผมเคยเป็นเด็กสอวน.มาก่อน เลยพอเข้าใจว่าคนออกข้อสอบจะออกประมาณไหน) ตั้งแต่ผมปรับเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบการสอน น้องเข้าใจมากขึ้น สนุกกับการเรียนมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือน้องบางคนดีใจมากที่จากเป็นคนที่เกลียดเลข ตอนนี้เริ่มหันมาชอบเลขมากขึ้น เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ผมดีใจมากๆ ที่อย่างน้อยก็ทำให้น้องเขาเข้าใจ และไม่ตัดสินวิชาใดวิชาหนึ่งว่ามันไม่ดี จากการที่เราแค่เรียนไม่รู้เรื่อง หรืออาจารย์สอนไม่เข้าใจ
สุดท้ายนี้ ผมแนะนำอย่างยิ่งสำหรับใครที่มองหารายได้จากการสอนอยู่ เพราะมันไม่ได้ทำให้เราได้เงิน แต่มันให้ทักษะกับเรามากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำความเข้าใจบรรยากาศและผู้ฟัง ทักษะการควบคุมอารมณ์และทักษะการนำเสนอ เป็นต้น
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
grich

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา