15 ก.พ. 2022 เวลา 09:21 • ข่าว
ครม.อนุมัติอัดฉีด-ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า
สูงสุดคันละ 150,000 บาท มีผลบังคับใช้พฤษภาคม
ลดภาษีรถยนต์เหลือ 2-0% ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางเอเชีย
1
โฆษกรัฐบาลเผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการ สนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย" ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะส่งเสริมการใช้อีวี 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์และรถกระบะ โดยจะมีผลบังคับใช้เดือน พ.ค.นี้ และเมื่อผ่าน ครม.แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปออกกฎหมายและทำสัญญากับค่ายรถที่เข้าร่วม
สำหรับมาตรการดังกล่าวจะส่งเสริมตั้งแต่ปี 2565-2568 เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า 3 กลุ่ม ได้แก่
🔵 เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน
🔵 ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0%
🔵 ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566
🔵 ยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ
7
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้กำหนดเงื่อนไขกับค่ายรถที่เข้าร่วมต้องยอมรับ คือ หากเป็นรถที่นำเข้ามาจะต้องมีการผลิตชดเชยให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ช่วงปี 2565-2566 ในปี 2567 แต่ขยายเวลาได้ ถึงปี 2568 เช่น นำเข้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามา 1 คัน ผู้ผลิตจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 1.5 คัน แต่ก็เปิดช่องว่าผู้ใช้สิทธิ์จะผลิต BEV รุ่นใดก็ได้เพื่อชดเชย ยกเว้นเพียงรถที่มีราคาขายปลีกราคา 2-7 ล้านบาท จะต้องผลิตรุ่นเดียวกับที่นำเข้ามา
3
ส่วนหลักเกณฑ์การใช้สิทธิ์ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต้องอยู่ภายในประเทศไทย มีการทำสัญญากับกรมสรรพสามิต ซึ่งจะจ่ายอุดหนุนเงินและภาษีไปที่ผู้ประกอบการโดยตรง รวมถึงเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ ต้องวางเงินค้ำประกันประกอบการใช้สิทธิ์ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติติตามเงื่อนไขย่อมจะมีบทลงโทษตามมา เช่น ต้องคืนเงินอุดหนุนเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย ยึดเงินค้ำประกันจากธนาคาร รวมทั้งไม่ได้สิทธิลดภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มเติม
1
หากดูตัวของมาตรการการสนับสนุนรถยนต์ EV ทั้ง 3 ประเภท เริ่มที่ "รถยนต์ไฟฟ้า" กลุ่มราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท ถูกผลิต ประกอบในประเทศไทย ส่วนนี้จะได้ลดอากรขาเข้าสูงสุด 40% ในปี 2565-2566 ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เป็น 2% ปี 2565- 2568 พร้อทเงินอุดหนุน ปี 2565-2568 ตามขนาดแบตเตอรี่
5
🔵 เรท 70,000 บาท
ขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30 กิโลวัตต์ต่อ ชั่วโมง
🔵 เรท 150,000 บาท
ขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงขึ้นไป
 
กรณีที่ราคาขายปลีกสูงตั้งแต่ 2,000,000-7,000,000 บาท ได้ลดอากรขาเข้าสูงสุด 20% ปี 2565-2566 ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เป็น 2% ปี 2565-2568 แต่ต้องเลือกผลิตรถยนต์จากรถรุ่นใดรุ่นหนึ่งที่ได้นำข้ามาในปี 2565-2566 เท่านั้น
2
ถัดมาที่ประเภท "รถกระบะ" ราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2,000,000 บาท จะลดภาษีสรรพสามิตเป็น 0% ในปี 2565-2568 และเงินอุดหนุนปี 2565-2568 คันละ 150,000 บาท สำหรับรถยนต์กระบะประเภท BEV ที่มีแบตเตอรี่ขนาดตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป แต่กำหนดให้เฉพาะรถยนต์กระบะผลิตในประเทศ
4
ประเภทสุดท้าย "รถจักยานยนต์ไฟฟ้า" กรณีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 150,000 บาท ได้สิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนคันละ 18,000 บาท ทั้ง CKD และ CBU ระหว่างปี 2565-2568
4
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
โฆษณา